1. การค้นหาตัวเองก็เหมือนการชิมอาหาร ถ้าคุณไม่เคยลองชิมอาหารอะไรเลย คุณจะรู้ไหมว่า เมนูไหน คือ ของโปรดคุณ เช่นกัน ถ้าคุณไม่ลองลงมือทำ คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองชอบ
.
การค้นหาตัวเองจึงไม่ใช่การคิดวกไปวนมา แต่คือการ ทดลอง และ ลงมือทำ อะไรหลายอย่าง จนกว่าจะหามันเจอ
.
2. มรดกที่มีคุณค่ามากที่สุด ไม่ใช่ทรัพย์สิน แต่คือ ความคิด เพราะต่อให้ได้รับมรดกเป็น ทรัพย์สิน มาเป็นล้าน แต่ขาด มรดกทางความคิด ซึ่งเปรียบเสมือนคู่มือการใช้งาน อีกไม่นานทุกอย่างก็กลับมาเป็น ศูนย์ อยู่ดี
.
แต่ถ้ามรดกที่ได้รับมาเป็นความคิด ต่อให้ได้รับทรัพย์สินมามูลค่าเป็น สูนย์ มันก็ยังสามารถนำไปสร้างทรัพย์สิน ให้กลับมาเป็นล้านได้
.
3. การไม่มีใบปริญญา อาจไม่ได้ทำให้ทุกอย่างยาก แต่ความคิดที่ว่า ถ้าไม่มีใบปริญญา ชิวิตนี้คงจะทำอะไรไม่ได้ต่างหาก ที่ทำให้ทุกอย่างยาก และ ทำให้คนติดกับดัก จนไม่ลงมือทำอะไรเลย
.
4. ใบปริญญา คือ สิ่งที่บอกว่าคุณเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้บอกว่า คุณจบการศึกษา เพราะการศึกษาต้องทำไปตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเป็นเพียงอนุบาลชีวิตเท่านั้น แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก คือ ของจริง
.
5. คุณไม่สามารถทำเงิน “แสน” ด้วยวิธีการเดียวกับตอนทำเงิน “หมื่น” และ คุณก็ไม่สามารถทำเงิน “ล้าน” ด้วยวิธีการเดียวกับตอนทำเงิน “แสน” ได้
.
เพราะสิ่งที่ทำให้คุณมาถึง “จุดที่ยืนอยู่” จะไม่สามารถพาคุณก้าวไปถึง “จุดที่คุณต้องการ” ได้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีชีวิตที่ “ก้าวหน้า” กว่าที่เป็นอยู่ ก็จงเปลี่ยนแปลงตัวเอง และ มองหาวิธีการทำเงินใหม่ๆ อยู่เสมอ
.
6. ความรู้ทางการเงิน คือ สิ่งที่คุณต้องมี ถึงจะรวยได้ ไม่ใช่คิดว่ารอให้รวยก่อนถึงค่อยหาความรู้ทางการเงิน เพราะสิ่งที่จะตัดสินว่าคุณจะเป็นคนรวยหรือคนจน ก็คือ ความรู้ทางการเงิน นี่แหละ
.
7. ถ้าถามว่าทำไมต้องมี เงินเก็บ ก็เพราะการมีเงินเก็บ จะทำให้คุณมี วิสัยทัศน์ มากขึ้น มองได้ไกลขึ้น ว่าเดือนหน้า ปีหน้า คุณจะทำอะไรบ้าง เพื่อพัฒนาชีวิตของตัวเอง
.
แต่ถ้าคุณไม่มีเงินเงินเก็บเลย ความคิดของคุณจะอยู่แค่ วันนี้ จะกินอะไร พรุ่งนี้ จะทำอย่างไรให้ตัวเองยังอยู่รอดได้ก็เท่านั้น ไม่ไกลไปจากนี้
.
8. เงินก็เหมือนเกม ถ้าเรารู้กติกา และ เล่นเป็น เราก็จะเป็นผู้ชนะในสนามการเงิน แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องมีความรู้ทางการเงิน เพราะไม่มีใครทำเงินได้เกินขอบเขตความรู้ของตัวเอง
.
9. การขาย คือ ทักษะแห่งการสร้างเนื้อสร้างตัว ถ้าอยากจะมีรายได้มากขึ้น จงฝึกฝนทักษะการขายเป็นสิ่งแรก เพราะถ้าวันนี้คุณยังกลัว และ ปฏิเสธการขาย ก็ไม่ต่างอะไรกับการปฎิเสธรายได้ที่จะเข้ามาหาตัวเอง
.
