สรุปอาณาจักรดูโฮม 6 หมื่นล้าน ที่เริ่มต้นจาก ร้านตึกแถวต่างจังหวัด /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า ตลาดวัสดุก่อสร้างในไทย มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 810,000 ล้านบาท
จึงไม่แปลก ที่เราจะเห็นผู้เล่นรายเล็กรายใหญ่เข้ามาแข่งขันในตลาดนี้กันจำนวนมาก
และหนึ่งในอาณาจักรวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของไทย ก็คือ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ “ดูโฮม”
ดูโฮม เริ่มต้นจากการเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี จนตอนนี้ได้ก้าวมาเป็นแนวหน้าของผู้ค้าวัสดุก่อสร้างในไทยและมีมูลค่าบริษัทมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท
เส้นทางของอาณาจักรค้าวัสดุก่อสร้างรายนี้ เป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของดูโฮม เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2526
คุณอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา และคุณนาตยา ตั้งมิตรประชา ได้ก่อตั้งร้านขายปลีกวัสดุก่อสร้าง จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด “ศ. อุบลวัสดุ” ในจังหวัดอุบลราชธานี
ศ. อุบลวัสดุ ในช่วงเริ่มต้นเป็นแค่ร้านตึกแถว 2 ห้อง แต่ด้วยความที่เป็นร้านขายวัสดุก่อสร้างครบวงจรร้านแรก ๆ ในจังหวัด จึงทำให้กิจการเติบโตขึ้น
พอกิจการใหญ่ขึ้น ศ. อุบลวัสดุ จึงได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด
มีการปรับรูปแบบร้านค้าให้เป็นโกดังขายสินค้าขนาดใหญ่ และมีการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาจัดการคลังสินค้าและจัดการการขาย
ในปี พ.ศ. 2550 ศ. อุบลวัสดุ ก็เริ่มขยายสาขาไปตั้งในจังหวัดอื่น รวมถึงขยับขยายเข้าสู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยใช้ชื่อ “ดูโฮม” อย่างเป็นทางการ
รายได้ของดูโฮม เติบโตจากหลักร้อยล้าน สู่พันล้าน และสู่ระดับหมื่นล้าน
จนในปี พ.ศ. 2561 บริษัทก็แปรสภาพจากบริษัทจำกัด เป็นบริษัทมหาชนและได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 ภายใต้ชื่อว่า บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน)
ปัจจุบัน ดูโฮม ก้าวขึ้นเป็นอาณาจักรค้าวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย
ลองมาดูส่วนแบ่งการตลาดของ 5 บริษัทวัสดุก่อสร้างในปี พ.ศ. 2562 อ้างอิงตามข้อมูลจากศูนย์วิจัยกรุงศรี
1. โฮมโปร 10%
2. โกลบอลเฮ้าส์ 4.3%
3. ไทวัสดุ 4.3%
4. ดูโฮม 2.7%
5. บุญถาวร 1.6%
ปัจจุบันดูโฮมขายสินค้าทั้งแบบค้าปลีกและค้าส่งสินค้าวัสดุก่อสร้าง ซ่อมแซม ตกแต่ง และยังให้บริการอื่น ๆ เช่น บริการซ่อมแซม ติดตั้ง และบำรุงรักษา
โดยดูโฮม ขายสินค้าผ่านสาขาทั่วประเทศทั้งหมด 25 แห่ง แบ่งเป็นสาขาขนาดใหญ่ ทั้งหมด 13 สาขา
ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่แถบชานเมืองและอยู่ตามต่างจังหวัด
ในขณะที่สาขาขนาดเล็ก เรียกว่า ดูโฮม ทูโก ทั้งหมด 12 สาขา ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ตามพื้นที่ศูนย์การค้า เจาะตลาดกลุ่มคนเมืองในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ต้องการซื้อวัสดุอุปกรณ์เร่งด่วน
นอกจากนั้นยังมีบริการช่องทางสั่งของผ่านการโทรสั่ง และช่องทางออนไลน์
โดยสินค้าที่บริษัทขาย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ในระหว่างปี พ.ศ. 2561-2563 คือ
- วัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้น, ปูน, สีทาบ้าน ประมาณ 42-45%
- วัสดุซ่อมแซม เช่น เครื่องมือช่าง, อุปกรณ์ประปา, เครื่องมือทางการเกษตร ประมาณ 35-38%
- วัสดุตกแต่ง เช่น เฟอร์นิเจอร์, โคมไฟ, เครื่องนอน ประมาณ 17-20%
แล้วผลประกอบการของ ดูโฮม ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ?
