同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
nowasu 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 的精選貼文
+++8 ทักษะที่โปรแกรมเมอร์ควรมี (มือใหม่) ในปี 2020 +++
ใครที่อยู่ในสาย Tech คงหนีไม่พ้นเรื่องของการปรับตัว เตรียมตัว และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ก่อนจะไปเริ่มไล่ดู 8 ทักษะที่โปรแกรมเมอร์ควรมี ลองมาดูเรื่องความต้องการของบริษัทในไทยดีกว่า ว่าอาชีพไหนมาแรง และเงินเดือนเริ่มต้นเยอะที่สุด!!
ขอต้อนรับเข้าสู่ปี 2020 ปีแห่งความต้องการ อาชีพโปรแกรมเมอร์ แน่นอนว่า เด็กจบใหม่ต่างก็ต้องหางานทำ และหนึ่งในอาชีพที่บริษัททั่วไทยต้องการมากที่สุดในปีนี้ ก็หนีไม่พ้น อาชีพโปรแกรมเมอร์ ....
อีกทั้ง อาชีพโปรแกรมเมอร์ ยังเป็นอาชีพที่มีรายได้เริ่มต้นมากที่สุดอีกด้วย
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าว่า 8 ทักษะที่โปรแกรมเมอร์ควรมี (มือใหม่) ในปี 2020 มีอะไรบ้าง??!!
_____________________________
1 Containers (Docker & Kubernetes)
ทักษะด้าน Containers : Containers หรือเครื่องมือที่ใช้ช่วยจัดการให้สามารถปรับนู่นนี่นั้นได้ง่ายขึ้น เช่น การใช้ Containers ของ Docker หรือ Kubernetes (ตัวที่โปรแกรเมอร์ส่วนใหญ่ใช้กัน) ไม่ว่าจะในแอพพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์
เมื่อแอพเป็น Container ถ้าในอนาคตบริษัทอยาก Scale หรือโยกย้ายเครื่อง ก็จะสามารถเอาทั้ง Container ไปวางบนเครื่องใหม่ได้เลย โดยที่ไม่ต้องมานั่ง Setup อะไรใหม่อีก
จากทั้งหมดที่กล่าวมา คือ Containers นี้จะช่วยให้โปรแกรมเมอร์ทั้งหลาย สามารถ Deploy งานได้ง่าย สะดวก และเร็วขึ้น
#เครื่องมือที่แนะนำ
- Docker
- Kubernetes
_____________________________
2 Cloud Platform (AWS, GCP & Azure)
ทักษะด้าน Cloud Platform : Cloud Platform คือ การเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ให้บริการด้าน Cloud นั่นแหละ โดยแต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวม Cloud Platform จะมีหน้าที่ช่วยประมวลผล จัดเก็บข้อมูลอันมหาศาล โดยผ่านระบบ Cloud ที่สามารถใช้งานได้ทุกทีทุกเวลาตลอด 24 ชม. ผ่านอินเทอร์เน็ต
อีกทั้งยังช่วยลดความยุ่งยาก และลดต้นทุนในการติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ หรือเครือข่ายของตัวเอง ซึ่งการใช้งานไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมาย แถมยังสะดวก รวดเร็ว และใช้งานได้ง่ายอีกด้วย
อีกทั้งยังสามารถเพิ่ม หรือลดจำนวนทรัพยากร (ขนาดความจุ) ได้ ตามความต้องการในการใช้งาน อาจมีค่าใช้จ่ายในส่วนของจำนวนทรัพยากร
#เครื่องมือที่แนะนำ
- Amazon Web Service (AWS)
- Google Cloud Platform (GCP)
- Microsoft Azure (Azure)
_____________________________
3 Data Structure & Algorithm
ทักษะด้าน Data Structure & Algorithm : Data Structure & Algorithm คือ พื้นฐานที่โปรแกรมเมอร์ หรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ควรมีอยู่แล้ว โดย Data Structure & Algorithm ที่ว่า...มัน หมายถึง พื้นฐานด้านกระบวนการคิดที่เป็นขั้นเป็นตอน สามารถจัดเรียงข้อมูล และวางโครงสร้างระบบ หรืออะไรก็ตามได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
