ต้อนรับ Resident evil8 – ตำนานมนุษย์หมาป่ากับความเป็นจริง
เนื่องในโอกาสที่ 7 พฤษภาคม 2021 นี้คือวันวางจำหน่ายของแฟรนไชส์เกมระดับตำนานอย่าง Resident evil ที่อยู่คู่กับเกมเมอร์มายาวนาน จนทำให้เกิดภาพยนตร์คนแสดงอีกหกภาค(ที่แฟนเกมพากันแซ่ซ้องสรรเสริญ) ยืนยันความนิยมและยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์เป็นอย่างดี วันนี้เราจะมาย้อนความจำกันสักนิดก่อนไปสัมผัสกับภาคที่กำลังจะวางขาย
Resident evil หรือชื่อเดิม Biohazard เปิดตัวครั้งแรกในปี 1996 ด้วยการเป็นเกมเซอร์ไววัลเฮอร์เรอร์ที่เริ่มต้นในคฤหาสน์ร้างกลางป่า ต้องเผชิญหน้ากับฝูงศพเดินได้อย่างซอมบี้ที่เฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ ในเกม(แต่ไม่ยักกะเปิดประตูตามเข้ามา) กับความยากและน่ากลัวที่เรียกได้ว่าเลื่องชื่อในยุคนั้น ตามมาด้วยภาค 2 และ 3 ที่นอกจากเป็นการตอกย้ำความสำเร็จเกมเอาตัวรอดจากซอมบี้ ยังมาพร้อมตัวร้ายที่สยดสยองและน่าขนลุกอย่างไทแรนท์และเนเมซิส สองอสูรกายที่ตราตรึงในความทรงจำของผู้เล่นยุคนั้นเสมอมา
นับจากเวลานี่ก็เข้าสู่ปีที่ 25 นับจากเปิดตัวออกมาเป็นครั้งแรก นั่นทำให้แฟรนไชส์นี้ต้องมีการปรับตัวและพัฒนาเพื่อความอยู่รอด หนึ่งในนั้นถึงขั้นยอดเยี่ยมจนถูกขนานนามว่าปฏิวัติวงการเกมอย่าง Resident evil 4 ที่สร้างระบบยิงข้ามหัวไหล่ของเกมมุมมองบุคคลที่ 3 ที่ยังถูกใช้งานมาจนปัจจุบัน เปลี่ยนฉากหลังจากบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้เป็นชนทบทห่างไกล เช่นเดียวกับศัตรูที่ออกมาต้อนรับกลายเป็นชาวบ้านที่คลุ้มคลั่ง เปลี่ยนหน้าตาของเกมจนแทบไม่เหลือเค้าโครงอย่างที่เคยพบ ทำให้เกมง่ายจนทุกคนเข้าถึงได้แต่ยังคงความสนุกแบบเดิมและเป็นตำนานมาจนวันนี้
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งกับภาค 5 และ 6 ที่นอกจากเพิ่มระบบ CO-OP ที่รองรับระบบการเล่นสองคน มาพร้อมกับตัวเกมที่เปลี่ยนจากความสยองขวัญขนหัวลุกเป็นแอคชั่นเต็มรูปแบบ ขยายเนื้อเรื่องให้เปิดกว้างและยิ่งใหญ่ราวกับหนังฟอร์มยักษ์ ศัตรูยังความความน่ากลัวและขยะแยงไม่เปลี่ยนแต่เพิ่มความเร็วและดุเดือดในการต่อสู้ เปลี่ยนตัวละครที่เราเล่นจากนายทหารทั่วไปให้เก่งฉกาจราวกับยอดมนุษย์(จนหลายคนพากันสงสัยเมื่อมองย้อนกลับไปภาคแรก) ในแง่ความแปลกใหม่น่าเร้าใจและเข้าถึงง่ายนับว่าประสบความสำเร็จ ยอดขายภาคละ 10 ล้านชุดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งและสองของแฟรนไชส์แสดงให้เห็นว่าทั้งสองภาคเกมประสบความสำเร็จในตลาดโลกแค่ไหน แต่นั่นต้องแลกมาด้วยบรรยากาศเก่าๆ ที่จางหายจนเริ่มไม่คุ้นตา และคุณภาพของภาค 6 ที่หลายคนพากันมองต่ำ กลายเป็นกระแสคำวิจารณ์ออกมาไม่ดีนักจนคนพากันหมดหวังกับแฟรนไชส์นี้ไปช่วงหนึ่ง