ปี 2561 รายได้ 18,535 ล้านบาท กำไร 439 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 17,972 ล้านบาท กำไร 726 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 18,925 ล้านบาท กำไร 727 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2564 รายได้ 6,139 ล้านบาท กำไร 543 ล้านบาท
สังเกตดี ๆ จะเห็นว่า กำไรในไตรมาสแรกปีนี้เพียงไตรมาสเดียว คิดเป็น 75% ของกำไรทั้งปีที่ผ่านมา
จากการเปิดเผยของบริษัทระบุว่า มีสาเหตุหลัก ๆ มาจาก การเพิ่มขึ้นของอัตรากําไรขั้นต้นของทุกกลุ่มสินค้า อีกทั้งการบริหารจัดการต้นทุนขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ภาพรวมแล้ว อัตรากำไรสุทธิของบริษัทนั้นเพิ่มสูงขึ้น
อีกกลยุทธ์ที่ ดูโฮม กำลังผลักดันเพื่อให้อัตราการทำกำไรของบริษัทสูงขึ้นก็คือ การเพิ่มยอดขายสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง หรือ House Brands ที่บริษัทไปสั่งผลิตจากผู้ผลิตที่มีคุณภาพน่าเชื่อถือ
จุดเด่นของ House Brands ที่บริษัทสั่งทำเองก็คือ จะขายได้อัตรากำไรที่ดีกว่าการรับสินค้าของแบรนด์อื่นมาขาย หมายความว่ายิ่งขายสินค้ากลุ่มนี้ได้มาก อัตรากำไรของบริษัทก็มีโอกาสขยับสูงขึ้นได้นั่นเอง
โดยในปี พ.ศ. 2563 ส่วนแบ่งยอดขาย House Brands ต่อยอดขายสินค้ารวมของดูโฮม อยู่ที่ 16.5% ซึ่งเติบโตขึ้นจาก 14.6% ในปี พ.ศ. 2561 และบริษัทตั้งเป้าจะขยับสัดส่วนนี้เป็น 20% ภายในปี พ.ศ. 2565
มาถึงตรงนี้ ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า
จากร้านขายวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี
ได้เติบโตมาเป็นบริษัทมหาชน ที่มีมูลค่ากว่า 63,000 ล้านบาท
ซึ่งก็น่าติดตามต่อไปว่า ดูโฮม จะขยายอาณาจักรของพวกเขาให้ใหญ่โตขึ้น ได้อีกแค่ไหน..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นตัวนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-รายงานประจำปี 2563 บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน)
-แบบฟอร์ม 56-1 ประจำปี 2563 บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน)
-https://kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/business/Pages/Building-materials-store-z3201.aspx
-https://www.krungsri.com/th/research/industry/industry-outlook/Construction-Construction-Materials/Construction-Materials/IO/io-construction-materials-21
-https://www.youtube.com/watch?v=_868kaL2HKc
-https://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=DOHOME&ssoPageId=5&language=th&country=TH
-https://www.youtube.com/watch?v=AiP9nooX88A&t=821s
ไตรมาสที่ 3 คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
รู้จัก รถยนต์ไฟฟ้า 140,000 บาทในจีน ที่ทำยอดขายแซงหน้า Tesla /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อว่าเวลานี้ คนส่วนใหญ่คงต้องนึกถึง Tesla
ซึ่งเป็นผู้นำของอุตสาหกรรม และมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในโลก
แต่รู้ไหมว่า ในประเทศจีน
รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงขณะนี้ กลับไม่ใช่ Tesla
แต่เป็นแบรนด์ที่ชื่อว่า “Wuling HongGuang Mini EV”
ทำไมชาวจีนถึงถูกใจรถรุ่นนี้ และบริษัทไหนเป็นผู้ผลิต ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ประเทศจีน ถือเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในโลก
โดยปี 2020 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 1.3 ล้านคัน คิดเป็น 41% ของยอดขายทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เข้ามาแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด
ไม่ว่าจะเป็น บริษัทระดับโลกอย่าง Tesla
หรือค่ายจีนเอง อย่างเช่น BYD, NIO, XPeng