โดยส่วนใหญ่ทักษะด้านนี้จะช่วยให้ โปรแกรมเมอร์ ทั้งหลาย มองเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และมองเห็นถึงวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น
อีกทั้งยังสามารถช่วยให้ทำงานได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
#เพิ่มเติม
Data Structure คือ โครงสร้างของข้อมูล เป็นกระบวนการจัดการข้อมูลให้อยู่ในโครงสร้าง หรือ การจัดเตรียมรูปแบบในการจัดเก็บข้อมูลให้มีความเป็นระเบียบ และถูกต้อง
Algorithm คือ ขั้นตอนวิธีการ หรือที่เรียกว่า อัลกอริทึม นั้น เป็นกระบวนการในการแก้ปัญหาที่สามารถเข้าใจได้ง่าย มีขั้นตอน ลำดับวิธี หรือวิธีในการแก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่ง โดยอาศัยความเป็นระเบียบเป็นขั้นเป็นตอน และชัดเจน (ต้องมีจุดประสงค์ในการทำ) จะต้องรู้ว่าสุดท้ายแล้ว จะต้องได้ผลลัพธ์อะไรในการทำ Algorithm
_____________________________
4 Version Control Tool (Git)
ทักษะด้าน Version Control Tool : Version Control Tool คือ อีกหนึ่งเครื่องมือที่เหล่าโปรแกรมเมอร์ทุกทีมต้องใช้กัน และต้องใช้เป็นด้วย อธิบายให้ง่ายๆอีกก็คือ Version Control เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้โปรแกรมเมอร์ทำงานเขียนโค้ด หรือโปรแกรมร่วมกันได้ และง่ายต่อการเก็บข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลง ผ่านการ Backup และจัดเรียง Source Code อย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
เรียกได้ว่า เป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากๆ สำหรับในการแก้ไขโค้ดไม่ให้ไปทับกับงานของโปรแกรมเมอร์คนอื่นๆภายในทีม นี่จึงเป็นอีกหนึ่งใน 10 ทักษะที่โปรแกรมเมอร์ควรมี นั่นเอง
#เครื่องมือที่แนะนำ
- Git (Distributed Version Control System)
- SVN (Centralized Version Control System)
_____________________________
5 IDEs (Eclipse, NetBeans, IntelliJ IDEA, Jupyter Notebook, Visual Studio Code)
ทักษะด้าน IDEs : IDE จริงๆแล้วย่อมาจาก Integrated Development Environment คือ เครื่องมือที่จะช่วยให้โปรแกรมเมอร์ หรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ มีความสะดวกมากขึ้นสำหรับการพัฒนาโปรแกรม เช่น การใช้คำสั่ง Compile หรือ Run โปรแกรม ซึ่งการเลือกใช้ IDEs มีความสำคัญมาก หากเลือกใช้ได้ถูก และตรงตามมาตราฐานการใช้งานของคนภายในทีม ก็จะยิ่งทำให้ทำงานร่วมกับโปรแกรมเมอร์คนอื่นๆได้ง่ายมากขึ้น
#เพิ่มเติม
การเลือกใช้เครื่องมือ IDEs ย่อมแตกต่างกันออกไป แล้วแต่โปรแกรมเมอร์ หรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ละคนว่าดูแลในส่วนไหนอยู่ ซึ่งแต่ละคนก็มีความถนัดที่แตกต่างกันออกไป จึงอาจจะใช้เครื่องมือ IDEs ที่ต่างกัน
#เครื่องมือที่แนะนำ
- Eclipse, NetBeans, และ IntelliJ IDEA สำหรับ ภาษา Java
- Jupyter Notebook สำหรับ ภาษา Python
- Visual Studio Code (VSCode) สำหรับ ภาษา C, ภาษา C++ และ ภาษา C#
_____________________________
6 Database & SQL
