【藥事知多D】一物兩用:亞士匹靈
〈亞士匹靈有邊兩種用途呢?〉
常言道:「劑量愈大,藥效愈大,副作用愈大。」這是逃不掉的。
除此之外,跟寵物小精靈一樣,劑量愈大,等級愈高,偶爾還可能會學懂一種新招式,從而開發一種新功能。
例如亞士匹靈(Aspirin)。
首先簡單介紹一下亞士匹靈:
在藥理上,亞士匹靈是一種非類固醇消炎止痛藥(Non-steroidal Anti-inflammatory Drugs, NSAIDs),主要透過抑制體內分布在發炎組織的環氧化酶-2(Cyclo-oxygenase-2, COX-2)的活性,減少花生四烯酸(Arachidonic Acid)的代謝,從而抑制前列腺素(Prostaglandin, PG)的產生,減低因為前列腺素而誘發的炎性反應,達到消炎止痛的效果。
除此之外,亞士匹靈還能夠抑制血小板裡的環氧化酶並且屬於不可逆性,一去無回頭,便可能會抑制花生四烯酸轉化成為血栓素A2(Thromboxane A2, TXA2),從而可能會抑制血小板凝聚,所以還是一種抗血小板藥(Antiplatelet),預防血栓產生,從而減少出現血管栓塞的風險,適用於預防中風,俗稱「通血管」。
這就是說,亞士匹靈有兩種技能,其一是消炎止痛藥,消炎止痛;其二是抗血小板藥,預防中風。
不過這兩種用途各自擁有兩種建議劑量。一般建議高劑量的亞士匹靈適用於消炎止痛;低劑量的亞士匹靈適用於預防中風。
各位看倌可能會追問:
「咦?藥罐子,既然高劑量的亞士匹靈能夠消炎止痛,難道便不能預防中風呢?為什麼要刻意弄一個低劑量出來呢?」
主要有以下兩個原因:
一、不為
第一個原因當然是「殺雞焉用牛刀」!
對,殺雞用雞刀,宰牛用牛刀,既然低劑量能夠解決問題,自然便不需要高劑量吧?何況劑量愈大,副作用自然便會愈大。所以劑量當然愈小愈好!
其中因為亞士匹靈可能會削弱胃壁的自我保護機制,從而破壞胃壁的黏膜,可能會增加出現胃潰瘍、胃出血的風險,俗稱「削胃」。
所以一般建議餐後服用或者同時服用胃藥。
二、不能
除此之外,其實還有第二個原因。
唔……不說不知道,亞士匹靈原來還可能會抑制血管內皮細胞(Endothelial Cells)產生前列環素(Prostacyclin, PGI2),因為前列環素能夠抑制血小板凝聚(在相當程度上,這是人體自我保持血液流通、維持血液循環的正常機制),所以亞士匹靈便可能會「多手」干預因為前列環素而誘發的抗血小板凝聚,這就是說,雖然亞士匹靈能夠抗血小板凝聚,不過同時卻可能會妨礙人體正常的抗血小板凝聚機制,簡單說,亞士匹靈既能「通血管」,又能妨礙人體自己「通血管」。
至於亞士匹靈干預前列環素的力度往往取決於劑量的多少、療程的長短。
所以亞士匹靈的「通血管」劑量既不宜過輕,必須足以抑制血栓素A2的產生,又不宜過重,避免過分干預前列環素的功能,必須恰到好處。
那最理想的劑量應該是多少呢?
唔……暫時還是眾說紛紜,各國有各自的答案,其中一個參考答案是每天服用75至150mg的亞士匹靈。[1]
最後雖然亞士匹靈同時擁有消炎止痛、預防中風這兩種技能,不過可用不代表會用。
這話怎麼解?