เราลองมาดูกันว่าปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไหน ขายดีสุดในจีน
ปี 2020
อันดับ 1 Tesla Model 3 ยอดขาย 139,925 คัน
อันดับ 2 Wuling HongGuang Mini EV ยอดขาย 119,255 คัน
อันดับ 3 Baojun E-Series ยอดขาย 47,704 คัน
ปี 2021 (เดือนมกราคม-เมษายน)
อันดับ 1 Wuling HongGuang Mini EV ยอดขาย 125,925 คัน
อันดับ 2 Tesla Model 3 ยอดขาย 59,122 คัน
อันดับ 3 BYD Han EV ยอดขาย 27,100 คัน
จะเห็นได้ว่า Tesla Model 3 นั้นเคยเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน
แต่ล่าสุด ได้ถูก “Wuling HongGuang Mini EV” ทำยอดขายแซงหน้าไปกว่าเท่าตัวในช่วงต้นปีนี้
ที่น่าสนใจคือ รถ Wuling HongGuang Mini EV เพิ่งจะเปิดตัว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 หรือแค่เพียง 11 เดือนที่แล้ว เท่านั้นเอง
โดยผู้ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ คือ บริษัท “SGMW” ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง
- SAIC Motor บริษัทรัฐวิสาหกิจจีน ถือหุ้น 50.1%
- General Motors บริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ถือหุ้น 44.0%
- Wuling Motors บริษัทเอกชนจีน ถือหุ้น 5.9%
SGMW เป็นค่ายที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์ประเภทมินิแวน หรือรถขนาดเล็ก
ซึ่งบริษัทได้มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อบุกตลาดจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
นั่นคือ Wuling HongGuang Mini EV รถยนต์ไฟฟ้า 2 ประตู 4 ที่นั่ง
ที่สามารถเร่งความเร็วได้สูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และขับได้ระยะทาง 170 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
แต่พอเห็นข้อมูลเช่นนี้แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า
รถที่สมรรถนะ ดูไม่ได้พิเศษไปกว่ารุ่นทั่วไปในตลาด
ทำไมถึงได้รับความนิยมจากชาวจีน ?
เหตุผลข้อแรก คือ ราคาขายที่ “ถูกมาก”
SGMW ตั้งราคารถ Wuling HongGuang Mini EV ในจีน เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 140,000 บาท
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับ Tesla Model 3 ที่มีราคาขายในจีน เริ่มต้นคันละ 1.2 ล้านบาท
เท่ากับว่าราคาเริ่มต้นของ Wuling HongGuang Mini EV
คิดเป็นแค่ 0.1 เท่า ของราคาเริ่มต้นรถ Tesla เท่านั้น
แต่ก็คงต้องบอกว่า รถทั้งสองรุ่นนี้ มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เพราะ Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 4 ประตู 5 ที่นั่ง
ซึ่งสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดกว่า 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และขับได้ระยะทาง 560 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
รวมทั้งมีเทคโนโลยีล้ำสมัยอยู่มากมาย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คนจีนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะอาศัยในตัวเมือง และเดินทางไปมาใกล้ ๆ
จึงทำให้ Wuling HongGuang Mini EV ที่สมรรถนะเพียงพอต่อการขับในเมือง และราคาถูกแค่หลักแสนบาท ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
เหตุผลข้อต่อมา คือ ลูกค้าสามารถตกแต่งลวดลายตัวรถได้เอง
โดย Wuling HongGuang Mini EV จะมีสีรถอยู่ 20 สี
และให้ลูกค้าเลือก “สติกเกอร์” มาแต่งรถได้ตามความชอบส่วนตัว
ซึ่งสติกเกอร์ที่ได้รับความนิยมสูง คือ แครักเตอร์การ์ตูน เช่น เฮลโลคิตตี้, โดราเอมอน, โปเกมอน รวมไปถึงโลโกทีมกีฬาต่าง ๆ
ทำให้ลูกค้าได้ซื้อรถที่แสดงถึงความเป็นตัวตน โดยเฉพาะผู้หญิง ที่มักจะชื่นชอบรถคันเล็กลวดลายน่ารัก
ส่งผลให้ฐานลูกค้าของรถ Wuling HongGuang Mini EV เป็นผู้หญิงถึง 2 ใน 3 ของยอดขาย