ทักษะด้าน Database & SQL : Database และ SQL คือ สิ่งที่อยู่กับโปรแกรมเมอร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งเรื่องของ Database และ SQL ถือเป็นพื้นฐานที่โปรแกรมเมอร์ต้องมีอยู่แล้ว ที่สำคัญสำหรับโปรแกรมเมอร์ที่ต้องทำในยุคนี้ ก็คือ ความรู้พื้นฐานในด้านการทำ Create / Read / Update / Delete หรือ CRUD นั้นเอง และสามารถเขียน SQL เพื่อดึง Database หรือข้อมูลที่ต้องการออกมาใช้งานได้
เหล่าโปรแกรมเมอร์ควรศึกษา และเรียนรู้อย่างละเอียดว่าจะทำยังไง เมื่อดึงข้อมูลปุ๊ปต้องได้ปั๊ป ฐานข้อมูลเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ หากพลาด หรือเขียนผิดไปนิดเดียวอาจทำให้พังทั้งระบบก็ได้ ที่สำคัญอีกอย่างไม่แพ้กัน คือ ควรจะวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนว่าระบบที่กำลัฃจะพัฒนาขึ้นมา เหมาะกับฐานข้อมูลแบบไหน...จงให้ความสำคัญกับเรื่องข้อมูลเป็นอันดับต้นๆจะดีที่สุด
#เครื่องมือที่แนะนำ
- Oracle
- MySQL
- Microsoft SQL Server
- PostgreSQL
_____________________________
7 OOP Programming language (C++, Java or Python)
ทักษะด้าน OOP Programming language : OOP หรือ Object Oriented Programming คือ การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ยิ่งกว่าคำว่าพื้นฐาน เพราะมัน คือ พื้นฐานของพื้นฐานสำหรับโปรแกรมเมอร์ หรือนักพัฒนาอีกทีนึง การเขียนโปรแกรมแบบ OOP ยกตัวอย่าง เช่น ภาษา C++, ภาษา Java, ภาษา JavaScript และ ภาษา Python เป็นพื้นฐานสำหรับผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นเขียนโปรแกรม ก่อนจะเข้าสู่นักพัฒนาอย่างเต็มตัว ถ้าหากโปรแกรมเมอร์มือใหม่สามารถเขียนโค้ดพวกภาษาที่เป็น OOP ได้แล้ว นั้นหมายความว่าคุณได้มีทักษะ Skill เพิ่มขึ้นมาแล้ว เมื่อคุณคิด หรือต้องการสร้างอะไรขึ้นมาก็สามารถเขียนขึ้นได้เลย ทำให้สามารถเอาไปต่อยอดในอนาคตต่อไปได้อย่างแน่นอน
_____________________________
8 Networking (Basics)
ทักษะด้าน Networking : Networking คือ ระบบเครือข่ายที่เป็นส่วนสำคัญของการทำงานสายโปรแกรมเมอร์อย่างมาก เนื่องจากการทำงานในส่วนของการพัฒนาเว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่น ของโปรแกรมเมอร์ หรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ต้องอาศัยระบบ Network อยู่แล้ว เพื่อที่จะเชื่อมต่อระบบที่พัฒนาไปยัง Server การทำงานของเหล่านักพัฒนาจึงจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องหลักการทำงานของระบบ Network เป็นพื้นฐานคร่าวๆอยู่แล้ว ทักษะด้าน Networking จึงเป็นอีกทักษะที่โปรแกรมเมอร์ในยุคนี้ขาดไม่ได้
_____________________________
ไม่ว่าจะเป็น Dev โปรแกรมเมอร์ หรือนักพัฒนาระดับไหน ถ้าขาด ทักษะที่โปรแกรมเมอร์ควรมี ทั้ง 8 ข้อนี้ คงจะทำงานยากขึ้นหน่อย อย่าลืมที่จะเพิ่มทักษะเหล่านี้ขึ้นมาด้วย!!
หากใครสนใจอ่านเพิ่มเติมบทความนี้แบบเต็มๆได้ที่นี่ bit.ly/8SkillsProgrammerNOWASUCO
_____________________________
แล้วคุณหละ??
มี ทักษะที่โปรแกรมเมอร์ควรมี อะไรแนะนำเราบ้าง...
ลอง comment, share หรือ tag บอกให้เรารู้ที!!