ก่อนมาถึงความเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งล่าสุดอย่างการเปลี่ยนเกมมุมมองบุคคลที่ 3 ไปเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ยอมเสียฐานแฟนบางส่วนที่แพ้เกมแนวนี้แต่กลับไปสู่รากฐานความสยองขวัญ เช่นเดียวกับตัวละครเปลี่ยนจากกลุ่มที่เราเคยคุ้นหน้าค่าตา มาเป็นวิศวกรที่เข้ามาตามหาภรรยาที่หายสาบสูญไปจนต้องมาผจญกับครอบครัวโรคจิต เปลี่ยนจากความยิ่งใหญ่ระดับประเทศหรือโลกที่เคยมีให้เหลือแค่ระดับหมู่บ้านอันห่างไกลอีกครั้ง เช่นเดียวกับตัวเอกที่ไม่ได้เป็นยอดมนุษย์แต่เป็นแค่คนธรรมดาที่พยายามเอาชีวิตรอด เรียกคืนบรรยากาศเก่ากลับมายอมหักดิบภายในความเสี่ยง แต่เป็นอีกครั้งที่ Capcom บริษัทแม่เจ้าของเกมนี้ทำสำเร็จ Resident evil 7 เป็นเกมที่ได้รับคำชมจากทั้งเกมเมอร์และนักวิจารณ์ อาจมีคนโบกมือลาจากอาการ Motion sickness แต่ยอดขาย 7 ล้านชุด ขึ้นเป็นอันดับ 4 ของแฟรนไชส์ ถือเป็นการคืนชีพอย่างยิ่งใหญ่ของราชาเกมเอาตัวรอดสู่บรรยากาศแบบวันเก่า
ในภาค 8 ที่กำลังจะมาถึงนับเป็นการนำภาค 7 มาต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นการใช้มุมมองบุคคลที่ 1 หรือตัวละครและเนื้อเรื่องที่สืบสานมาจากตรงจุดนั้น(แม้ภรรยาที่เราตามช่วยมาภาคก่อนจะถูกยิงเจาะกะโหลกตั้งแต่ตัวอย่างก็ตาม) ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดในภาคนี้คือการที่ตัวเอกต้องตามหาลูกสาวที่ถูกลักพาตัว ภายใต้ฉากและบรรยากาศชนบทแบบยุโรปยุคกลาง ที่มีทั้งปราสาทและข้าวของเครื่องใช้บางส่วนอย่างกับหลุดมาจากยุคกลาง แต่ที่น่ากลัวไปกว่าคือศัตรูของเราคราวนี้ ไม่ใช่ซอมบี้ ชาวบ้านถืออาวุธ หรือปรสิตแบบเก่า แต่เป็นมนุษย์หมาป่าที่เคยมีตัวตนในยุคกลางมาพูดถึง แน่นอนเราไม่อยากเล่าเนื้อเรื่องเกมที่ทุกคนยังไม่ได้เล่น ดังนั้นจึงขอเล่าเรื่องของมนุษย์หมาป่าในตำนานให้ฟังกันเสียหน่อย
พื้นเพเดิมของสิ่งที่ถูกเรียกว่ามนุษย์หมาป่า
เรื่องเล่าอัศจรรย์อย่างคนแปลงกายและมีพละกำลังดังสัตว์ป่าถูกเล่าขานมายาวนาน แทรกซึมไปกับตำนานหรือนิทานพื้นฐานในทุกท้องที่จนสามารถพบได้ทั่วไป แต่ของตะวันตกจะมีร่วมกันอย่างชัดเจนคือตัวตนของมนุษย์หมาป่า ที่มีหลักฐานได้รับการพูดถึงชัดเจนคือสมัยกรีก กับเรื่องเล่าของ Lycaon ผู้นิยมชมชอบการในการกินเนื้อมนุษย์ นำไปสู่คำสาปของเทพเจ้าเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่า และเป็นที่มาของคำว่า Lycanthrope ที่หมายถึงมนุษย์หมาป่านั่นเอง ก่อนแพร่กระจายแนวคิด ความเชื่อ และความหวาดกลัวให้ลุกลามไปทั่วทั้งยุโรปหลังจากนั้น
