📢 兩岸與國際租稅Update新上架
企業稅務治理是企業實踐ESG責任的重要環節,企業是否能夠履行合法納稅的義務,在ESG成為主流的時代,不再只是稅局關心的議題,而是所有利害關係人需要被充分告知的關鍵議題。
✏️本期精彩主題:
1⃣ ESG稅務治理與稅務科技解決方案:✅道瓊永續指數(DJSI)已新增企業租稅策略項目,具體內容有哪些?✅利害關係人需被充分告知的關鍵議題又是什麼?✅PwC方法論與工具如何協助企業?
2⃣ CFC之影響與因應:CFC最快在111年實施,相關規定為何?台商如何因應?👉立刻看 https://youtu.be/irjhXQqgZxI
#ESG #移轉訂價 #企業永續 #稅務治理 #稅務科技
🎧Podcast同步上架
►Apple | https://apple.co/3gP0DdZ
►Google | https://bit.ly/3zxlN7U
►Spotify | https://spoti.fi/3DwEA5K
►SoundOn | https://bit.ly/3sZWLM4
djsi esg 在 CUP 媒體 Facebook 的精選貼文
【當個有底線的人】
ESG 的投資概念受到愈來愈多人關注,上至監管機構、上市公司、金融企業,下至學者、投資者、普羅大眾,均看重這個市場大趨勢。但要落實這個投資概念,還得依賴一些具體的評估指標,今次介紹的「三重底線」(Triple Bottom Line)就是其中一個常見的相關概念。
三重底線概念,由英國學者約翰.埃爾金頓(John Elkington)於 1997 年提出。概念重點是,為達到可持續發展的目標,企業的管理、營運應平衡環境、社會、經濟三個層面,而且透過評估財務及非財務表現的各種指標,反映企業績效。金錢、利潤再非衡量企業成績的唯一標準。
隨著社會意識轉變,對環保、企業責任的重視,三重底線的概念日漸普及,不少知名國際組織更以此為據,評估企業的發展與管理,例如全球報告倡議(Global Reporting Initiative)與道瓊斯可持續發展指數(DJSI)就是其中之一。
國際機構的應用有助增進企業對三重底線的重視,讓理念得以在現實世界逐步落實。最具標誌性的是,聯合國工業發展組織(UNIDO)按三重底線原則設計了一系列評估指標,供發展中國家的中小企業參考、遵從,提升其管理水平,以協助當地企業於國際市場保持競爭力。
UNIDO 的指標全面,顧及不同類型的企業需求。環境指標涉及水資源消耗、能源消耗、廢物產生等;社會指標關係工作時間、結社自由、童工等規管條件;財務指標則對年營業額、稅前利潤、輪班工作模式等有具體限制。類似的指標陸續出現,有利各類型企業跟從、改善管理模式,善待環境、員工及社會各持份者,建立更美好的社會環境。
#茶杯社會萬象 #ESG
djsi esg 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
ลงทุนแมน X บ้านปู
หุ้นกู้ ‘บ้านปู’ เรทติ้ง A+ ดอกเบี้ย [2.90-4.00]% ต่อปี
โอกาสลงทุนกับผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ฯให้กับผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 3 รุ่น เสนอขายผ่านสถาบันการเงิน 4 แห่ง ซึ่งจะประกาศวันจองซื้อเร็วๆ นี้ โดยหุ้นกู้แต่ละรุ่น มีอัตราดอกเบี้ยตามรายละเอียดดังนี้
อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง [2.90-3.10]% ต่อปี
อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง [3.20-3.50]% ต่อปี และ
อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง [3.70-4.00]% ต่อปี
บ้านปูและหุ้นกู้ฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และมีศักยภาพในการขยายธุรกิจในอนาคต
บ้านปูก่อตั้งขึ้นในปี 2526 และ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2532 ปัจจุบัน บ้านปูได้เข้าดำเนินธุรกิจด้านพลังงานครบวงจรครอบคลุม 10 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
บ้านปูเดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์สิ่งแวดล้อมโลก ผ่านกลยุทธ์ Greener & Smarter ที่มุ่งสู่การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลที่ทันสมัยเพื่อเปลี่ยนผ่านธุรกิจพลังงานในปัจจุบันสู่พลังงานสะอาดแห่งโลกอนาคต โดยมีเป้าหมายในการสร้างพลังงานที่ยั่งยืนให้กับโลก และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
แผนธุรกิจ 5 ปีนับจากปี 2564-2568 ของบ้านปู จะช่วยเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พอร์ตพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานที่สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานสะอาดในอนาคตได้รวดเร็วและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และต่อยอดจากธุรกิจพลังงานในปัจจุบันที่บ้านปูมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว โดยสร้างการเติบโตจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้
กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ประกอบด้วย ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การตลาด การค้า โลจิสติกส์ การจัดหาเชื้อเพลิง และสายส่ง โดยบ้านปูจะมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับห่วงโซ่คุณค่าหรือ Value Chain ของบ้านปู โดยมุ่งเน้นไปที่ก๊าซธรรมชาติที่เป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดมากขึ้นและมีความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น
กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ครอบคลุมโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และจากพลังงานหมุนเวียน โดยบ้านปูจะมุ่งเน้นการลงทุนเพิ่มเติมในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และขยายการลงทุนไปสู่ตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูง เช่นในสหรัฐอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ประกอบด้วยธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและทุ่นลอยน้ำ ธุรกิจจัดเก็บพลังงาน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจพัฒนาชุมชนอัจฉริยะ และธุรกิจแพลตฟอร์มการซื้อขายไฟฟ้า โดยบ้านปูจะมุ่งเน้นไปที่การขยายระบบนิเวศของธุรกิจพลังงานที่เป็นธุรกิจเดิมของบ้านปู และต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นเทรนด์พลังงานแห่งอนาคต เพื่อเร่งสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งการพัฒนาโซลูชันและขยายการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุค New Normal อย่างต่อเนื่อง
จากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตลอดจนการเล็งเห็นถึงความสำคัญของพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บ้านปูได้ตั้งเป้าขยายการผลิตพลังงานไฟฟ้าในหลายรูปแบบเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมายกำลังการผลิต 6,100 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 ล่าสุดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2564 บ้านปูได้เข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 2 แห่ง ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (New South Wales) ประเทศออสเตรเลีย มีกำลังการผลิตรวม 166.8 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้รับซื้อที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในกลุ่มน่าลงทุน สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่มั่นคงในระยะยาว ดันกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนแตะ 1,073 เมกะวัตต์