10. เรากำลังอยู่ในยุคที่ ทักษะการเขียน มีผลต่อปากท้อง คนที่เขียนขาย เขียนเรซูเม่ เขียนคอนเทนต์ ได้เก่งกว่า ก็มีโอกาสทำเงินได้มากกว่า ดังนั้น ใครที่ยังไม่เริ่มฝึก ทักษะการเขียน ตั้งแต่วันนี้ ระวังจะกลายเป็นคน ไส้แห้ง โดยไม่รู้ตัว
.
11. ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ให้ใช้ “หูฟัง” ก่อนใช้ “ปากพูด” เสมอ เพราะการฟัง คือ กำไร แต่ถ้าเอาแต่พูด มันมีแต่ เสมอตัว กับ ขาดทุน
.
12. สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สำเร็จ เพราะเก่งแต่ตอนตั้ง “เป้าหมาย” แต่ไม่ได้คิดถึง “กระบวนการ” ในการเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก เพราะการตั้งเป้าหมายแบบไม่มี กระบวนการ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่อยากทำอาหาร แต่ไม่รู้จัก ขั้นตอน
.
13. อย่าอ้างว่าไม่มีทางทำอะไรสำเร็จ เพราะไม่มี คอนเนกชั่น ถ้าคุณยังทำตัวไม่คู่ควรกับมัน เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงเอาตัวเองไป คอนเนก กับคนที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะได้อะไร ก็ต้องทำตัวให้คู่ควรกับมันเสียก่อน
.
14. สิ่งที่คุณควรลงทุนเป็นอันดับแรก คือ สมอง เพราะถ้าสมองมีมูลค่า 1 ล้าน ต่อให้เหลือเงิน 1 บาทก็หาทางทำให้เงินกลับมาเป็น 1 ล้านได้ แต่ถ้าสมองมีมูลค่า 1 บาท ต่อให้ถูกหวย 1 ล้าน สุดท้ายก็จะทำมันสลายจนเหลือ 1 บาท อยู่ดี
.
15.ในช่วงเริ่มต้นของวัยทำงาน อย่ามองผลตอบแทนแค่มูลค่าของ เงิน ที่ได้รับ เพราะผลตอบแทนสามารถมาในรูปแบบของ ความรู้ คอนเนกชั่น โอกาส และ ประสบการณ์ ได้เหมือนกัน ตัวแปรสำคัญ 4 อย่างนี้แหละ ที่จะทำให้สามารถ ทำเงิน ได้อย่างมหาศาลในอนาคต
.
16. ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็วแบบนี้ การมีทักษะการทำงานแบบตัว T ถือว่าดีที่สุด คือ รู้ลึกหรือเชี่ยวชาญอะไรสักด้าน ขณะเดียวกันก็ต้องมีความรู้กว้างเหมือนเป็ดในด้านอื่นๆ ด้วย เพราะการรู้กว้างจะทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนไปทำสิ่งใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่มีอาชีพเกิดใหม่ทุกวันแบบนี้ การเป็นเป็ดอาจประสบความสำเร็จได้มากกว่า
.
17. คนเราเก่งอย่างเดียวไม่พอ มันต้องอยู่ให้ถูกที่ด้วย โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อม คนรอบข้าง ซึ่งมีผลต่ออนาคตของเรามาก ดังนั้น จงเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของเราให้มากที่สุด เพราะโอกาสไม่มีขา เดินมาหาเราไม่ได้
.
18. คำว่า ไม่มีเวลา ไม่มีอยู่จริง เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่ มี หรือ ไม่มีเวลา หรอก แต่อยู่ที่ ใช้ หรือ ไม่ใช้เวลาต่างหาก ถ้ารู้สึกว่าไม่มีเวลาพัฒนาตัวเอง ลองนั่งนิ่งๆ แล้วมองย้อนกลับไป ว่าในแต่ละวันเราใช้เวลาอย่างไร้ค่าไปกับอะไรบ้าง ถ้าคุณกล้าหาญพอที่จะตัดมันออกได้ คุณจะได้เวลากลับมาอย่างมหาศาลเลย
.
19. ธุรกิจ เริ่มต้นจากนิสัยการใช้เงินของเรา ว่าจะเลือกใช้เงินที่มีไปกับ “การบริโภค” หรือ “การลงทุน” การลงทุนในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าต้องไปซื้อหุ้น หรือ อสังหาฯ แต่คือการลงทุนกับอะไรก็ได้ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนกลับมา เช่น การลงทุนกับ ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ แล้วนำสิ่งเหล่านี้ไป เรียนรู้ พัฒนา และ ทำเงิน ต่อไป
.