แน่นอนมันเป็นเรื่องเล่าสุดคลาสสิกที่ทุกคนพากันพูดถึงและหยิบมาใช้งานตามสื่อหลายแขนง แต่ถ้าถามว่านี่คือตัวตนที่มีอยู่จริงไหม? คงตอบได้ว่าจริงแต่ไม่ใช่อย่างที่ผู้คนในอดีตคิด ถ้าจะให้พูดส่วนหนึ่งมาจากความไม่รู้จนกลายเป็นหวาดกลัวและความเข้าใจผิดเสียมากกว่า
ต้นสายปลายเหตุจากความหวาดกลัวจนเกินขีด
ต้องเข้าใจก่อนว่าในสมัยนั้นไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ ลองจินตนาการว่ารอบบ้านเต็มไปด้วยป่าทึบหรือดินแดนลึกลับที่เราไม่รู้จัก มืดมัวเสียจนแค่อยู่กันคนละเมืองสำหรับคนทั่วไปอาจเหมือนอยู่กันคนละโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับยุคกลางของทุกดินแดน ที่ทุกอย่างปกคลุมไว้ด้วยปริศนาและความคลุมเครือ ไม่มีการเคลื่อนย้ายหรือติดต่อสื่อสารโดยสะดวกทำให้การรับรู้หรือเข้าถึงข้อมูลมีจำกัด ประกอบกับวิทยาการและการแพทย์ยังไม่คืบหน้า ทำให้คนเราไม่เข้าใจธรรมชาติหรือปรากฏการณ์ต่างๆ จนได้แต่หวาดกลัว เลยทำให้แนวคิดหรือความเชื่อผิดๆ ทั้งหลายขยายตัว ผสมกับศาสนาที่ต้องการขยายจำนวนผู้ศรัทธาจึงอาสามาเป็นคำตอบให้ทุกสิ่ง ทั้งที่ขาดความรู้ความเข้าใจในหลายด้านทำให้ทุกอย่างยิ่งเลวร้าย
สมัยก่อนด้วยความที่จำนวนประชากรยังไม่เยอะ ชุมชนเมืองไม่ได้กว้าง พื้นที่เต็มไปด้วยป่าไม่ได้รับการบุกเบิก ทำให้พวกเขาขาดข้อมูลหลายอย่าง แค่สัตว์ป่าทั่วไปเข้ามาจู่โจมทำลายไร่นาหรือฆ่าสัตว์ที่เลี้ยงไว้ก็เป็นเรื่องใหญ่พอ นั่นทำให้สัตว์พวกนี้เป็นที่หวาดกลัวมากตามไปด้วย ภาพลักษณ์ความกลัวในจินตนาการของคนแต่ก่อนนั้นเรียบง่าย คือกลัวสัตว์นักล่าหรือสัตว์ดุร้ายที่พบเห็นได้ในท้องที่ พอนำมารวมกับการขาดความรู้ บางครั้งสัตว์ร้ายที่เป็นแค่สัตว์ป่าทั่วไปก็ได้รับการเสริมเติมแต่งเรื่องราวจนใหญ่โต อย่างฝูงสัตว์ป่าที่ออกล่าเหยื่อกันเป็นกลุ่มยามค่ำคืน กลายเป็นอสูรกายสุดน่าสะพรึงกลัวหรือสัตว์ในตำนานตามจินตนาการได้ไม่ยาก
