โลกแห่งความจริงคือเราคงต้องบาลานซ์เรื่องความเสี่ยงกับปากท้อง
มีเหตุผลอยู่มากมายที่ทำให้เราต้องเดินหน้ากันแบบนี้ หลายองค์กรหลายธุรกิจเดินหน้าไม่ได้ถ้าเกิดไม่มีคนมาทำงาน Work From Home ในวันนี้มีประสิทธิภาพแค่บางส่วน ไม่ใช่ทุกส่วน แล้วถ้าทุกอย่างถูกฟรีซไว้หมด ไม่มีความเคลื่อนไหวเลย แต่เรายังคงต้องกินต้องใช้ ต้องดำเนินชีวิตต่อไป
หลายตนกลัวและกังวลการเปลี่ยนแปลง ผมก็กลัว จริง ๆ อาจจะไม่ได้กลัวแต่รู้สึกชินกับวิถีชีวิตเดิม ๆ ไปแล้ว พอคิดว่าต้องใช้ชีวิตแบบใหม่ ๆ กังวลไปก่อนบ้าง รู้สึกว่ามันยากบ้าง แต่ถ้าลองย้อนกลับไปมองดูตลอดชีวิตที่ผ่านมา เรามีหลายเรื่องเลยนะที่ถูกบังคับให้เปลี่ยน แล้วเราก็ผ่านมันมาได้ทุกครั้ง
และอยากให้เตรียมใจรับมือความยุ่งยากในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลง ที่อาจจะทำให้เราหงุดหงิด ไม่พอใจ ไม่สบอารมณ์ สะกดอารมณ์ตัวเองเอาไว้ให้ดี และเห็นใจซึ่งกันและกันนะครับ สิ่งที่มันยากที่มันเครียดอยู่แล้ว จะได้ไม่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
อะไรบ้างจะทำให้เราหงุดหงิด ลองคิดตามผมนะครับ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตลาดเปลี่ยน ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรม การจะเอาชนะตลาด เอาชนะคู่แข่งให้ได้ บริษัทต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ ซึ่งถึงจะบอกว่า เฮ้ย หลัก ๆ ก็ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด ฝ่ายพัฒนาสินค้า เท่านั้นล่ะมั้งที่จะยุ่งยาก แต่ต้องไม่ลืมครับว่า เราทำงานกันแบบบริษัท ส่วนงานนึงเปลี่ยนแปลง ก็สร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ และใครที่ไม่ปรับตาม ยังยึดติดอยู่กับวิธีการเก่า ๆ อย่างไม่มีเหตุผล นั้นแหละครับส่วนนึงที่ทำให้เกิดความหงุดหงิด
อีกความหงุดหงิดนึงที่จะเกิดขึ้นคือ ความไม่คล่องในช่วงแรก
ก็มันเป็นเรื่องใหม่ เดิมทำอีกอย่างมาตลอด ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาทำแบบใหม่ ซึ่งก็ทำนะ ไม่ใช่ไม่ทำ แต่เพิ่งเริ่มทำไง มันเลยไม่คล่อง ข้อนี้แหละครับ ที่ผมว่าต้องเห็นใจกันและต้องให้เวลา ในขณะที่คนทำงานตรงจุดนั้นก็ต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้เป็นมืออาชีพให้เร็วที่สุด
ยำอีกทีว่า เราผ่านการเปลี่ยนแปลงกันมาไม่น้อย ถ้านี่จะเป็นการเปลียนอีกครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะทำไม่ได้ แค่เราต้องเหนื่อยเพิ่มอีกหน่อยในช่วงเริ่มต้น พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ชีวิตก็จะกลับไปง่ายอีกครั้ง
ใจเย็นกับคนอื่น แล้วเร่งพัฒนาตัวเอง มองส่วนรวมเป็นที่ตั้ง น่าจะช่วยให้อะไรง่ายขึ้น จริงมั้ย
#HRTheNextGen
#มนุษย์เงินเดือน #HR2020
ไม่สบอารมณ์ 在 Roundfinger Facebook 的精選貼文
1
ไม่มีใครอยากมีปัญหา แต่ทุกคนหลีกเลี่ยงปัญหาไม่พ้น เมื่อมีปัญหาสิ่งที่ตามมาคือจิตใจที่ขุ่นมัว จิตใจที่ขุ่นมัวเกิดจากสิ่งที่ได้รับไม่ตรงกับสิ่งที่อยากได้
2
อาจารย์เขมานันทะแบ่งปัญหาในชีวิตเป็นสองอย่าง หนึ่งคือปัญหาภายนอกที่เราเผชิญในชีวิตประจำวัน แบบนี้คือปัญหาหรือ problem กับอีกหนึ่งคือปัญหาภายใน คือความขัดแย้งหรือ conflict ซึ่งเกิดจากความคิดและจินตนาการผสมกับอดีตที่เป็นและอนาคตที่อยากให้เป็น ความคิดนี้ทำให้จิตใจขุ่นมัว ทำให้เราไม่ชอบมีปัญหา