_____________________________
Source
+++ 8 ทักษะที่โปรแกรมเมอร์ควรมี (มือใหม่) ในปี 2020 +++ - NOWASU
https://nowasu.co/…/8-skills-programmer-should-learn-in-20…/
11 Essential Skills Software Developers should Learn in 2020 - Javin Paul
https://dev.to/…/11-essential-skills-software-developers-sh…
_____________________________
#บทความที่เกี่ยวข้อง
9 ทักษะที่ควรมี ก่อนเรียนจบ เพื่อก้าวข้ามยุค "หุ่นยนต์ แย่งงาน"
http://bit.ly/9SkillsNOWASUCO
9 อันดับ งานด้านคอมพิวเตอร์ IT ที่บริษัทต้องการมากที่สุด!!
http://bit.ly/9JobsComputerNOWASUCO
ทักษะที่บริษัทต้องการมากที่สุด ในปี 2019 จากข้อมูลของ LinkedIn พร้อมเหตุผล!!
http://bit.ly/SoftAndHardSkills2019NOWASUCO
8 อาชีพมาแรง แซงทุกโค้ง ที่บริษัททั่วโลกต้องการ!! ภายในปี 2020
http://bit.ly/8Jobs2020NOWASUCO
5 งานด้านคอมพิวเตอร์ ที่เจ๋งที่สุด…และไม่ต้องเขียนโค้ด!!
http://bit.ly/5JobsComputerNOWASUCO
5 อาชีพอยู่รอด จากโลกยุค "หุ่นยนต์แย่งงานมนุษย์"
http://bit.ly/5JobsNOWASUCO
10 เทคโนโลยีใหม่ ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2019 และในอนาคต
http://bit.ly/Report10Tech2019NOWASUCO
MIT Technology Review เผย 10 เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ในปี 2019 (Bill Gates ช่วยเลือก)
http://bit.ly/MITReport10TechNOWASUCO
8 เทรนด์ Digital Marketing มาแรง แซงทุกโค้ง ที่ควรนำมาใช้ ภายในปี 2019
http://bit.ly/8TrendsDigitalMarketingNOWASUCO
nowasu 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 的最佳解答
+++ แนะนำ เครื่องมือสำหรับการทำงานแบบ Work From Home +++
Work From Home ที่ดี คงหนีไม่พ้นที่จะต้องพึ่งเครื่องมือ หรือเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเอามาใช้ในการทำงาน โดยในวันนี้ทีมงาน NOWASU.CO ขออาสามา แนะนำ เครื่องมือสำหรับการทำงานแบบ Work From Home ให้กับทุกคนที่กำลังมองหาเครื่องมือดีๆ ใช้งานง่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการทำงานให้มากที่สุด จะมีอะไรบ้าง?? ลองมาดูกัน ….
_____________________
#ด้านการสื่อสารประชุมติดต่องาน
#Zoom
Zoom คือ หนึ่งในเครื่องมือที่มีการพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้ สำหรับเอามาใช้ในการทำงานแบบ Work From Home ซึ่ง Zoom จะเป็นโปรแกรมที่ช่วยให้เราสามารถพูดคุยสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการประชุมสายหลายๆคนได้ในเวลาเดียวกัน โดยมีฟีเจอร์ยอดนิยมอย่างการวีดีโอคอล สิ่งที่ทำให้ แอดจีดี ชอบ Zoom คือการที่ เมื่อคนใดพูดขึ้นมา หน้าจอจะแสดงผลใบหน้าคนนั้น สลับไปมา ตามเสียงที่มีการพูดขึ้นมา ทำให้ไม่ซับสนว่าใครกำลังพูดอยู่ในขณะนั้น
#Slack