ด้วยสังคมในสมัยนั้นจำเป็นต้องพึ่งพาชุมชนและสังคมค่อนข้างสูง จากระบบหลายอย่างที่ไม่ลงตัวและความปลอดภัยในชีวิตที่มีน้อยเมื่อเทียบกับเดี๋ยวนี้ การมีความคิดเห็น คำพูด หรือแม้แต่ท่าทีแสดงออกผิดจากนั้นไปสักนิดจนเป็นที่ตั้งแง่หรือรังเกียจ ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนก็มากพอตัดสินชีวิต จากความโหดร้ายที่แค่หน้าแล้งหรือหน้าหนาวผ่านเข้ามาก็มากพอคร่าชีวิต การบุกรุกของสัตว์ดุร้ายสักชนิดอาจหมายถึงการตายของปศุสัตว์ที่เลี้ยงดูทั้งครอบครัว หรือโจรภูเขาก็มากพอกวาดล้างยกหมู่บ้าน มนุษย์จำเป็นต้องเข้าสังคมเพื่ออยู่รอด ดังนั้นใครก็ตามที่ตีตัวออกห่างหรือมีความผิดปกติแปลกแยก ไม่ว่าทางการแสดงออก ความคิด หรือร่างกาย ล้วนเป็นเป้าให้ถูกเพ่งเล็ง ประณาม หรือขับไล่ออกไปจากฝูงชน
ต่อมาคือประเด็นทางศาสนาโดยเฉพาะที่เรากล่าวอ้างคือโลกตะวันตก สิ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญสุดในยุคกลางย่อมเป็นศาสนาคริสต์ ในสังคมสมัยนั้นศาสนาคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจหนึ่งเดียว โบสถ์และคนจากศาสนาทั้งหลายที่รับใช้พระเจ้าก็ถูกยกฐานะเสียสูงส่ง นั่นทำให้การกีดกันหรือผลักดันคนเห็นต่างจากสังคมเกิดได้ง่ายขึ้น แค่ตราหน้าว่านี่คือคนนอกรีตลบหลู่พระเจ้า กล่าวหาว่านี่คือสาเหตุของภัยร้าย อาเพศ ภัยธรรมชาติ ความกระหายเลือดของสัตว์ป่า และเรื่องเลวร้ายทั้งหลาย ก็ทำให้ผู้คนที่ไม่รู้และโง่เขลาสลัดคราบความเป็นคนออกจากตัว ผลักไสใครก็ตามที่ถูกชี้หน้าประณามทั้งที่บางครั้งเขาไม่เคยทำผิด ทำสิ่งเลวร้ายเพื่อเอาชีวิตรอดตามคำบอกกล่าวของผู้ที่ได้รับความเชื่อถือ นั่นคือวันคืนแห่งการล่าแม่มดและประหารผู้คนไปมากมาย ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นบางครั้งแค่มีความคิดนอกกรอบหรือแตกต่างออกไปจากสังคมเท่านั้นเอง
เมื่อนำทั้งสามสิ่งมารวมกันการสร้างปีศาจหรือสัญลักษณ์แห่งความหวาดกลัวจึงสมบูรณ์ ที่เหลือแค่ปรับให้เข้ากับความเข้าใจและท้องที่นั้นตามประสา แต่ที่ยุโรปสามารถเห็นภาพดีที่สุดคงเป็นสัตว์นักล่าที่มีทั่วไปอย่างหมาป่า เมื่อพวกมันเข้าบุกรุกในไร่สวนหรือหมู่บ้านย่อมหมายถึงภัยอันตราย นั่นทำให้ความหวาดกลัวต่อสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ฝังรากลึกลงไปในใจคน ภาพลักษณ์ต่อสัตว์ประเภทนี้ก็กลายเป็นเชิงลบ เมื่อต้องการปั้นแต่งเรื่องโกหกขึ้นมาผู้คนก็จะเชื่อหรือเห็นภาพได้ไม่ยาก ประกอบกับเสียงลือเสียงเล่าอ้างปากต่อปากขยายบอกต่อออกไปตามทางขยายเรื่องเล่าให้เป็นจริง บางครั้งแค่เห็นคนเพ่นพ่านยามค่ำคืนอย่างพวกโจรหรือคนป่าก็ถูกเข้าใจว่าเป็นอสูรกาย ภาพลักษณ์ของปีศาจร้ายจึงถูกสร้างขึ้นมาด้วยประการฉะนี้เอง