20. การได้ทำงานที่ชอบ จะทำให้เราสามารถดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนได้เองโดยไม่งัวเงีย เพราะงานจะไม่ใช่แค่งาน แต่จะกลายเป็น ความหมายของชีวิต และ ทำให้รู้สึกราวกับว่าเราไม่ได้ทำงานอีกเลยตลอดชีวิต
.
21. กฎเหล็ก ของการทำธุรกิจ คือ ห้ามเอาเงินออกมาใช้ส่วนตัว ถ้าเริ่มทำครั้งแรก ครั้งที่สอง สาม สี่ ก็จะตามมา จนสุดท้ายจะกลายเป็น กฎเล็ก ที่แม้แต่คนขายดี ก็ทำให้ “เจ๊ง” ได้
.
22. การทำธุรกิจกับตำแหน่ง “ผู้นำ” มักจะมาคู่กันเสมอ แต่คุณจะมีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงเหมือนชื่อตำแหน่งที่ได้มาหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง และสิ่งหนึ่งที่จะเป็นเครื่องยืนยันความเป็นผู้นำในตัวของคุณได้ก็คือ การไม่ทำผิดนิยามของความเป็นผู้นำ ด้วยการ “สังเวยคนของตัวเอง” เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
.
23. ปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ คือ ความเชื่อใจ ของคนในทีม เพราะถ้าคนในทีมรู้สึกระแวงต่อกัน หรือ ระแวงหัวหน้างาน ทุกคนก็ต้องใช้เวลาและพลังงานไปกับการปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกมองไม่ดี หรือ โดนไล่ออก
.
ฉะนั้น การทำธุรกิจไม่ใช่แค่มีเงินทุนหรือความสามารถในการจ้างคนเก่งๆ เท่านั้น แต่คุณในฐานะผู้นำจะต้องสร้าง สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และ ความไว้วางใจ ที่ทุกคนมีต่อกันให้ได้ด้วย
.
24. ถ้าอยากทำธุรกิจ ต้องตั้งเป้าหมายว่าอยากทำธุรกิจตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจสมัครงาน เพราะถ้าเราตั้งใจแค่จะไปทำงาน เราจะโฟกัสแค่งานตรงหน้า แต่ถ้าตั้งใจจะทำธุรกิจ สายตาของเราจะกว้างขึ้น และ พยายามเรียนรู้งานทุกอย่าง ศึกษาวิธีการทำงานทุกแผนก และ สามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจที่เราอยากทำในอนาคตได้
.
25. การทำงานประจำ กับ การทำธุรกิจ มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การทำงานประจำ คุณเก่งแค่งานของตัวเองก็เพียงพอ แต่การทำธุรกิจคุณอาจจะไม่ต้องเก่งที่สุดในทุกงาน แต่คุณต้องรู้ว่างานทุกอย่างมันทำงานอย่างไร
.
26. การทำงานประจำจะทำให้คุณเข้าใจมุมมองของพนักงานที่มีต่อองค์กรและหัวหน้ามากขึ้น ว่าหัวหน้าแบบไหนคือแบบอย่างที่ดี แบบไหนคือคนที่ถ่วงความเจริญขององค์กร เวลาไปทำธุรกิจจริง อะไรที่เราไม่ชอบ หรือ เห็นว่าไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจเติบโต จะได้ไม่ทำ
.
27. การทำงานในองค์กรขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูงแบบสตาร์ตอัพจะมีข้อดีในการเรียนรู้ระบบธุรกิจได้มากกว่าองค์กรขนาดใหญ่ เพราะการทำงานแบบทีมเล็ก คุณจะมีโอกาสได้ทำงานทุกอย่างเกือบทุกแผนก
.
28. อีกข้อดีของการทำงานในองค์กรขนาดเล็ก คือ จะมีข้อจำกัดเรื่องเงินทุน เวลาจะออกสินค้าหรือบริการแต่ละอย่าง เราจะได้เรียนรู้วิธีการพลิกแพลงค่อนข้างเยอะ ซึ่งสอดคล้องกับคนส่วนใหญ่ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจแต่ไม่มีเงินทุนมากมายนัก
.
29. คอนเนกชั่น กับ การทำธุรกิจเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ งานประจำจึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการเริ่มเก็บคอนเนกชั่น
.
30. แต่ก็อย่าหลงตัวเองมากเกินไป เพราะถึงแม้คุณจะได้คอนเนกชั่นจากงานประจำมา ก็ใช่ว่าจะเอามาใช้ในธุรกิจได้เสมอไป เพราะตอนทำงานประจำคุณสวมหมวกบริษัทคุยกับเขา แต่พอมาทำธุรกิจคุณกำลังสวมหมวกอีกใบ ดังนั้น แค่คุณรู้จักเขาไม่ถือว่าเป็นคอนเนกชั่น เพราะคอนเนกชั่นที่แท้จริง คือ คุณต้องเป็นที่รู้จัก และ เป็นที่ยอมรับในฝีมือ ของผู้อื่นต่างหาก
.