3
แต่อันที่จริง ปัญหาภายนอกอาจส่งผลดี เพราะมันทำให้เราได้คิดและฉลาดขึ้น อาจารย์ยกตัวอย่างว่า เมื่อสะพานหัก สร้างกันใหม่ ค้นพบสะพานรูปทรงใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่ที่เรามองว่าปัญหาเป็นตัวร้ายก็เพราะเมื่อมีปัญหามักเกิดความขัดแย้งในใจอันนำไปสู่ความขุ่นมัว
4
ผมได้ยินจากครูบาอาจารย์หลายท่านว่า การเจริญสติภาวนาเพื่อให้เท่าทันความคิด จึงสับสนว่าในเมื่อเราจะแก้ปัญหาแล้วต้องใช้ความคิด ถ้ามีสติเห็นความคิดแล้วมันหายวับไปเสียหมดจะแก้ปัญหาได้ยังไง
5
สรุปความเข้าใจจากคำแนะนำของครูบาอาจารย์เอาเอง ผมเข้าใจว่าเราใช้ความคิดในการแก้ปัญหาภายนอกที่เกิดขึ้นในชีวิต ขบคิดหาทางออกอย่างเต็มที่ แต่เมื่อจบสิ้นกระบวนการคิดแล้วให้กลับมารู้สึกตัวบ่อยๆ คือกลับมาที่ฐานกาย กลับมารับรู้ร่างกายที่กำลังหายใจ เคลื่อนไหว เกร็ง คัน ร้อน หนาว ซึ่งคือความจริงที่ไม่ผ่านการคิด การกลับมาที่กายทำให้เรามีสติ
6
สติทำให้เราอยู่กับความจริง อยู่กับความปกติ ระหว่างรู้สึกตัวเราจะเห็นความคิดในเรื่องที่เพิ่งคิดไปหรือเรื่องคาใจผุดขึ้นมา แต่ถ้าอยู่กับความรู้สึกตัวความคิดนั้นก็จะไม่ฟุ้งไปต่อกลายเป็นความโกรธ เกลียด กังวล รัก โลภ อิจฉา ชอบ ชื่นชม ฯลฯ แต่ถ้าไม่มีสติอยู่กับตัว เราจะคิดสืบสาวไปไม่รู้จบทั้งในอดีตและอนาคต การหลุดไปกับคิดเรื่อยๆ นี้เองที่ทำให้เป็นทุกข์ ขุ่นมัว เพราะ 'ความคิด' มักขัดแย้งกับ 'ความจริง' แบบนี้เองที่เป็นปัญหาภายใน
7
ครูบาอาจารย์หลายท่านแนะนำให้กลับมาที่ร่างกาย อาจหายใจยาวๆ เพื่อเรียกสติกลับมาอยู่กับตัว เคลื่อนไหวมือ หรือใช้นิ้วถูกันเพื่อให้รู้สึกที่ปลายนิ้ว กลับมาอยู่กับ 'ความจริง' คือรู้ตัวสดๆ ไม่ใช่ 'ความคิด'
8
การฝึกสตินั้นคงต้องใช้เวลาเหมือนการฝึกสิ่งอื่น ต้องทำบ่อยๆ ให้เป็นนิสัย ให้เป็นชีวิตประจำวันจึงจะแข็งแรง จึงจะพัฒนา เขาจึงเรียกกันว่า 'เจริญสติ' คือทำให้สติพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อันนี้ผมอยู่ในขั้นเตรียมอนุบาลอยู่เลย
9
อ่านคำสอนของอาจารย์เขมานันทะจึงได้สังเกตแยกแยะว่า เวลาจิตใจขุ่นมัว ไม่สบอารมณ์ ว่อกแว่กส่ายไหวเป็นเพราะเรามีปัญหาภายนอกหรือความขัดแย้งภายในกันแน่ ปัญหาภายนอกนั้นไม่ได้นำมาซึ่งทุกข์ แต่ความคิดของเราที่อยากแก้ปัญหาให้ได้ หรือแก้ให้ได้ทันที ให้เป็นอย่างใจฉันต่างหากที่ทำให้ทุกข์ อันนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาภายนอกแล้ว ต้องจัดการปัญหาภายในของเราเอง
10
การมีสติมิได้ทำให้เราไม่แก้ปัญหาภายนอก แต่กลับทำให้เราแก้มันได้ดีขึ้นด้วยซ้ำ เพราะไม่ต้องเสียแรงไปกับความเหนื่อยล้าที่เกิดจากความขุ่นมัวในใจ ใช้ใจใสๆ ความคิดแบบไร้อคติ ไม่ล้าจากอคติและความปรารถนาส่วนตัวไปแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
11
ถ้าฝึกสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว ปัญหากลับกลายเป็นเครื่องพัฒนาทั้งความคิดและจิตใจ ทั้งนี้ที่เขียนมาใช่ว่าจะทำได้แล้ว ผมเองก็ฝึกอยู่เช่นกันครับ
---
✅ ติดตามนิ้วกลมได้ในช่อง Roundfinger Channel
https://www.youtube.com/channel/UCGfGBwS9FVPxksUMMKomzlg