ซึ่งยอดขายที่ครองอันดับ 1 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน ก็ทำให้ผลประกอบการของ SGMW โตระเบิด
ไตรมาสที่ 1 ปี 2020 รายได้ 133,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้ 308,000 ล้านบาท
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปีหน้าไว้ที่ 1.2 ล้านคัน
ซึ่งเกือบเท่ากับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของทุกค่ายในประเทศจีน เมื่อปี 2020 เลยทีเดียว
นอกจากนั้น บริษัทยังได้วางแผนขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะทวีปยุโรป ที่ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย และมีโครงสร้างพื้นฐานแท่นชาร์จไฟฟ้ารองรับ
ทำให้ในอนาคต SGMW อาจก้าวขึ้นมาท้าชิงตำแหน่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในโลก กับ Tesla และค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ก็เป็นได้
และถ้ามองกลับมาที่ประเทศไทย
ถึงแม้ราคานำเข้ารวมภาษีของรถ Wuling HongGuang Mini EV อาจสูงกว่าที่ขายในจีน
แต่มันก็คงเป็นตัวเลือกที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดยานยนต์ราคาไม่แพง เช่น รถขนาดเล็ก หรือมอเตอร์ไซค์ ได้ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม นอกจากราคาแล้ว อีกปัจจัยที่จะสนับสนุนให้คนไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น
คงจะเป็นความพร้อมและความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้าตามสถานที่ต่าง ๆ
ก็น่าติดตามต่อไปว่า
แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ทุกวันนี้
ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ ต่างแข่งขันกันคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือทำให้ราคาเข้าถึงผู้บริโภคได้
ซึ่งสุดท้าย คนที่ได้ประโยชน์มากสุดจากเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้น “ผู้บริโภค”
ที่จะมีทางเลือกในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-06-04/china-s-top-ev-maker-stakes-its-future-on-a-4-500-mini-car
-https://www.cnbc.com/2021/03/28/wulings-tiny-electric-hatchback-photos.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/SAIC-GM-Wuling
-https://www.ev-volumes.com/
-https://cleantechnica.com/2021/01/24/china-9-4-plugin-vehicle-share-in-another-record-month/
-https://cleantechnica.com/2021/05/26/10-plugin-vehicle-share-in-china/
-https://cleantechnica.com/2021/05/01/tesla-siblings-wuling-mini-ev-shine-in-hot-ev-market-global-ev-sales-report/
ไตรมาสที่ 3 คือ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
เจาะลึก 35 สถิติ (อัปเดต) ที่คนยิงแอดโฆษณา Facebook ต้องรู้!
ข้อมูลสถิติโฆษณาเฟซบุ๊กมีการเปลี่ยนแปลงให้อัปเดตอยู่ตลอด และเป็นข้อมูลที่มีความหมายสำหรับคนยิงแอดโฆษณามาก ๆ มาดูกันว่าตอนนี้ข้อมูลสถิติเฟซบุ๊กมีอะไรบ้างเพื่อนำมาต่อยอดทำโฆษณา จะได้ทำโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้เงินได้อย่างคุ้มค่า
.
ประสิทธิภาพของโฆษณาเฟซบุ๊ก
1. 70% พบว่าโฆษณาแบบแนวตั้ง ทำให้คนจดจำแบรนด์ได้มากกว่า
2. เฟซบุ๊กให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงที่สุดสำหรับช่องทางการการซื้อโฆษณาในบริษัทส่วนใหญ่ และโฆษณาเฟซบุ๊กมากกว่า 1 ใน 3 มีประสิทธิภาพดีที่สุดในแง่ของผลตอบแทนจากการลงทุน(ROI) เหนือกว่า โฆษณาจากการค้นหาบนกูเกิ้ล(Google Paid Search) และอินสตาแกรม
3.ไตรมาสที่ 2 ปี 2020 โฆษณาเฟซบุ๊กมีรายได้เติบโตขึ้น 10 % เมื่อเทียบกับปีทีแล้ว
4.จากการศึกษาของ Wordstream ทุกอุตสาหกรรม มีค่าอัตราการคลิกผ่าน (CTR) เฉลี่ยอยู่ที่ 0.90%
5.ค่า conversion rate (CVR) หรือ ตัวชี้วัดคุณภาพของการคลิกโฆษณา เฉลี่ยอยู่ที่ 9.21%