Slack คือ อีกเครื่องมือนึงที่เอาไว้พิมพ์แชทสื่อสารงานหากัน โดยสามารถแบ่งประเภทเนื้อหาที่จะพูดคุยกันได้อย่างเฉพาะเจาะจง ไม่ งง หากต้องการคุยงานเฉพาะโปรเจคนั้นๆ ก็สามารถสร้างกลุ่มขึ้นมาได้เลย จริงๆก็คล้ายกับ Line นั้นแหละ แต่ข้อเสียของ Line คือ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก บางเนื้อหา หรือไฟล์งานที่ส่งไปก็จะไม่สามารถเปิดขึ้นมาใช้งานได้ เนื่องจากหมดอายุการใช้งาน แต่สำหรับ Slack หายห่วงเรื่องนี้ได้เลย เพราะเราสามารถค้นหาข้อมูลเก่าๆขึ้นมาได้ตลอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน จะอยู่บนแชทนานขนาดไหน ก็สามารถเปิดขึ้นมาโหลดใหม่ได้
#Telegram
Telegram คือ โปรแกรมสำหรับแชทพูดคุยสื่อสารกันภายในทีม หรือตัวบุคคลต่อบุคคล Telegram มีการใช้งานอยู่ 2 แบบ คือ คุยแบบทั่วไป กับคุยแบบปลอดภัยสูง (Secret Chat) ตัว Telegram มีความคล้ายกับ WhatsApp, Facebook Messenger และ LINE คือเอาไว้พูดคุยโดยเฉพาะ ข้อดีคงไม่ต้องพูดถึงกัน มันก็เหมือนโปรแกรมแอพแชททั่วไป แต่ที่แน่ๆ Telegram ไม่มีโฆษณา!! เรื่องของความเร็ว Telegram มีความเร็วกว่าแอพตัวอื่นๆอย่างมาก สามารถเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ไว้ภายในแชทได้โดยที่ไม่หายไปไหน สามารถเปิดเข้าไปดู หรือโหลดใหม่ได้ตลอดเวลา ต่างกับ LINE ที่หมดอายุไฟล์ตลอด….ข้อดียิ่งกว่าของ Telegram คือ ด้านความปลอดภัยเช่น การแชทแบบปลอดภัยสูง (Secret Chat) สามารถย้อนดูแชทเก่าๆได้ ถึงแม้จะเปลี่ยนเครื่องไปแล้วก็ตาม ตัว Telegram เองถึงกับได้รับการแนะนำจาก เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Edward Snowden) เจ้าพ่อผู้เปิดเผย ความลับของรัฐบาลสหรัฐฯ เรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เคยแอบดักฟัง และเปิดกล้องจากคอมพิวเตอร์ของประชาชน ออกมาแนะนำแอพแชท Telegram นี้ว่ามีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก
_____________________
#ด้านการอัพเดทงานวางแผนโปรเจคต่างๆ
#Asana
Asana คือ เครื่องมืออันดับแรกๆที่ แอดจีดี ใช้ในการกรอกข้อมูลงานในแต่ละวันว่าทำอะไรไปบ้าง สามารถอัพเดทโปรเจคงานต่างๆได้ กำหนดเวลาได้ กำหนด Loop งานไหนที่ทำซ้ำๆได้ทุกวัน โดยไม่ต้องมานั่งกรอกใหม่ตลอดเวลา Assign งานหาเพื่อนในทีมได้อย่างง่ายดาย ที่เด่นๆ และทำให้ แอดจีดี ชอบมากคือ สามารถอัพโหลดไฟล์งานที่มีขนาดใหญ่มากๆลงไปใน Asana นั้นๆได้ไม่มีกระตุกสักนิด วางไทม์ไลน์งานแต่ละโปรเจคได้ เมื่อทำงานไหนเสร็จก็สามารถกด Complete งานชิ้นนั้นๆได้ แต่ไฟล์งานก็ยังอยู่ข้อมูลแต่ละวันก็ยังอยู่ เพียงแต่มันจะย้ายไปอยู่ Calendar ของแต่ละวันเท่านั้นเอง
#Trello
Trello คือ เครื่องมือที่ช่วยระบุการทำงานของแต่ละคน รวมถึงสมาชิกภายในทีม ว่ามีการทำงานในแต่ละวันอะไรบ้าง มีโปรเจคอะไรบ้างที่จะต้องทำในวันต่อไป หรืออนาคต สามารถกำหนดการ์ดหัวข้องานแต่ละงานได้ จริงๆแล้ว แอดจีดี ใช้ Trello มาตั้งแต่ปี 2018 แล้วแต่อาจจะยังไม่ค่อยตอบโจทย์สักเท่าไหร่ จึงหันมาใช้ Asana มากว่า เพราะใช้งานง่ายไม่ งง หลักการทำงานของ Trello มีลักษณะคล้สยกับ Asana เลย อยู่ที่ว่าแต่ละทีม หรือแต่ละคนถนัดแบบไหนมากกว่า ใครใช้อะไร?? ลองมา comment บอกได้นะ