相較而言,現在亞士匹靈較常用於預防中風,主要有以下兩個原因:
第一,在消炎止痛上,亞士匹靈的劑量一般較大,副作用自然會較大。
第二,說到消炎止痛藥,其實還有很多選項,未必真的需要使用亞士匹靈。
(如欲了解更多用藥資訊,歡迎看看「小小藥罐子」網誌。)
💊💊💊💊💊💊💊
BLOG➡️http://pegashadraymak.blogspot.com/
IG➡️https://www.instagram.com/pegashadraymak/
YT➡️https://www.youtube.com/channel/UCQOMojMd6q7XnESMWwldPhQ
📕📕📕📕📕📕📕
著作➡️藥事知多D、用藥知多D、藥房事件簿、家居用藥攻略(各大書店有售)
Reference:
1. Charles Warlow. Aspirin Should Be First-Line Antiplatelet Therapy in the Secondary Prevention of Stroke. Stroke. 2002;33:2137-2138.
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
pgi2 在 三健客蔡藥師 Facebook 的最佳貼文
第二類:非類固醇消炎止痛藥 (nonsteroidal antiinflammatory drugs,NSAIDs)
NSAID作用機轉為抑制cyclooxygenase (COX),使花生四烯酸 (arachidonic acid) 無法代謝成前列腺素 (prostaglandins)達到止痛、消炎效果。
COX又分成兩種形式:
COX-1 : 可維持腸胃道、血小板、腎臟功能
COX-2 : 在組織受傷時才被誘發的,主要促使prostacyclin (PGI2)的生成
PGI2會誘導發炎反應而導致疼痛、腫脹及不適感。
一般常見的NSAID會同時阻斷COX-1及COX-2,阻斷COX-1會破壞腸胃道黏膜以及影響腎臟血流並且會抑制thromboxane A2(TXA2) 長期使用導致傷胃傷腎以及出血等副作用,阻斷COX-2則會減少PGI2的生成,減少發炎物質的產生達到消炎止痛的作用,但也會促使血小板凝集,而導致心肌梗塞、心絞痛、缺血性中風等心血管方面副作用的增加。
說了那麼多,那常見的NSAIDS 藥物之間又有什麼差別呢? 主要的差別在於對COX -1 /COX-2阻斷的比例,對COX-2選擇性越高,也就越不會阻斷COX-1,也較不會有傷胃及出血的副作用。
以下是常見NSAIDS藥物的介紹
1 Aspirin
Aspirin和其他同類藥物不同的地方在於他是唯一不可逆的抑制血小板凝結長達4-7天的藥物(低劑量下就有效果),也因此在心血管用藥上佔有一席之地(目前因腸胃道副作用明顯已少用於消炎止痛) 。
2 Diclofenac
有證據說明Diclofenac能抑制Lipoxygnase pathway,減少leukotrienes的形成,另一方面抑制phospholipase A2的作用,這些額外的作用也解釋了為何Diclofenac是強度很高的NSAID之一,他的止痛效力是Indomethacin的六倍,另一方面Diclofenac 相較於選擇性COX-2 inhibitor,在高劑量 (每日150毫克),可能會增加心肌梗塞、中風或可能致死栓塞事件的風險,此風險會隨著使用的劑量和時間上升而增加
3 Ibuprofen (很多人去日本會買的EVE主要成分)
Ibuprofen 在NSAID中腸胃道副作用方面風險是較低的,在退燒方面較為安全有效(美國FDA僅核准ibuprofen有此適應症)
4 Indomethacin
Indomethacin是一個非常強效的COX inhibitor,抗發炎效果幾乎是NSAID中最強的,但是它的副作用也比較多(心血管,腸胃道) ,目前主要用於急性痛風的治療
5 ketorolac
ketorolac是NSAID 中止痛效力最強的藥物,30mg的ketorolac約等於10mg morphine(嗎啡) ,也是目前急診室用量最大的止痛藥
6 Celecoxib
celecoxib 含有磺胺類結構,磺胺類藥物過敏的人不能使用,做為一個選擇性COX-2抑制劑,celecoxib有較少的腸胃道副作用,值得注意的是像celecoxib有-coxib字尾或者像piroxicam,meloxicam 有-xicam結尾的藥物有較長的半衰期因此也較適合用於長期慢性疼痛的病人(OA,RA)
使用NSAID藥物的時候必須考慮到病人本身的背景,有些病人不適合使用NSAID藥物,像是懷孕的婦女,使用抗凝血劑治療的病患,對aspirin或任何NSAID有過敏反應,胃潰瘍的病人等等。