31. การสังสรรค์ คือ สิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ออฟฟิศมาอย่างช้านาน แต่ถ้าคุณมีเเป้าหมายอยากทำธุรกิจ ก็ควรเลือกที่จะสังสรรค์ให้ดี เพราะถ้าคุณ “สังสรรค์แบบไม่สร้างสรรค์” พูดง่ายๆ คือ สังสรรค์ไปทั่วคุณจะหลุดโฟกัสได้ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากไปฟังเพื่อนร่วมงานบ่นเจ้านาย แต่ถ้าคุณ เลือกที่ ”จะสังสรรค์แบบสร้างสรรค์” คือ ไปร่วมงานทีไรได้อะไรกลับมาทุกที ซึ่งอาจจะเป็นการสังสรรค์กับเพื่อนที่มีทัศนคติที่ดี มีเป้าหมายคล้ายกัน หรือ อาจจะเป็นกับคนในระดับผู้บริหาร คุณจะพบเลยว่าบทสนทนาที่ออกจากปากของแต่ละคนนั่นมีมูลค่ามากๆ
.
32. ถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเอง “ไม่มีเงินทุน” จะเริ่มต้นธุรกิจ คุณจะมองเห็นแค่วิธีเริ่มต้นธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุน แต่ถ้าเปลี่ยน “วิธีคิด” เป็นมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เริ่มธุรกิจได้โดย “ไม่ต้องใช้เงินทุน” คุณจะมองเห็น “วิธีพลิกแพลง” ในการเริ่มต้นธุรกิจโดยใช้ “ทรัพยากร” ที่คุณมีอยู่แล้ว ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องใช้ “เงินทุน” เลย
.
33. ออนไลน์ คือ ทรัพย์สินตัวใหม่ ที่เรียกกันว่าทรัพย์สินดิจิทัล ซึ่งก็เหมือนกับ ที่ดิน หรือ อสังหาฯ ที่สมัยก่อนไม่ได้มีราคาแพงนัก แต่เมื่อมีคนเข้ามาเดินผ่านไปผ่านมา มีคนเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัย เข้ามาทำงาน ที่ดิน และ อสังหาฯ ก็เริ่มราคาสูงขึ้น ช่องทางออนไลน์ อย่าง เพจ เว็บไซต์ ก็เช่นกัน ตอนนี้มันอาจจะไม่มีมูลค่ามาก และคุณสามารถเป็นเจ้าของได้ฟรี แต่ถ้าคุณสามารถทำให้คนเข้ามาเดินผ่านมากขึ้น มีผู้ติดตามมากขึ้นได้ มันจะเป็นทรัพย์สินที่จะทำเงิน สร้างคอนเนกชั่น และ ใช้ต่อรองทางธุรกิจให้กับคุณได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
.
34. ถ้าคุณยังมีรายได้ทางเดียว ให้เพิ่มช่องทางรายได้จาก งานเสริม แล้วทุ่มเทกับมันให้เท่ากับ งานประจำ เพราะสักวันมันอาจกลายเป็นงานหลักที่ดีกว่างานเดิม
.
35. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ชอบความเสี่ยง เพราะงานวิจัยระบุว่า คนที่ทำธุรกิจควบคู่กับประจำ มีโอกาสล้มเหลวน้อยกว่า คนที่ลาออกมาทำเต็มตัวถึง 33% เพราะคนเรา “เมื่อท้องอิ่ม ก็จะเห็นงานอาร์ต” เมื่อเราพอมีเงินเดือนจากงานประจำใช้เลี้ยงชีพอยู่ เราจะทำทุกอย่างด้วยใจ ไม่เร่งรีบออกสินค้าเกินไป ไม่ขายของยัดเยียดให้ลูกค้า ทำให้ทุกอย่างออกมามีคุณภาพ และ ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่า
.
36. เวลาจะเริ่มต้นธุรกิจ อย่าเอาเงินไปซื้อของมาก่อน แล้วค่อยหาลูกค้า แต่ให้หาลูกค้าก่อน ลองเอาของมาโพสต์ทดสอบตลาดว่ามีคนซื้อไหม ถ้ามีคนซื้อก็ค่อยจ่ายเงินซื้อสินค้ามาขายทีหลัง ถ้าลูกค้าทักมาแล้วไม่มีของจะขายก็บอกลูกค้าไปก่อนว่าของหมด ถึงแม้เราจะไม่ได้ขาย แต่เราก็รู้แล้วว่าของแบบไหนขายได้ ของแบบไหนที่ลูกค้าชอบบ้าง จะได้เลือกสินค้า และ วางแผนถูกต้อง เพราะการมีคนซื้อแต่ไม่มีของ มันยังดีกว่าการมีของแต่ไม่มีคนซื้อ
.