#GoogleCalendar
Google Calendar คือ อีกหนึ่วงเครื่องมืออันดับต้นๆของเครื่องการนัด การจัดเวลาในการประชุม หลายๆบริษัทใช้เครื่องมือนี้ในการนัดพูดคุยสื่อสารกัน สามารถกำหนดเวลา ช่วงเวลาได้ ส่วนใหญ่ Google Calendar ใช้ร่วมกับ Gmail เพื่อส่งไปหาบุคคลที่ต้องการจะนัดเวลาร่วมกัน Google Calendar เปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยเตือนตัวเราเองว่าต้องทำงานงานอะไรบ้างในวันนี้ หรือในอีกกี่วันข้างหน้าเราจะต้องทำอะไร เป็นเหมือนเครื่องมือเตือนใจดีๆนี้เอง ส่วนใหญ่ แอดจีดี จะใช้ Google Calendar ต่อเมื่อจะมีการนัดประชุมกับคนในทีม หรือลูกค้า เท่านั้น
_____________________
#ด้านการทำงานร่วมกัน และแชร์เอกสารไฟล์งาน
#GoogleSheet
Google Sheet คือ อีกหนึ่งเครื่องมือที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ก็สามารถเข้าไปแก้ไขไฟล์งานได้ โดยเฉพาะงานที่มีลักษณะคล้ายกับ Excel ที่ต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์มาเพื่อเข้าโปรแกรม Microsoft Excel แต่กับ Google Sheet นั้นต่างจาก Excel ตรงที่เพียงคุณ Copy Link ของ Sheet นั้นๆ เพื่อนๆในทีมคุณก็สามารถเข้าไปดูหรือแก้ไขไฟล์งานนั้นได้ ทุกอย่างอยู่ในระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์ สามารถกำหนดสิทธิ์ต่างๆได้ เฉพาะบุคคลที่ต้องการให้เห็นได้ เพียงใส่อีเมลของคนๆนั้นเข้าไปเท่านั้นเอง ข้อเสียของ Google Sheet คือ หากไฟล์มีข้อมูลเยอะมากแบบเป็น สามสี่ห้าพัน ช่อง ทาง Google Sheet นั้นก็จะค้าง และเหมือนเป็นการใส่ข้อมูลเกิน Limit ที่เขาตั้งไว้ ก็จะไม่สามารถแก้ไขงานได้ อีกอย่าง Google Sheet ใช้สูตรเหมือนกับ Excel เลย หายห่วงเรื่องต้องมานั่งจำสูตรใหม่
#GoogleDoc
Google Docs คือ หนึ่งในเครื่องมือสำหรับเรื่องการส่งเอกสารไฟล์งานที่มีเนื้อหาบทความเป็นหลัก Google Doc เปรียบเสมือน Microsoft Word เคลื่อนที่ดีๆนั้นเอง โดยการทำงานด้วย Google Doc มีข้อดีอย่างชัดเจน เช่น การเขียนบทความ เนื้อหาต่างๆ ข่าวสารประขาสัมพันธ์ (Press Release) ให้แก่สื่อมวลชนทั้งหลาย รวมไปถึงงานส่งเนื้อหาบทความทั่วๆไปด้วย การทำงานผ่าน Google Doc เป็นการทำงานในรูปแบบออนไลน์แบบเรียลไทม์ สามารถให้สมาชิกคนอื่นๆ หรือทีมงานในบริษัททำงานร่วมกันได้แก้ไขงานได้ตลอดเวลา ลดปัญหาเรื่องของข้อผิดพลาดในการทำงาน ลักษณะจะเหมือน Google Sheet และ Google Slides ทุกประการ สามารถแชร์เนื้อหาบทความ Google Doc ได้ง่ายๆผ่านการ Copy Link และแชร์ให้บุคคลที่ต้องการให้อ่าน สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง หรือแก้ไขเนื้อหานั้นๆได้อย่างง่ายได้ เหมาะสำหรับ Work From Home ในเวลานี้เป็นอย่างมาก
