TRUE เสนอขายหุ้นกู้ 4 ชุด ดอกเบี้ย 3.20% ถึง 4.60% ต่อปี
TRUE x ลงทุนแมน
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 31 ปี
และเร็ว ๆ นี้ TRUE จะเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต่อผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่เราสามารถสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ ในรูปแบบของหุ้นกู้ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 เสนอดอกเบี้ยตั้งแต่ 3.20% ถึง 4.60% ต่อปี ตามอายุของหุ้นกู้แต่ละชุด
ภาพรวมธุรกิจของ TRUE เป็นอย่างไร
แล้วรายละเอียดหุ้นกู้ของทางบริษัท มีอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่น เราลองมาดูภาพรวมธุรกิจของ TRUE กันก่อน
TRUE เป็นผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมและบริการดิจิทัลครบวงจร
โดยเราสามารถแบ่งธุรกิจหลักของบริษัท ออกเป็น
- ทรูมูฟ เอช ธุรกิจบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครอบคลุมตั้งแต่ 3G จนถึง 5G โดยเครือข่ายอัจฉริยะ True5G มีย่านความถี่มากที่สุด และครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ
- ทรูออนไลน์ ธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ด้วยโครงข่ายไฟเบอร์คุณภาพสูงที่ให้ความเร็วระดับ 1 Gbps
- ทรูวิชั่นส์ ธุรกิจบริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกและทีวีดิจิทัล และเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ มีคอนเทนต์คุณภาพสูงทั้งในและต่างประเทศ
- ทรูดิจิทัลกรุ๊ป ธุรกิจบริการดิจิทัลครบวงจร สำหรับผู้บริโภค ธุรกิจรายย่อย และลูกค้าองค์กร อาทิ แพลตฟอร์มสื่อดิจิทัล (Digital Media Platform) หรือทรูไอดี แพลตฟอร์มที่เชื่อมระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) พร้อมสิทธิประโยชน์หลากหลาย เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ดิจิทัลโซลูชันต่าง ๆ และธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ (Digital Health) เป็นต้น
และแม้ว่าในปีที่ผ่านมา หลายธุรกิจในประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด 19 แต่ธุรกิจให้บริการสื่อสาร และบริการดิจิทัล ก็ยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นจากผลประกอบการของบริษัท
ในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2564 กลุ่ม TRUE มีรายได้รวม 69,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7%
กำไรจากการดำเนินงาน 6,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.2%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในด้านจำนวนผู้ใช้บริการ ก็เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
- ทรูมูฟ เอช มีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 4.9 แสนราย ณ ไตรมาส 2 รวมทั้งหมดเป็น 31.7 ล้านราย คิดเป็นมากถึง 46% ของจำนวนประชากรในประเทศไทย
- ทรูออนไลน์ มีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 1.05 แสนราย ณ ไตรมาส 2 รวมทั้งหมดเป็น 4.4 ล้านราย
- แพลตฟอร์มทรูไอดี มีจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 25 ล้านคน มียอดรับชมคอนเทนต์วิดีโอต่อเดือนโดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นที่ 265 ล้านครั้งต่อเดือน
จากตรงนี้ จะเห็นได้ว่าแต่ละกลุ่มธุรกิจของ TRUE ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แม้จะอยู่ในช่วงที่สถานการณ์โรคระบาดในประเทศยังไม่เป็นปกติ
รวมทั้งบริษัทยังมีบริการที่เข้ากับพฤติกรรมการรับชมคอนเทนต์ของคนรุ่นใหม่ ที่มีการเติบโตที่น่าสนใจ รวมถึงบริการดิจิทัลโซลูชันและ IoT ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจได้อย่างตรงจุด
และเพื่อสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคต ทางบริษัท TRUE จึงได้เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่สำหรับทั้งผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน
โดยมีจุดประสงค์ของการออกหุ้นกู้ดังนี้
- นำไปชำระคืนหนี้คงค้าง เช่น หนี้เงินกู้และหนี้จากการออกตราสารที่ครบกำหนดชำระในปี พ.ศ. 2564
- ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของกลุ่มบริษัท
สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ที่เสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering, “PO”) ครั้งนี้ มีทั้งหมด 4 ชุด ได้แก่
ชุดที่ 1 อายุ 3 ปีอัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี
ชุดที่ 2 อายุ 4 ปีอัตราดอกเบี้ย 3.60% ต่อปี
ชุดที่ 3 อายุ 5 ปีอัตราดอกเบี้ย 4.05% ต่อปี
ชุดที่ 4 อายุ 7 ปีอัตราดอกเบี้ย 4.60% ต่อปี
โดยทั้ง 4 ชุดนี้ จะมีงวดการจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือนในวันที่ 15 มกราคม, 15 เมษายน, 15 กรกฎาคม และ 15 ตุลาคม ของแต่ละปี ตลอดอายุของหุ้นกู้