หากลองคิดถึงเรื่องคืนจันทร์เต็มดวงมนุษย์หมาป่าจะกลายร่างออกมาให้พบเห็น หากถามว่าทำไมเหตุผลเรียบง่ายที่สุดอาจเป็นแค่เหตุผลอย่างนั่นคือคืนที่มองเห็นยามค่ำคืนได้ชัดที่สุด แสงไฟสลัวเหมาะมากในการทำให้คนเข้าใจผิดหรือทัศนวิสัยไม่ชัดพอ เมื่อมองเห็นอะไรสักอย่างเข้าเป็นการง่ายที่จะเกิดความหวาดกลัว สมองเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ของหมาป่าหรือเรื่องเล่าของมนุษย์หมาป่าขึ้นมาในหัว ทั้งที่นั่นอาจเป็นแค่ คนสวมชุดหนังสัตว์ สัตว์ร้ายละแวกนั้น หรือเป็นแค่คนที่ออกมาเดินเตร่ และเมื่อคนที่พบเจอนำไปบอกเล่าในชุมชมก็กลายเป็นการผลิตซ้ำเรื่องเหล่านี้อย่างไม่รู้จบ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวาดกลัวไม่แพ้แม่มด ที่มักกลายเป็นข้ออ้างในการใส่ความผู้คน เป็นสัญลักษณ์ความดุดัน แข็งแกร่ง และป่าเถื่อนตามสัญชาตญาณ ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามและขนลุกแก่ผู้คน อาจเป็นเหตุให้มีคนกล่าวอ้างว่าตนเป็นมนุษย์หมาป่าตามมานับจากนั้น
แต่จะว่าคนยุคกลางเข้าใจผิดไม่มีความรู้อย่างเดียวคงไม่ถูก คนบางพวกในยุคนั้นก็อาศัยตำนานมนุษย์หมาป่าให้เป็นประโยชน์ ขยายความน่ากลัวของเรื่องราวเพื่อใช้งานในฐานะอาวุธก็มี อย่างโจรป่าที่เข้ารุกรานหมู่บ้านชายขอบ หรืออย่างที่เห็นชัดที่สุดคือพวกไวกิ้ง ชนเผ่าจากสแกนติเนเวียที่ออกมาบุกรุก ปล้นสะดมหมู่บ้านไปจนถึงปราสาทด้วยเรือ Drakkar ที่มีประสิทธิภาพสูงมากในลุ่มน้ำช่วงนั้น ความนิยมตั้งถิ่นฐานใกล้แม่น้ำเพื่อเพาะปลูกทำให้เป็นเป้าโจมตีที่ง่ายดายของไวกิ้ง และส่วนสำคัญสุดคือความบ้าคลั่งจากความเชื่อเฉพาะตัวและบูชาสัตว์ป่ากับธรรมชาติ นำหนังสัตว์มานุ่งห่ม ใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทั้งหลาย ทำให้มองในยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเหมือนกองทัพสัตว์นักล่าอสูรกายคืบคลาน สร้างความหวาดกลัวให้คนหมู่มากแต่แรกเห็น บั่นทอนขวัญกำลังใจของศัตรู ส่วนนี้เองทำให้เรื่องเล่าปรัมปราถูกฉายให้กลายเป็นจริง และยิ่งทำให้ความเข้าใจผิดบานปลายได้รับความเชื่อถือมายาวนานจากนั้นอีกหลายร้อยปี
ปลายทางของความเข้าใจผิดอันน่าเศร้า
ความเชื่อและขาดความรู้ความเข้าใจของคนสมัยนั้นถือเป็นแกนสำคัญทำให้มนุษย์หมาป่ามีตัวตน แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันคือมีคนบางกลุ่มที่ถูกเข้าใจผิดจากรูปลักษณ์ อย่างที่มีบันทึกไว้ตามตำนานหรือเรื่องเล่า การมีขนดกหนาปกคลุมทั่วร่างกาย มีรูปร่างหน้าตาผิดเพี้ยนจากคนปกติ ชอบกินเนื้อสัตว์ดิบหรือกินเนื้อมนุษย์กันเอง หรือมีพฤติกรรมใกล้เคียงสัตว์ป่า แต่สมัยนั้นไม่มีใครเข้าใจนักว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากโรคทางพันธุกรรมหรืออาการทางจิต อย่างเช่น