37. อย่ารอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้วถึงจะลงมือทำ แต่จงลงมือทำ ทั้งที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะเมื่อเราเริ่มทำสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นจะนำพาเราไปพบกับ ผู้คนใหม่ๆ แล้วผู้คนใหม่ๆ ก็จะนำโอกาสใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตเราเอง แต่หากไม่ยอมเริ่มต้นจุดแรกเสียที ก็ไม่มีทางเลยที่จะมองเห็นจุดต่อไป
.
38. สิ่งที่เลวร้ายกว่าการเริ่มต้นธุรกิจ แล้วโดน คนอื่นปฏิเสธ คือ การโดนคำปฏิเสธ ในใจของตัวเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย
.
39. การออกมาทำธุรกิจ ไม่ได้มีเวลามากกว่าทำงานประจำ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกัน คือ คนทำธุรกิจสามารถยืดหยุ่นและจัดการเวลาของตัวเองได้ เพื่อที่จะได้ทำงานที่สำคัญ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม จึงสามารถใช้เวลาที่มีทุกนาทีได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ
.
40. "ความสำเร็จ" ไม่ได้วัดจากจำนวนเงินที่ทำให้เราสามารถกินข้าวกับไข่ปลาคาเวียร์มื้อละหมื่นบนโต๊ะอาหารสุดหรู แต่การได้กินข้าวต้มปลาเค็มบนโต๊ะอาหารกับครอบครัวโดยที่ตัวเราไม่ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างหาก คือ ความสำเร็จ
.
.
หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ หนังสือที่ถ่ายทอดเทคนิคจากประสบการณ์จริงของเจ้าของเพจสมองไหลที่เริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ โดยทำเป็นงานเสริมควบคู่กับงานประจำ
.
แต่ในขณะเดียวกันก็นำความรู้จากงานประจำมาใช้เสริมสร้างธุรกิจจนเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนรายได้แซงงานประจำ 6 เท่า ก่อนจะตัดสินใจลาออกหลังจากทำงานประจำไปได้เพียง 1 ปี
.
ใครอยากจะสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยใช้ต้นทุนจากงานประจำ สามารถนำวิธีของสมองไหลไปใช้ได้ง่ายๆ เพียงสั่งซื้อ หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ
.
วิธีการสั่งซื้อ
.
1.กดลิงก์ https://m.me/139971470015828?ref=sale_8wje9NxA
.
2.กด “สั่งซื้อ”
.
3.เลือก “จำนวน” และ กด “ยืนยันคำสั่งซื้อ”
.
จากนั้น ชำระเงิน ตามเลขบัญชีที่ให้ไว้ใน Inbox
.
ราคา 295 บาท (รวมค่าส่งแล้ว)
เงินเก็บ 30 ล้าน 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ warattapob.com Facebook 的精選貼文
🙂 ผมเชื่อว่าทุกคนก็ฝันที่จะมีเงินใช้อย่างสุขสบาย
ไปตลอดชีวิต โดยที่ไม่ต้องทำงาน ....... 🤔🤷♀️🤔
แล้วจะต้องมีเงินเท่าไหร่กันถึงจะพอ ❓
👉คิดแบบง่ายๆเลยนะครับคุณก็ลองจดดูว่า
ใน 1 เดือนคุณใช้เงินเท่าไหร่ แล้วคุณก็คูณไปเลย
20 ปี 30 ปี 40 ปี จะเป็นเงินเท่าไร..?
ถ้าเป็นคนที่แทบจะไม่ได้ใช้เลย 💸
ประมาณว่าเป็นคนที่อยู่คนเดียว ...
ผมว่าถ้าเก็บเงินได้ประมาณ 1 ล้าน 2 ล้านก็อยู่ได้แล้วครับ
.
.
✏พอคิดแบบนี้แล้วคนก็เลยอยากจะถูกหวยรางวัลที่ 1
พอมีเงินแล้วก็สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต ....😲
แต่ผมเห็นมาเยอะแล้วครับคนที่ถูกหวยรางวัลที่ 1
มักอยู่ได้ไม่ถึงตลอดชีวิต เป็นเพราะอะไร ?
ก็เพราะว่าเขามีเงินไงครับ เขาก็อยากจะเอาเงินไปทำนู่นทำนี่
อยากจะใช้เงินซื้อความสะดวกสบาย เพื่อให้ตัวเอง มีความสุข
ให้มันดีกว่าในชีวิตปัจจุบันที่คุณมี สุดท้ายมันก็หมดไป🚫💸
.