ซึ่งหุ้นกู้ที่ออกครั้งนี้ของ TRUE ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ หุ้นกู้ของ TRUE จะเสนอขายตั้งแต่วันที่ 11-12 และวันที่ 14 ตุลาคม 2564
มีจำนวนจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยมีผู้จัดจำหน่าย ดังนี้
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่าน แอป Bualuang mBanking
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02 888 8888 กด 819 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อผ่าน แอป SCB Easy
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อผ่าน แอป CIMB THAI Digital Banking
และด้วยสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อผ่านระบบออนไลน์หรือแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาของสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่ง เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจ สามารถอยู่บ้านและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็สามารถจองซื้อหุ้นกู้ได้แล้ว
-ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร 1428 กด #4 (สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น)
คำเตือน
1. โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
2. การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน
3. ตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ การขายตราสารในตลาดรองนั้นอาจได้รับมูลค่าขายตราสารลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับสภาวะและความต้องการของตลาดในขณะนั้น
4. อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้เป็นเพียงข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้นมิใช่สิ่งชี้นำการซื้อขายตราสารหนี้ที่เสนอขายและไม่ได้เป็นการรับประกันความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร และเมื่อผู้ออกหุ้นกู้หยุดจ่ายดอกเบี้ย (กรณีบริษัทไม่ได้แจ้งเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้) หรือเงินต้นก็เป็นการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ (default) ซึ่งหากผู้ออกหุ้นกู้ประกาศล้มละลายหรือผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นกู้และเจ้าหนี้อื่นของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะมีบุริมสิทธิเหนือผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้ผู้ลงทุนสามารถดูผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้หรือผู้ออกหุ้นกู้ (credit rating) ที่จัดทำโดยสถาบันจัดอันดับความเสี่ยงประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ถ้า credit rating ของหุ้นกู้หรือผู้ออกหุ้นกู้ต่ำแสดงว่าความเสี่ยงด้านเครดิตของหุ้นกู้หรือผู้ออกหุ้นกู้สูงผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับควรจะสูงด้วยเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงของหุ้นกู้ดังกล่าว
bbb rating 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุป SiriHub Investment Token โทเคนดิจิทัลแรกที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ ช่วยให้คนทั่วไปได้รับส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์
ลงทุนแมน X เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล
มีเงินเพียงหลักสิบบาท ก็สามารถลงทุนเพื่อได้รับส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่าอสังหาฯ ได้ ประโยคนี้อาจดูเป็นไปไม่ได้ในสายตาคนส่วนใหญ่ แต่วันนี้ สิ่งนี้กำลังจะเกิดขี้นแล้วในประเทศไทย
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โลกของการลงทุนก็ได้พัฒนาตาม
ทำให้มีช่องทางการระดมทุนและลงทุนใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์นักลงทุน รวมถึงคนทั่วไปในปัจจุบันมากขึ้น
ภาพจำเดิม ๆ ที่ว่าหากเราต้องการลงทุนในอสังหาฯ สักแห่ง เพื่อที่จะได้รับค่าเช่าที่จะเป็นกระแสเงินสดเข้ากระเป๋า
เราก็ต้องมีเงินทุนหลักล้านบาทนั้น อาจไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
เพราะสิ่งที่จะมาปูทางสร้างทางเดินใหม่ให้เกิดขึ้นในเมืองไทย
และกลายเป็นการปฏิวัติการระดมทุนและการลงทุนของวงการอสังหาฯ คือ SiriHub (สิริฮับ)
SiriHub เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)
ที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์
หรือที่เรียกว่า Real Estate-backed Token
และรู้หรือไม่ว่า SiriHub ยังถือเป็น Real Estate-backed Token ตัวแรกของประเทศไทยที่ได้รับการอนุญาตจาก ก.ล.ต. อีกด้วย
แล้วโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน คืออะไร ?
โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนคือโทเคนดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนเทคโนโลยี Blockchain และมีกลไกการให้สิทธิแก่ผู้ถือโทเคนผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง โปร่งใส และสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ตลอดเวลา
ซึ่งผู้ถือโทเคนดิจิทัลจะได้รับสิทธิในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการ เพื่อรับผลตอบแทนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่า หรือสิทธิอื่นใด ตามที่กำหนดไว้ใน White Paper หรือหนังสือชี้ชวน
คล้าย ๆ กับการถือหุ้นในบริษัท ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ มีสิทธิในส่วนแบ่งกำไรและได้รับเงินปันผลจากบริษัท
เพียงแต่การถือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน ปกติแล้วผู้ถือโทเคนดิจิทัลจะมีเพียงสิทธิในการร่วมลงทุนเฉพาะในโครงการนั้น ๆ ที่เราสนใจ และรับผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ แต่ไม่ได้มีสิทธิในการเป็นเจ้าของโครงการแต่อย่างใด
สำหรับโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน SiriHub ออกโดยบริษัท เอสพีวี 77 จำกัด
และเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกโดยบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด (XSpring Digital)
ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.
โดยมีความเชี่ยวชาญในการเป็นที่ปรึกษาด้านการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนดิจิทัล
และมีทรัสตีคือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เก็บทรัพย์สินและกำกับดูแลการดำเนินงานของผู้ออกโทเคนดิจิทัลให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือชื้ชวน
ซึ่งวัตถุประสงค์ของการออกโทเคนดิจิทัล SiriHub ก็เพื่อระดมทุนเป็นจำนวน 2,400 ล้านบาท ประกอบด้วย
(1) การลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินจำนวน 2,186 ล้านบาท โดย
(ก) ลงทุนในสัญญา RSTA (Revenue Sale and Transfer Agreement) เพื่อรับกระแสรายรับ เช่น ค่าเช่า รายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการ และผลตอบแทนอื่น ๆ จากกลุ่มอาคารสำนักงาน “Siri Campus (สิริ แคมปัส)” จากบริษัท สิริพัฒน์ โฟร์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโครงการ
(ข) ลงทุนในหุ้นร้อยละ 100 ของบริษัท สิริพัฒน์ โฟร์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในกลุ่มอาคารสำนักงาน สิริ แคมปัส และโอนเข้ามาเป็นทรัพย์สินของกองทรัสต์
(2) การชำระต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัล ชำระคืนเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนครั้งนี้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทผู้ออกโทเคนดิจิทัลจำนวน 214 ล้านบาท
ซึ่งผลประโยชน์หลัก ๆ ที่ผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHub ได้รับก็คือกระแสรายรับสุทธิที่ได้จากกลุ่มอาคารสำนักงาน Siri Campus ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้อ้างอิงในการระดมทุนนี้
แล้ว Siri Campus น่าสนใจขนาดไหน?
Siri Campus เป็นกลุ่มอาคารสำนักงาน ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพสูงอย่าง T77 Community ในซอยสุขุมวิท 77 ที่เป็นเมืองต้นแบบแห่งอนาคตในย่านอ่อนนุช บนพื้นที่ 7 ไร่ 1 งาน 42.2 ตารางวา
ซึ่งในย่านนี้ รายล้อมไปด้วยแหล่งที่อยู่อาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
ทั้งรถไฟฟ้า BTS ไลฟ์สไตล์คอมมิวนิตีมอลล์ “HABITO Mall” โรงเรียนนานาชาติ “Bangkok Prep International School” และอื่น ๆ อีกมากมาย
โดย Siri Campus มีทั้งหมด 5 อาคาร ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นออฟฟิศยุคใหม่
ที่เน้นคำนึงถึงการทำงานของคนรุ่นใหม่ ผ่านการดีไซน์พื้นที่ทำงานและสภาพแวดล้อมให้มีความยืดหยุ่น จนเกิดการ Collaboration และสื่อสารกันได้ตลอดเวลา เพื่อกระตุ้นให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ และความคิดสร้างสรรค์
มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ห้องสมุด ฟิตเนส และสวน
เป็นสถานที่ซึ่งรวมพื้นที่ทำงานและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตไว้ในที่เดียวกันได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ Siri Campus ยังถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ด้วยการสอดแทรกธรรมชาติ ไว้ทุกพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
และติดตั้งนวัตกรรมที่แปลงแสงและลมให้เป็นพลังงานยามค่ำคืน เช่น แผง Solar Cell
ที่สำคัญ กลุ่มอาคารสำนักงาน Siri Campus ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
ที่เป็นผู้เช่าระยะยาว ด้วยสัญญาเช่า 12 ปี ยังเป็นอาคารที่ได้รับการประเมินมาตรฐาน Fitwel Certificate ระดับสูงสุด 3 ดาวจากองค์กร Center for Active Design (CfAD) ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นโครงการที่ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีต่อผู้ใช้อาคาร ทั้งด้านส่งเสริมสุขภาพ และประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี
สรุปแล้ว ผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHub ก็จะได้รับผลตอบแทนส่วนหนึ่งมาจากส่วนแบ่งค่าเช่าจากสัญญาเช่าระยะยาวของแสนสิริ นั่นเอง
ซึ่ง SiriHub มีอายุโครงการ 4 ปี (เว้นแต่มีการต่ออายุโครงการ เนื่องจากเหตุจำเป็นตามที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน) โดยในปีสุดท้ายของโครงการ ผู้ออกโทเคนดิจิทัลจะดำเนินการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการ เพื่อนำมาจัดสรรเป็นส่วนแบ่งรายได้ ให้แก่ผู้ถือโทเคนดิจิทัลตอนครบกำหนดอายุโครงการ
แล้วผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHub จะได้รับผลตอบแทนอย่างไร ?
โทเคนดิจิทัลของ SiriHub จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ SiriHubA และ SiriHubB
โดยทั้งสองประเภท เสนอขายในราคา 10 บาทต่อโทเคน
1) SiriHubA จำนวน 160 ล้านโทเคน (มูลค่าเสนอขาย 1,600 ล้านบาท)
ผู้ถือจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ เป็นรายไตรมาส (ทุก ๆ 3 เดือน) ไม่เกิน 4.5% ต่อปี และได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินโครงการ สูงสุดไม่เกิน 1,600 ล้านบาท ก่อนผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHubB
พร้อมกับมีสิทธิในการลงมติอนุมัติให้มีการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการ
หากรายได้ส่วนสุดท้ายที่ได้รับจากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท
2) SiriHubB จำนวน 80 ล้านโทเคน (มูลค่าเสนอขาย 800 ล้านบาท)
ผู้ถือจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ เป็นรายไตรมาส (ทุก ๆ 3 เดือน) ไม่เกิน 8.0% ต่อปี
และได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินโครงการ เฉพาะส่วนที่เกิน 1,600 ล้านบาทเป็นต้นไป ต่อจากผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHubA
แต่จะไม่มีสิทธิในการลงมติอนุมัติให้มีการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการ
หากรายได้ส่วนสุดท้ายที่ได้รับจากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท
มาถึงตรงนี้สรุปได้ว่าโทเคนดิจิทัล SiriHub มีความน่าสนใจหลากหลาย เช่น
- ได้รับส่วนแบ่งรายได้เป็นรายไตรมาส ซึ่งไม่เกิน 4.5% หรือ 8.0% ต่อปี ขึ้นอยู่กับประเภทของโทเคนดิจิทัล
- ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการเมื่อสิ้นสุดโครงการ
- อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้อ้างอิงมีผู้เช่าระยะยาว โดยผู้ถือโทเคนจะได้รับมีส่วนแบ่งรายได้มาจากค่าเช่า Siri Campus ที่มีแสนสิริ เป็นผู้เช่าระยะยาว 12 ปี ซึ่งปัจจุบันเหลือระยะเวลาการเช่าอีก 10 ปี และแสนสิริได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ จาก Tris Rating
ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับกระแสเงินสดที่ค่อนข้างแน่นอน
- ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contract ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใสในเรื่องของการทำธุรกรรม การใช้สิทธิ และการจัดสรรผลตอบแทน
- เป็นโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็คือ สัญญา RSTA และทรัพย์สินโครงการ Siri Campus
จึงมีความเสี่ยงต่ำกว่าโทเคนดิจิทัลที่ไม่มีอะไรมาอ้างอิง
- ถูกต้องตามกฎหมายไทย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.