#GoogleSlides
Google Slides คือ อีกเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในเวลานี้ เหมาะสำหรับการทำงานแบบการนำเสนอผลงาน หรือเสนอโปรเจคต่างๆ Google Slides เป็นเหมือน Microsoft PowerPoint เดินได้นั้นเอง สามารถทำงานได้เหมือน Google Sheet และ Google Doc เลย เปลี่ยนแค่หน้าตาของโปรแกรมจะเหมือนกับเวลาทำ PowerPoint เลย สามารถแก้ไขงานได้แบบเรียลไทม์ หมดปัญหาเรื่องข้อผิดพลาด และช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานมากขึ้นอีกด้วย ด้านการแชร์งานก็เหมือนกัน สามารถ Copy Link และกำหนดสิทธิ์ได้เหมือนกันทุกประการ สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบตั้งแต่ผ่านคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงผ่านสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
_____________________
#ด้านการเก็บข้อมูลไฟล์งานต่างๆ
#GoogleDrive
Google Drive คือ อีกหนึ่งเครื่องมือใหญ่จากทาง Google ที่เอาไว้เก็บข้อมูลจำนวนมากๆสามารถแบ่งย่อยโฟลเดอร์ได้เหมือนคอมพิวเตอร์เครื่องนึงเลยกว่าได้ Google Drive เปรียบเสมือน แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive) หรือ ทรัมไดร์ฟ (Thumb Drive) นั้นเอง การทำงานด้วย Google Drive สามารถใส่ข้อมูลไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ได้ทั้งหมด เช่น วีดีโอ, รูปภาพ, Google Sheet, Google Doc หรือไฟล์อะไรก็ได้หมด เรื่องการแชร์ก็เหมือนกับตัวอื่นๆของ Google คือ การ Copy Link กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงได้เหมือนกัน แอดจีดี ก็ใช้ Google Drive เป็นตัวเก็บไฟล์งานเหมือนกัน เผื่อในอนาคตจะต้องแชร์งานให้กับสมาชิกในทีม ข้อจำกัดของ Google Drive ก็เรื่องใหญ่พอสมควร คือ เรื่องของการเพิ่ม พื้นที่ความจุ ให้มากขึ้น เริ่มต้น Google Drive จะให้ใช้ได้แค่ 15 GB ถ้าต้องการเพิ่ม พื้นที่ความจุ จะต้องเสียตังค์ซื้อเพิ่มเท่านั้นเอง สำหรับใครที่งานเยอะ และต้องใช้พื้นที่ก็ไปซื้อกันเอานะ
#Evernote
Evernote คือ โปรแกรมเครื่องสำหรับจดบันทึกข้อมูลต่างๆ สามารถบันทึกข้อมูลที่มีขนาดไฟล์ใหญ่ๆได้ การนำไฟล์ใหญ่ๆนั้นใส่เข้าไปใช้เวลาโหลดไม่นาน ฟีเจอร์ที่โดดเด่น และทำให้ แอดจีดี ชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ การตั้งเวลาเตือนได้ สามารถระบุเวลาแจ้งเคือนล่วงหน้าได้ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ก็สามารถตั้งได้ ที่ แอดจีดี ใช้นั้น เพื่อเตือนว่าบทความที่เขียนอยู่นั้นยังไม่เสร็จนะ จะกลับมาเขียนต่อพรุ่งนี้ เป็นต้น Evernote มีฟีเจอร์ให้เลือกอีกมากมาย ยกตัวอย่างอีกก็ เช่น การเปลี่ยนฟ้อนต์ตามที่ต้องการสามารถเลือกได้อย่างสบายๆ ข้อเสียของ Evernote มีไม่เยอะ แต่ค่อนข้างใหญ่สำหรับ แอดจีดี คือ สำหรับสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต เนื่องจากต้องใช้แอพพลิเคชั่นในการใช้งานจึงมีเรื่องของการรอโหลดทุกครั้งเวลาเข้าไปใช้งาน บวกกับเวลาจะ Copy ข้อความนั้นๆมันจะเลื่อนได้ช้าหน่อยเท่านั้นเอง ข้อเสียอีกข้อที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ ข้อจำกัดในการใช่งานอาจจะต้องเสียตังค์ หากจะใส่ข้อมูลจำนวนมากๆลงไป มันจะเกินกำหนดที่ทาง Evernote กำหนดไว้แต่แรก แต่ส่วนตัว แอดจีดี ใช้แบบไม่เสียตังค์ (สามารถใช้งานได้ปกติ) ในส่วนของการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ แอดจีดี เลือกใช้แบบผ่าน Browser เนื่องจากโปรแกรมสำหรับ Mac หรือ Window ค่อนข้างมีหน้าตาที่เก่า ทำให้รู้สึกใช้งานยากนิดหน่อยเท่านั้นเอง
#Dropbox
Dropbox คือ อีกหนึ่งเครื่องมือจากเด็กหนุ่ม MIT ชื่อว่า ดรูว์ ฮิวสตัน (Drew Houston) โดย Dropbox เป็นเหมือนพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ไว้แชร์ข้อมูลไฟล์งานต่างๆ Dropbox มีลักษณะคล้ายกับ Google Drive เลย สามารถใช้งานได้ฟรี พื้นที่ความจุเริ่มต้น อยู่ที่ 2 GB น้อยกว่า Google Drive ถึง 12 GB ทำให้หลายคนหันมาใช้ Google Drive มากกว่า (เพราะเริ่มต้นใช้ฟรีได้ พื้นที่ความจุ มากกว่า) Dropbox อาจจะต้องเสียตังค์ถึงจะได้ พื้นที่ความจุ ที่มากถึงขนาด 5 TB แต่นั้นแหละ หลายบริษัทอาจจะยังมีข้อมูลไม่ถึงขนาดนั้น เลยหันไปใช้ Google Drive ไปก่อน ส่วนตัว แอดจีดี ใช้ Dropbox ต่อเมื่อสมาชิกในทีม หรือลูกค้าส่งไฟล์งานมาผ่าน Dropbox เท่านั้น จริงๆแล้วใช้งานง่ายเหมือนกัน แต่เหมาะสำหรับคนที่มีข้อมูลเยอะมากกว่้าที่จะหันมาใช้ Dropbox
_____________________
#ด้านการช่วยเหลือปัญหาบนคอมพิวเตอร์
#TeamViewer
TeamViewer คือ สุดยอดโปรแกรมด้านการ Support เพื่อนๆในทีม และคนอื่นๆ หรือต้องการสอนการใช้งานคอมพิวเตอร์ และแก้ไขปัญหานั้นๆ โดยที่ต่างคนต่างอยู่กันคนละที่ การใช้ TeamViewer เป็นเหมือนที่คนที่ช่วย Support หรือสอนจับเม้าส์ของผู้ที่มีปัญหาสอนแบบ P2P เลย คือ คนที่จะมาควบคุม หรือแก้ไขปัญหาสามารถมองเห็นหน้าจอของอีกฝ่าย และสามารถควบคุมใช้งานอีกเครื่องได้ทั้งหมด หมดปัญหาเรื่องของการต้องนัดเจอเพื่อสอนเทคนิคต่างๆ เพียงแค่ใช้ TeamViewer แบบ Work From Home ก็แก้ไขปัญหหาได้แล้ว!!
ปล. ทั้งหมดเรียงลำดับแต่ละหมวดหมู่จากประสบการณ์การใช้งานจริงของ แอดจีดี และทีมงาน NOWASU.CO
_____________________
สำหรับใครที่อยากอ่านเต็มๆ + Link ดาวน์โหลด มาได้ที่นี่!! https://bit.ly/WorkFromHomeNOWASUCO
_____________________
แล้วคุณหละ??
ใช้เครื่องมืออะไรในการทำงานแบบ Work From Home
ลอง comment, share หรือ tag บอกเพื่อร่วมงานของคุณดูสิ!!
_____________________
Source
+++ แนะนำ เครื่องมือสำหรับการทำงานแบบ Work From Home +++ - NOWASU
https://nowasu.co/2020/03/23/work-from-home-tools/