.
ดังนั้นถ้าคุณ อยากจะอยู่ได้โดยที่ไม่ทำงาน
คุณก็ต้องเก็บเงิน ให้พอกับค่าใช้จ่ายที่คุณคาดการณ์ไว้ครับ
เท่านี้คุณก็จะอยู่ได้ไปตลอดชีวิต 👈
แต่ว่า!! นี่เป็นแค่การคาดเดาขั้นพื้นฐานนะครับ ... 💥
จริงๆแล้วเงินจำนวนนี้อาจจะไม่พอก็ได้
เพราะเราไม่รู้อนาคตถูกต้องไหมครับ
ดังนั้นผมขอถามจริงๆ นะครับว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่
คุณจะไม่ทำอะไรเลยจริง ๆ หรอครับ...🤔
ถ้าหากคุณกำลังเก็บเงินเพื่ออนาคตอยู่
แล้วคุณคิดจะทำอย่างไรกับเงินก้อนนี้ คอมเมนต์มาได้เลยครับ
วรัทภพ รชตนามวงษ์ warattapob.com
==============================
🔴แจกฟรี‼️🔴
หนังสือแบบเล่ม “เงิน มา ง่าย ๆ”📙
==============================
✅เขียนโดย อ.วรัทภพ รชตนามวงษ์
เนื้อหาในเล่มอัดแน่นมากถึง 357 หน้า
➕และยังแถมฟรี! โบนัสคลิปวิดีโอพิเศษอีก 17 คลิปมูลค่า 9,900 บาท
==============================
🔥ของฟรี! จำนวนจำกัด รีบด่วน🔥
==============================
ติดต่อขอรับ หนังสือแจกฟรี‼️ "เงิน มา ง่าย ๆ" โดยแอดไลน์ @warattapob (มี @ นำหน้า) ได้นะครับ
หรือกดลิงก์นี้แอดไลน์ 👉 https://line.me/ti/p/~@warattapob
.
.
.
#วรัทภพ #warattapob #หาเงินออนไลน์ #ธุรกิจออนไลน์ #งานออนไลน์ #หางานออนไลน์ง่ายๆ #หาเงินเข้ากระเป๋า #อยากรวยมาทางนี้ #อยากมีเงิน #อยากมีเงินใช้ #business #jobonline #workonline #businessonline #onlinemarketing #online #getmoremoney #onlinebusiness #investment #rich #เงินเก็บ #ออมเงิน #อนาคต #คาดเดา #ชีวิตบั้นปลาย #ถูกหวย #อยากถูกหวย #ชีวิตสุขสบาย #เงินเก็บเพื่ออนาคต #การใช้ชีวิต
เงินเก็บ 30 ล้าน 在 Money Coach Facebook 的最佳解答
เงินเก็บ 1 ล้านแรก เจ้าปัญหา
วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผมอ่านทวิตเตอร์ เจอทวีตข้อความจากน้องคนหนึ่ง อายุ 27 ปี มีอาชีพเป็นนักกายภาพ น้องเล่าว่าเก็บเงินล้านแรกได้ ภายใน 5 ปี จากเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท และมาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร
น้องเค้าทยอยเล่ารายละเอียดเป็น Thread ยาว 10 ชุดข้อความ และมี Thread หนึ่ง อ้างอิงถึงผมว่า
“พอจบมาทำงาน โชคดีที่ได้ที่ทำงานดี ก่อนได้เงินเดือนๆ แรก เขาให้ไปอบรมการเงินกับโค้ชหนุ่ม Money Coach (กราบขอบคุณที่ได้ไปฟัง ไม่งั้นคงไม่มีเราในวันนี้แน่)”
น้องเขาหยิบสิ่งที่ได้เรียนกับผมในวันนัั้น มาเป็นกฎเหล็กในการบริหารเงินของตัวเอง ดังนี้
- อย่าก่อหนี้จนกว่าจะอายุ 30 ปี
- ก่อนอายุ 30 ปี ทำงานเพื่อประสบการณ์ และหลังจากทำงานจนเชี่ยวชาญแล้ว ให้เริ่มต้นสร้างธุรกิจ
- ถ้าคิดจะเป็นหนี้ ต้องเป็นหนี้ที่สร้างกระแสเงินสดให้เพิ่มขึ้น
- ออมขั้นต่ำ 10% ของรายได้
- มีเงินสำรองฉุกเฉิน 6 เท่าของรายได้ต่อเดือน
แต่ที่ผมชอบมากกว่า คือ วิธีการเก็บเงิน 1 ล้านบาท น้องเขาเขียนสรุปไว้ดังนี้ครับ
1. อย่าน้อยใจว่าจน เพราะมันไม่ช่วยอะไร การใฝ่สูงไม่ใช่เรื่องแย่ ผลดีจะตกแก่เราเอง
2. อย่ารู้แต่เก็บไงยังไง ให้รู้วิธีหาเงินด้วย มันจะช้ามากถ้าเราพยายามเก็บเงินจากรายได้ที่น้อย ถ้าคุณหารายได้เพิ่มเพื่อเก็บออม มันจะทำให้คุณออมได้มากกว่า 10-20% แน่ๆ
3. หาเงินยังไงให้ได้เยอะๆ มี 2 วิธี