6.อัตราค่าคลิกโฆษณา (CPC) มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดในวันศุกร์ และถูกที่สุดในวันอาทิตย์
7.ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีอัตราค่าโฆษณาเพื่อไลก์เพจ Cost per like ราคาถูกที่สุด
8.การทำโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือ มีประสิทธิภาพกว่าคอมพิวเตอร์ถึง 45%
9.การจ่ายค่าโฆษณา 5 USD ต่อวัน หรือประมาณ 156 บาท ทำให้เพิ่มยอดไลก์เพจ 9 ไลก์ 1 คลิกแลนด์ดิ้งเพจ และ ยอดการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ปลายทาง 787 ครั้ง
10.การเพิ่มปุ่มกระตุ้น Call to action ในโฆษณาช่วยเพิ่มอัตราคลิกมากขึ้น 2.85 เท่า
11.ในทุก ๆ อุตสาหกรรมที่ลงโฆษณา ที่คนดูแล้วจะคลิกโฆษณาเฉลี่ย 1.61 %
12. โฆษณาการจ้างงาน หรือการฝึกอบรม โอกาสได้รับการคลิกต่ำสุดเพียง 0.47%
13.จากนักการตลาดทั้งหมดที่ใช้เฟซบุ๊ก 20% คิดว่าการโฆษณาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการไปถึงเป้าหมาย
14.ปุ่มกระตุ้น Call to action “ลงทะเบียน” และ “เรียนรู้เพิ่มเติม” ทำให้เพิ่มการคลิกโฆษณามากขึ้น 22.5%
15.ปุ่มกระตุ้น Call to action “ลงทะเบียน” ทำให้เพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อสินค้าถึง 14.5%
16. การยิงโฆษณา ส่งผลต่อการกระตุ้นซื้อสินค้ามากขึ้น 01%-0.2%
17. การใช้โฆษณาที่โดยใช้ฐานข้อมูลจากอีเมล ส่งผลต่อการตัดสินใจประมาณ 20%
18. จากผลสำรวจของเฟซบุ๊กออสเตรเลีย 48% ของลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า หลังจากที่ดูวิดีโอ
.
สถิติที่น่าสนใจ
19. ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 1.6 พันล้านคน เป็นคนที่มีหน้าแฟนเพจธุรกิจขนาดเล็กอยู่ในเฟซบุ๊ก
20. ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 54% เป็นเพศหญิง และ 46% เป็นเพศชาย
21. ใน 1 เดือน ประเทศที่มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กมากที่สุด คือประเทศอินเดีย 10.74% รองลงมา ประเทศสหรัฐอเมริกา 7 %
22. 75% ของคนที่ใช้งานเฟซบุ๊ก เรียนจบมหาวิทยาลัย
23. 74% ของคนที่ใช้งานเฟซบุ๊ก มีรายได้มากกว่า 75k usd ต่อปี หรือ ประมาณ 2,325 บาท
24. ช่วงอายุของคนที่ใช้งานเฟซบุ๊ก มากที่สุด คือ 18-29 ปี (80%) รองลงมา 30-49 ปี (79%)
25. 50% ของผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่
26. 51% เป็นวัยรุ่นที่ใช้งานเฟซบุ๊ก ใช้งาน ยูทูป อินสตาแกรม และ สแนปแชท
27. 78.9% ของผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก นั้นมีอายุ ต่ำกว่า 45 ปี
.
ข้อแนะนำที่ดีที่สุด ในการทำโฆษณา
28.โฆษณาที่อยู่บนมือถือ โหลดเร็วกว่า 15 เท่า
29.โฆษณารูปเดี่ยว Single ad ขนาดที่แนะนำ คือ 1200 x 628 พิกเซล
30.โฆษณาแบบสไลด์ Carousel ads ขนาดที่แนะนำ 1080 x 1080 พิกเซล
31. 5 คำที่ทรงพลังที่สุดต่อการตอบสนองโฆษณาบนเฟซบุ๊ก คือ You, Free, Because, Instantly, New (คุณ,ฟรี,เพราะว่า,ทันที, ใหม่)
32.จากการวิเคราะห์โฆษณาทั้งหมด 752,626 ชิ้น พบว่า คำพาดหัวที่ดีที่สุด โดยเฉลี่ยใช้คำเพียง 5 คำ
33. คำโฆษณาเฉลี่ยแล้วควรใช้ 14 คำ
34. ในโฆษณาภาพ ไม่ควรมีข้อความเกิน 20%
35. ปุ่มกระตุ้น Call to action ที่คนใช้กันมากที่สุด เรียนรู้เพิ่มเติม (33.04%), เลือกซื้อเลย (14.30%) และลงทะเบียน (9.04%)
.
ที่มา : https://backlinko.com/facebook-ads-stats
.
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#Facebookad #Business #Analysis
ไตรมาสที่ 3 คือ 在 เริ่มต้นไตรมาส 4 ไตรมาสนี้เราต้องเจอกับอะไรบ้าง I TNN WEALTH 3 ... 的推薦與評價
พาย #หุ้นไทย #SET100 # ไตรมาส 4 #TNNWEALTH #TNNช่อง16 . ... TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ ที่ • Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite • Youtube ... ... <看更多>