✅ สนใจหนังสือเล่มใหม่ของนิ้วกลม 'ความสุขฉบับพกพา' และ 'ปัญญาฉบับกระเป๋า' สั่งซื้อได้ทาง inbox เพจนี้ครับ
ไม่สบอารมณ์ 在 HR - The Next Gen Facebook 的最讚貼文
วันนี้น่าจะมีหลายบริษัททยอยกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศ คำนวณเวลาในการเดินทางกันให้ดี และที่สำคัญคืออย่าประมาท เลี่ยงความเสี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
โห พี่ ก็รู้ว่าเสี่ยงแล้วบริษัทจะให้กลับมาทำงานทำไม
โลกแห่งความจริงคือเราคงต้องบาลานซ์เรื่องความเสี่ยงกับปากท้อง มีเหตุผลอยู่มากมายที่ทำให้เราต้องเดินหน้ากันแบบนี้ หลายองค์กรหลายธุรกิจเดินหน้าไม่ได้ถ้าเกิดไม่มีคนมาทำงาน Work From Home ในวันนี้มีประสิทธิภาพแค่บางส่วน ไม่ใช่ทุกส่วน แล้วถ้าทุกอย่างถูกฟรีซไว้หมด ไม่มีความเคลื่อนไหวเลย แต่เรายังคงต้องกินต้องใช้ ต้องดำเนินชีวิตต่อไป
หลายตนกลัวและกังวลการเปลี่ยนแปลง ผมก็กลัว จริง ๆ อาจจะไม่ได้กลัวแต่รู้สึกชินกับวิถีชีวิตเดิม ๆ ไปแล้ว พอคิดว่าต้องใช้ชีวิตแบบใหม่ ๆ กังวลไปก่อนบ้าง รู้สึกว่ามันยากบ้าง แต่ถ้าลองย้อนกลับไปมองดูตลอดชีวิตที่ผ่านมา เรามีหลายเรื่องเลยนะที่ถูกบังคับให้เปลี่ยน แล้วเราก็ผ่านมันมาได้ทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
และอยากให้เตรียมใจรับมือความยุ่งยากในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลง ที่อาจจะทำให้เราหงุดหงิด ไม่พอใจ ไม่สบอารมณ์ สะกดอารมณ์ตัวเองเอาไว้ให้ดี และเห็นใจซึ่งกันและกันนะครับ สิ่งที่มันยากที่มันเครียดอยู่แล้ว จะได้ไม่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
อะไรบ้างจะทำให้เราหงุดหงิด ลองคิดตามผมนะครับ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตลาดเปลี่ยน ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรม การจะเอาชนะตลาด เอาชนะคู่แข่งให้ได้ บริษัทต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ ซึ่งถึงจะบอกว่า เฮ้ย หลัก ๆ ก็ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด ฝ่ายพัฒนาสินค้า เท่านั้นล่ะมั้งที่จะยุ่งยาก แต่ต้องไม่ลืมครับว่า เราทำงานกันแบบบริษัท ส่วนงานนึงเปลี่ยนแปลง ก็สร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ และใครที่ไม่ปรับตาม ยังยึดติดอยู่กับวิธีการเก่า ๆ อย่างไม่มีเหตุผล นั้นแหละครับส่วนนึงที่ทำให้เกิดความหงุดหงิด
อีกความหงุดหงิดนึงที่จะเกิดขึ้นคือ ความไม่คล่องในช่วงแรก
ก็มันเป็นเรื่องใหม่ เดิมทำอีกอย่างมาตลอด ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาทำแบบใหม่ ซึ่งก็ทำนะ ไม่ใช่ไม่ทำ แต่เพิ่งเริ่มทำไง มันเลยไม่คล่อง ข้อนี้แหละครับ ที่ผมว่าต้องเห็นใจกันและต้องให้เวลา ในขณะที่คนทำงานตรงจุดนั้นก็ต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้เป็นมืออาชีพให้เร็วที่สุด
ยำอีกทีว่า เราผ่านการเปลี่ยนแปลงกันมาไม่น้อย ถ้านี่จะเป็นการเปลียนอีกครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะทำไม่ได้ แค่เราต้องเหนื่อยเพิ่มอีกหน่อยในช่วงเริ่มต้น พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ชีวิตก็จะกลับไปง่ายอีกครั้ง
ใจเย็นกับคนอื่น แล้วเร่งพัฒนาตัวเอง มองส่วนรวมเป็นที่ตั้ง น่าจะช่วยให้อะไรง่ายขึ้น จริงมั้ย
#HRTheNextGen
#มนุษย์เงินเดือน #HR2020