3.1 คิดให้ออกว่าตัวเรามีมูลค่าอะไรบ้าง
3.2 อย่าเกี่ยงงานเด็ดขาด งานไหนเงินน้อยช่วงแรง อาจจะกลายเป็น Connecting dot ต่อยอดไปสู่งานรายได้สูงก็ได้
4. รู้จักตัวเองให้มากๆ มันช่วยเรื่องการเก็บเงินได้มากจริงๆ คือ เราจะรู้ว่าเรามีความสุขกับสิ่งไหน เวลาเจอสิ่งยั่วยุ จะได้ไม่หลงเพลินเสียเงินไปกับมัน
5. กดดันและให้รางวัลกับตัวเองบ้าง วัยรุ่นเป็นวัยที่มีไฟนะ มีพลังมากมาย เราควรเคี่ยวกรำตัวเองให้หนัก เพราะตื่นนอนมาก็หายเหนื่อย เพื่อตอนแก่จะได้ขี้เกียจให้สมใจ ระหว่างทางที่เก็บเงินก็หล่อเลี้ยงหัวใจตัวเองไปด้วย เพราะศึกนี้ยาวนาน เดี๋ยวจะตายเสียก่อน
พอได้อ่านข้อความทั้งหมด เห็นว่าน่าสนใจ ผมก็เลยรีทวีตต่อ เพื่อให้คนได้อ่านเรื่องราวดีๆ ของน้องคนนี้
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง น้องส่งข้อความมาทัก ดีใจที่ผมเอาเรื่องของเขาไปแชร์ เราจบการสนทนาด้วยการที่ผมอวยพรให้น้องเค้ารักษาวินัย และเก็บเงินล้านที่ 2 ได้เร็วๆ
คิดว่าเรื่องจะจบเท่านั้น แต่ไม่ใช่เลย ...
หลังจากนั้นมีคนหยิบข้อความของน้องเค้าไปรีทวีตซ้ำอีกร่วม 60,000 ครั้ง (ประมาณแชร์ในเฟซบุ๊ก) กดไลค์กันไปอีก 40,000 เศษ ผมเลยตามไปอ่านข้อความ
ส่ิงหนึ่งที่รู้สึกคือ ถ้าเป็นคนติดตามโค้ชหนุ่มอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะเข้าไปแสดงความยินดี เพราะเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังกันบ่อยอยู่แล้ว (ลูกศิษย์โค้ชอายุไม่ถึง 30 ปี สะสมเงินล้านได้เยอะแยะ)
แต่ก็มีอีกกลุ่มเบ้อเริ่มที่แสดงความคิดเห็นไปในทางลบ ซึ่งหลังจากจัดหมวดหมู่แล้ว แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ
1. ไม่เชื่อว่าคนเงินเดือน 15,000 จะเก็บเงินล้านได้
ประเด็นนี้น้องเค้าก็ออกมาอธิบายละเอียด เขาเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 ก็จริง แต่รับงานพิเศษดูแลทำกายภาพให้กับผู้ป่วยทางบ้าน ซึ่งได้รับค่าจ้างชั่วโมงละ 1,000 บาท คิดง่ายๆ ว่าสัปดาห์หนึ่งรับงานพิเศษ 6-8 ชั่วโมง ก็ตก 6,000-8,000 บาทต่อสัปดาห์ 24,000-32,000 บาทต่อเดือน มากกว่าเงินเดือนเสียด้วยซ้ำ (แต่ที่ยังทำงานประจำอยู่ เพราะมันคือแหล่งที่มาของงานพิเศษ)
แล้วถ้าทำหนึ่งปี จะมีรายได้เพิ่มจากส่วนนี้อย่างน้อยๆ 300,000 กว่าบาท แล้วน้องเค้าทำงานนี้มา 5 ปีแล้ว ตัวเลขก็ไม่เกินไปที่จะเก็บได้จริง
2. จะมีเงินล้านได้ ต้องลงทุน ทำงานเก็บเงินไม่มีทาง
อันนี้ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดมาก การทำงานสร้างรายได้ได้เร็วกว่าผลตอบแทนการลงทุนอีกนะครับ ยกตัวอย่าง ถ้าเรามีเงิน 10,000 เราเอาไปลงทุน ได้ผลตอบแทน 30% ต่อปี (ซึ่งสูงมากนะ) เราก็จะมีกำไรเท่ากับ 3,000 บาท
แต่กับอีกคนเอาเงินไปซื้อกระทะ ซื้อลูกชิ้นมาทอดขาย ทำน้ำจิ้มแซบๆ ขายไม่กี่วันก็ทำกำไร 3,000 บาทได้สบายๆ
3. หาข้ออ้างที่จะบอกว่า เราทำไม่ได้เหมือนเขา
กลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มที่จะศึกษาเรื่องราวโดยละเอียด เพื่อหาข้ออ้างดีๆ ให้ตัวเองว่าทำไมเราเก็บเงินล้านไม่ได้ เช่น
- แค่อาชีพเรากับเค้าก็ต่างกันแล้ว อาชีพเราหารายได้เสริมไม่ได้
- ห้ามมีหนี้ก่อน 30 งั้นเหรอ! ผมจบมาก็มีหนี้ กยศ. แล้ว หมดสิทธิ์!