- สามารถลงทุนเริ่มต้นเพียง 10 บาท และสามารถลงทุนได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ
ทำให้เกิดการกระจายโอกาสการลงทุนไปยังนักลงทุนรายย่อยมากขึ้น
ผู้ลงทุนธรรมดาที่ไม่มีทรัพย์สินมากก็สามารถลงทุนเพื่อรับส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่าจากอสังหาฯ ได้
- มีสภาพคล่อง ด้วยการซื้อขาย SiriHub ในตลาดรอง
ซึ่งสามารถซื้อขายโทเคนดิจิทัล ได้ในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น ERX ที่เปิดบริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ SiriHub Investment Token ทั้งสองประเภท ปัจจุบันผ่านการอนุมัติจาก ก.ล.ต. แล้ว และจะเปิดให้จองซื้อ ICO ระหว่างวันที่ 21 กันยายน 2564 เวลา 00.01 น. - 4 ตุลาคม 2564 เวลา 15.30 น. ผ่านแอปพลิเคชัน XSpring
โดยมีมูลค่าการจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10 บาทต่อโทเคน (ชำระเป็นเงินบาทเท่านั้น)
โดยนักลงทุนรายย่อยจะสามารถลงทุนได้ไม่เกินรายละ 300,000 บาทต่อโครงการ ตามกฎของ ก.ล.ต. ในขณะที่ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ นิติบุคคลร่วมลงทุน หรือกิจการเงินร่วมลงทุน สามารถลงทุนได้ไม่จำกัดจำนวน
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่า
แล้วการลงทุนใน SiriHub จะต่างจากการลงทุนใน REITs (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) อย่างไร ?
จริง ๆ แล้ว Real Estate-backed Token จะมีความคล้ายคลึงกับกอง REIT
แต่ยังมีจุดที่แตกต่างกันไปตามกฎเกณฑ์ของแต่ละประเทศ
อย่างในประเทศไทยมีจุดที่ต่างกันคือ ส่วนใหญ่ REITs จะลงทุนในอสังหาฯ หลายประเภทหรือหลายโครงการ และสามารถเพิ่ม-ลดทรัพย์สินในกองทรัสต์ได้ อีกทั้งนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าลงทุนได้ไม่จำกัดมูลค่า
แต่ Real Estate-backed Token ส่วนใหญ่จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินหรือโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น
และไม่มีการเพิ่ม-ลดทรัพย์สิน รวมถึงนักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อโครงการ
และความต่างที่สำคัญก็คือเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง โดย Real Estate-backed Token จะใช้เทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contract ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใสในการทำธุรกรรม การใช้สิทธิ และการจัดสรรผลตอบแทน นั่นเอง..