- Hypertrichosis หนึ่งในโรคที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมที่หายาก ส่งผลให้จำนวขนที่ขึ้นมาปกคลุมร่างกายผู้ป่วยมีมากและหนากว่าปกติ ทำให้มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับมนุษย์หมาป่าตามตำนาน
- Lycanthropy โรคหายากทางจิตเวช ผู้ป่วยจะมีอาการหลอนเข้าใจว่าตัวเองเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์หรือครึ่งคนครึ่งสัตว์ได้ และทำให้ผู้ป่วยเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีท่าทางและบุคลิกคล้ายสัตว์ชนิดนั้นเพื่อให้คนรอบข้างรวมถึงตัวเองเชื่ออีกด้วย
- Pitt Hopkins syndrome อีกโรคความผิดปกติทางพันธุกรรมที่หายาก จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทั้งร่างกาย สติปัญญา พัฒนาการ และพฤติกรรม ส่งผลให้มีรูปร่างหน้าตาผิดปกติและมีความผิดปกติเกี่ยวกับทางเดินหายใจ นำไปสู่อาการชักหรือลมบ้าหมูได้
เราไม่มีข้อพิสูจน์หรือยืนยันแน่ชัดว่าแท้จริงมนุษย์หมาป่าในตำนานมีอยู่จริงไหม แต่ผู้อ่านคงได้เห็นแล้วว่าแท้จริงสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์หมาป่า อาจเป็นแค่ความเข้าใจผิดจากความหวาดกลัวและความไม่รู้ของผู้คน เข้าใจไปว่าสิ่งที่ต่างจากตนคือสิ่งชั่วร้ายทั้งที่ความจริงไม่ใช่ พวกเขาเป็นแค่ผู้ป่วยที่น่าสงสารและต้องทรมานจากความเจ็บป่วยเท่านั้นเอง แม้ในปัจจุบันเรื่องเหล่านี้ก็ยังไม่จางหายและเกิดอยู่ทุกวัน
ได้แต่หวังว่าสักวันเราจะมองข้ามผ่านความแตกต่างหรือเกลียดชังบนโลกแล้วทำความเข้าใจกันได้เสียที
#peoplepersona
#เขย่งก้าวกระโดด
ที่มา
https://www.youtube.com/watch?v=sQkpR51gJgI&t=2381s&ab_channel=GamingDose
https://today.line.me/th/v2/article/LYlPw2
https://knesgrayscale.com/the-werewolf/
https://www.thairath.co.th/content/63427
https://hellokhunmor.com/uncategorized/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2-hypertrichosis-werewolf-syndrome/
https://board.postjung.com/945971
https://potterstoryweb.com/5751/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3
lycanthropy 在 變狼妄想症- 維基百科，自由的百科全書 的相關結果
狼化妄想症（clinical lycanthropy）是一種精神疾病，使人不合理地幻想被感染的病患會、或曾經變成動物。這個疾病是以從傳說中的狼化妄想（lycanthropy）為名：根據 ... ... <看更多>