- รายได้กินใช้คนเดียวเลยหรือเปล่า ถ้าต้องให้พ่อแม่คงทำไม่ได้
- น่าจะต้องอยู่โรงพยาบาลดี ถึงได้ลูกค้ามีกำลัง
- ฯลฯ
สุดท้ายจากเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ กลายเป็นต้องมาตอบคำถามคนโน้นคนนี้เต็มไปหมด และที่หนักไปกว่านั้น ผมเองก็โดนหางเลขไปด้วย เพราะมีคนตั้งข้อสงสัยว่า “หรือนี่เป็นแผนโฆษณาคอร์สไอ้โค้ชของมัน เขียนมาเล่า มาอวยกัน เพื่อสุดท้ายจะได้ขายคอร์ส“ 555
ว่ากันตามจริง เวลาที่หยิบเรื่องราวลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จทางการเงินมาเล่าให้สาธารณะฟัง ผมจะบอกเสมอว่า มันไม่ใช่ผลงานของเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นความสามารถของเจ้าของเรื่องเองล้วนๆ ความสามารถที่ว่านั้นประกอบด้วย
1. ความสามารถในการประยุกต์ความรู้การเงินไปใช้ให้เหมาะกับตัวเอง: เพราะผมก็พูดก็สอนเหมือนกันทุกวันกับทุกคน สุดแท้แต่ว่าใครจะหยิบจับไปใช้กับตัวเองอย่างไร
2. วินัยในการลงมืออย่างต่อเนื่อง: ฟังว่า 5 ปีเก็บสะสมเงินได้ 1 ล้าน เราอาจจะรู้สึกว่าไม่นาน แต่ผมกล้าพูดเลยว่า เจ้าของเรื่องไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นแน่ๆ เพราะเงินในกระเป๋าต้องผ่านการตัดสินใจทุกวัน
3. ความพยายามที่จะต้องก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง: แม้ว่าจะมีงานชั่วโมงละ 1,000 บาทรออยู่ แต่ไม่มีหรอกที่จะไม่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกขี้เกียจ แล้วอยากนอนดูซีรีย์อยู่บ้าน ดังนั้นต้องเคารพความพยายามของเจ้าของเรื่องด้วย
สิ้นวันน้องเขาส่งข้อความหาผมอีกครั้ง ขอโทษที่เรื่องราวกลายเป็นดรามาไป ผมตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ยังไงก็เงินเรา ใครเชื่อไม่เชื่อ ก็ไม่ได้ทำให้เรารวยขึ้นหรือจนลง”
ในโลกที่ MINDSET ทางการเงินไม่ตรงกัน เถียงกันไปก็ใช่ว่าจะเกิดประโยชน์ คนที่เคยทำ เคยสู้ เคยผ่าน ยอมเชื่ออย่างหนึ่ง ส่วนคนที่เอาแต่มอง แต่เล็ง คอยหาเหตุผลที่ตนทำไม่ได้ ก็ย่อมเชื่ออีกอย่างหนึ่ง
เถียงกันไปก็เสียเวลาครับ
โค้ชหนุ่ม
02-01-2021
#Day3 #MoneyCoachDiary #เงินเก็บ1ล้านเจ้าปัญหา
ปล. ตามทวิตเตอร์โค้ชหนุ่มทาง @moneycoach4thai นะครับ