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับ SiriHub ได้ที่ https://xspringdigital.com/th/project/sirihub
นักลงทุนที่สนใจลงทุนในโทเคนดิจิทัลผ่าน XSpring Digital สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน XSpring ได้ที่ http://onelink.to/efumnu
และดูวิดีโอคำแนะนำการเปิดบัญชีกับ XSpring Digital ได้ที่ https://youtu.be/bPSTTUTDgxI
คำเตือน: ก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนเพื่อทำความเข้าใจลักษณะของผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
bbb rating 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
'หุ้นกู้ EDL-Gen’ โอกาสการลงทุนในพลังงานสะอาดที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน
EDL-Gen x ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า ไทยซื้อไฟฟ้าจากประเทศใดมากที่สุด ?
ปัจจุบัน กำลังการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ในไทยกว่า 5,721 เมกะวัตต์ หรือ 12% ของกำลังการผลิตในระบบ มาจากผู้ผลิตในต่างประเทศ
โดยเกือบทั้งหมดเป็นการนำเข้าจาก สปป.ลาว ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ
สอดคล้องกับข้อมูลของธนาคารแห่ง สปป.ลาว ที่รายงานว่า ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกหลักของประเทศ
ถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่า ทำไม สปป.ลาว ผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำได้มากขนาดนั้น ?
ด้วยภูมิศาสตร์ของประเทศที่อุดมสมบูรณ์ เป็นภูเขาสูง มีแม่น้ำหลายสาย รวมถึงนโยบายของรัฐที่เปิดกว้างให้ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระในภาคเอกชนร่วมลงทุน ทำให้ สปป.ลาว ก้าวสู่การเป็นผู้นำผลิตพลังงานสะอาดในภูมิภาคอาเซียนได้
โดยหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดรายใหญ่ ที่ส่งออกไฟฟ้าให้ไทยคือ ‘บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน)’ หรือ EDL-Gen’
ธุรกิจของ EDL-Gen มีความน่าสนใจและมีบทบาทใน สปป.ลาว อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
EDL-Gen เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ที่ทำธุรกิจมายาวนานกว่า 50 ปี
โดยบริษัทฯ ได้นำมาตรฐาน ISO14001 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด มาใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าผ่านเขื่อนที่ให้น้ำไหลผ่านตลอดเวลา (Run-off-the-river)
ซึ่งรูปแบบของ Run-off-the-river คือปริมาณน้ำที่ไหลเข้าโรงไฟฟ้าจะเท่ากับปริมาณน้ำที่ไหลออก โดยจะไม่มีการเปลี่ยนทิศทางน้ำหรือกักเก็บน้ำไว้เหนือเขื่อน
เพราะฉะนั้น ระดับน้ำและคุณภาพน้ำจะเป็นไปตามธรรมชาติ ทั้งเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน
จึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม รวมถึงไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของสัตว์น้ำในลุ่มน้ำโขง
ปัจจุบัน EDL-Gen มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,949 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 27 โครงการ กำลังการผลิตรวม 1,683 เมกะวัตต์
แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ EDL-Gen เป็นเจ้าของ 100% จำนวน 11 โครงการ และโครงการร่วมภาคเอกชน (IPP) 16 โครงการ
ซึ่งไทยถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อไฟฟ้าจาก EDL-Gen ในสัดส่วนสูงถึง 42% ของปริมาณการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งหมด
แล้วฐานะการเงินของ EDL-Gen เป็นอย่างไร ?