โดยบ้านปู มีพันธมิตรทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่จะมาร่วมขับเคลื่อนเจตนารมณ์ในการสร้างความมั่นคงในการส่งมอบกระแสไฟฟ้า เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชน เศรษฐกิจ และสังคม ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม การสร้างสมดุลระหว่างปริมาณการผลิตและความต้องการใช้พลังงาน รวมทั้งสร้างรากฐานสู่การใช้พลังงานอย่างยั่งยืนในอนาคต
ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทในการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ความรับผิดชอบต่อสังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) หรือ ESG ที่เป็นรูปธรรมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านปู ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านความยั่งยืนจากองค์กรชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เช่น การได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7, การคว้าตำแหน่ง “Gold Class” ในกลุ่มอุตสาหกรรม Coal & Consumable Fuels จากการประกาศผลรางวัล SAM Sustainability Award 2021 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7, ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับ A (ตามเกณฑ์วัด AAA ถึง CCC) ในการประเมินความยั่งยืน ESG Rating จาก MSCI ปี 2562, ได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment) หรือ THSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ได้รับการจัดอันดับดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาลในระดับดีเลิศ จากผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2563 และตอกย้ำความยั่งยืนระดับนานาชาติด้วย รางวัล Asia’s Best SDG Reporting ระดับ Silver เป็นครั้งแรกจากเวที Asia Sustainability Reporting Awards (ASRA) ครั้งที่ 6 ประจำปี 2020 ซึ่งเป็นรางวัลระดับนานาชาติสำหรับการจัดทำรายงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กร
ด้านผลประกอบการของบ้านปู ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 51 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 1,543 ล้านบาท) โดยมีรายได้จากการขายจำนวน 736 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 22,269 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 102 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 936 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 29,336 ล้านบาท) และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 9,628 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 301,728 ล้านบาท) มีหนี้สินรวมจำนวน 6,781 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 212,510 ล้านบาท) ซึ่งฐานะการเงินดังกล่าวนี้แสดงถึงการเติบโตได้แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจโดยรวมไม่เอื้ออำนวย และยังมีความแข็งแกร่งทางการเงินที่สามารถรองรับความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย
โดยบ้านปูอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ฯ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงระดับ A+ โดยทริสเรทติ้ง ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้นกู้อย่างสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือน สามารถจองซื้อขั้นต่ำที่ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ติดต่อสอบถามผ่านสถาบันการเงิน 4 แห่งนี้ได้เลย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นสาขาไมโคร โทร. 1333
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111
ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777
บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขาย) โทร. 02-165-5555
และด้วยสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อผ่านระบบออนไลน์หรือแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ หรือกรณีจองซื้อผ่านบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) สามารถจองซื้อหุ้นกู้ผ่านทางโทรศัพท์บันทึกเสียงโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาของสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่ง ถือเป็นความสะดวกให้กับผู้ลงทุนในยุค new normal ที่แท้จริง
คำเตือน:
1.โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th
2. ตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ การขายตราสารในตลาดรองนั้นอาจได้รับมูลค่าขายตราสารลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับสภาวะและความต้องการของตลาดในขณะนั้น
3. การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้เป็นเพียงข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น มิใช่สิ่งชี้นำการซื้อขายหุ้นกู้ที่เสนอขาย และไม่ได้รับประกันความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้
หมายเหตุ:
บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ การจัดสรรหุ้นกู้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน
djsi esg 在 03.12.何謂三大國際ESG 指數?DJSI MSCI ESG FTSE ESG TIM 的推薦與評價
... <看更多>