ปี 2561 สินทรัพย์ 75,149 ล้านบาท รายได้ 5,964 ล้านบาท
ปี 2562 สินทรัพย์ 78,825 ล้านบาท รายได้ 5,292 ล้านบาท
ปี 2563 สินทรัพย์ 82,313 ล้านบาท รายได้ 5,698 ล้านบาท
สำหรับการเติบโตของ EDL-Gen หลังจากนี้ บริษัทฯ จะเปิดให้เอกชนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมลงทุน
เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,435 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 42 โครงการ ภายในปี 2572
แบ่งเป็นโครงการที่ลงทุนและพัฒนาเอง 18 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 974 เมกะวัตต์
และโครงการร่วมทุน 24 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนถือหุ้นรวม 1,461 เมกะวัตต์
สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าในอาเซียนที่ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของภาพรวมเศรษฐกิจและวิชั่นของ EDL-Gen ที่จะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่มั่นคงเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
และขับเคลื่อน สปป.ลาว ให้พัฒนาสู่การเป็นผู้นำการผลิตพลังงานสะอาดของภูมิภาค
ตามเทรนด์ Green Energy ที่เป็นเมกะเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ
หลายปีที่ผ่านมา ไทยได้พึ่งพิงพลังงานไฟฟ้าจาก สปป.ลาว เป็นจำนวนมาก
จากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศปี 2561-2580 (PDP 2018) ก็ระบุว่า ประเทศไทยสามารถรับซื้อ ไฟฟ้าจากต่างประเทศได้อีก 3,500 เมกะวัตต์ โดยจะเป็นการซื้อจาก สปป.ลาว ในปริมาณกว่า 3,000 เมกะวัตต์
เร็ว ๆ นี้ EDL-Gen เตรียมเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวมไม่เกิน 6,000 ล้านบาท จำนวนหน่วยที่เสนอขายไม่เกิน 6 ล้านหน่วย
ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 หรือมีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.90% ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้
เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2564
โดยหุ้นกู้และผู้ออกหุ้นกู้ EDL-Gen ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ “BBB-” และแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564
หุ้นกู้จะถูกเสนอขายแก่นักลงทุนสถาบัน และ/หรือ นักลงทุนรายใหญ่ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100 หน่วย
ที่บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), และ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จํากัด (มหาชน) จองซื้อประมาณวันที่ 5, 6, 7 กรกฎาคม 2564
โดยมี บริษัท ทวิน ไพน์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาการเงินชั้นนำในการระดมทุนให้กลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย (CLMVT) เป็นที่ปรึกษาในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของ EDL-Gen ครั้งนี้
สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้นกู้ EDL-Gen สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.edlgen.com.la
คำเตือน
1. โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
2. ตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ การขายตราสารในตลาดรองนั้นอาจได้รับมูลค่าขายตราสารลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับสภาวะและความต้องการของตลาดในขณะนั้น
3. อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้เป็นเพียงข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น มิใช่สิ่งชี้นำการซื้อขายตราสารหนี้ที่เสนอขาย และไม่ได้เป็นการรับประกันความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร และเมื่อผู้ออกหุ้นกู้หยุดจ่ายดอกเบี้ย (กรณีบริษัทไม่ได้แจ้งเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้) หรือเงินต้น ก็เป็นการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ (default) ซึ่งหากผู้ออกหุ้นกู้ประกาศล้มละลายหรือผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นกู้ และเจ้าหนี้อื่นของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะมีบุริมสิทธิเหนือผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้ ผู้ลงทุนสามารถดูผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ หรือผู้ออกหุ้นกู้ (credit rating) ที่จัดทำโดยสถาบันจัดอันดับความเสี่ยง ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ ถ้า credit rating ของหุ้นกู้ หรือผู้ออกหุ้นกู้ต่ำ แสดงว่าความเสี่ยงด้านเครดิตของหุ้นกู้หรือผู้ออกหุ้นกู้สูง ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับควรจะสูงด้วยเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงของหุ้นกู้ดังกล่าว
References
- EDL-Gen’s Presentation
- https://www.facebook.com/thematterco/posts/2054511904764201/
- https://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=80&Itemid=116
- https://thaipublica.org/2021/04/edl-gen-supports-lao-to-become-asean-clean-energy-leader/
bbb rating 在 Better Business Bureau (BBB) Helps Find Businesses to Trust 的推薦與評價
BBB reviews and ratings are free to all. BBB website ranks in top 350 of U.S. sites, and 77% of consumers are familiar with BBB. Over 400,000 ... ... <看更多>
bbb rating 在 Does a bad BBB rating affect SEO? - YouTube 的推薦與評價
Getting a bad BBB ( Better Business Bureau) rating is not a death sentence for your company, but it certainly doesn't boast well for your ... ... <看更多>