但是我們也不需要過度妖魔化止痛藥,當用則用,止痛藥一般建議在疼痛剛開始時就服用,越晚服用效果可能越差,甚至要加重劑量才有效果,遵循醫生,藥師的指示下服用,才是正確使用止痛藥的原則。
pgi2 在 หมอแล็บแพนด้า Facebook 的精選貼文
ผมไม่ไหวกับกลุ่มที่บอกว่าปัสสาวะเป็นยาวิเศษแล้วอะครับ ปกติผมจะเขียนอะไรสั้นๆ จะได้อ่านง่ายๆเข้าใจง่ายๆ อันนี้ต้องขอเขียนยาวนิดนึงนะครับ
ถ้าใครตามเพจผมจะรู้เลยว่าผมไม่อยากจะแตะเรื่องความเชื่อ ศาสนา สถาบัน การเมือง ถ้าผมจะแตะ ผมจะเล่นมุกเฉพาะเรื่องที่เป็นกระแสเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์เฉยๆน่ะครับ แต่ไม่เคยคิดอยากจะแซะใครเลยทั้งนั้น ที่ให้ความรู้ก็เพราะหวังดีจริงๆครับ
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกัน จำไว้นะครับ ถ้าเราเป็นแผลมีเลือดออก ต่อให้ปล่อยเอาไว้เฉยๆโดยไม่ทำอะไร ร่างกายของเราก็มีกระบวนการห้ามเลือดโดยอัตโนมัติ อย่ามาบอกว่าเลือดหยุดไหลเพราะเอามือไปจุ่มเยี่ยว 5555555 โลกเราเจริญพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ถ้าไม่รู้ว่าเลือดหยุดไหลได้ไง เดี๋ยวผมจะบอกให้ครับ
คนที่เชื่อเรื่องเยี่ยวรักษาโรคพร้อมจะอ่านและรับความรู้รึเปล่าล่ะครับ หรือยังยึดติดกับเรื่องสมัยพุทธกาลที่เขาเอาปัสสาวะมาดองลูกสมอแล้วใช้รักษาโรคกันอยู่ ใช่อยู่ครับในอดีตมีคนทำเพราะเมื่อก่อนยังผลิตยาที่ดีๆยังไม่ได้ แต่ถ้าปัจจุบันยังใช้กันอยู่ผมว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด ถ้าอยากได้ความรู้ก็อ่าน
เมื่อมีบาดแผล ร่างกายคนเราจะมีขบวนการห้ามเลือด (Hemostasis) เพื่อให้เลือดหยุดไหล มีกระบวนการห้ามเลือดอยู่ 4 อย่างดังนี้
• หลอดเลือด
เมื่อหลอดเลือดรั่ว เช่น โดนมีดบาด หลอดเลือดจะหลั่งสารเคมีหลายชนิดทำให้หลอดเลือดหดตัว ถ้าผมพูดชื่อสารที่หลั่ง บางคนก็ไม่อยากอ่านแล้ว เช่น prostacyclin(PGI2), Von Willebrand factor, Tissue plasminogen activator(t-PA) หลอดเลือดยังสร้างสารที่จำเป็นในการสร้างลิ่มเลือด และกระตุ้นให้เกล็ดเลือดมาเกาะอีด้วย
• เกล็ดเลือด
สาร tissue factor ที่หลั่งออกมา จะทำให้เกล็ดเลือดมาเกาะที่บริเวณแผล แล้วหลั่งสาร thromboxane A2 (TXA2) และ prostacyclin (PGI2) ซึ่งจะทำให้เกล็ดเลือดเกาะกลุ่มกันเพื่ออุดบาดแผล และกระตุ้นทำให้เกิดลิ่มเลือด
• การสร้างลิ่มเลือด
การเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ เกล็ดเลือดจึงหลั่งสารเคมีออกมากระตุ้นให้เกิดลิ่มเลือด เปลี่ยนไฟบริโนเจนให้เป็นไฟบริน รัดรอบกลุ่มเกล็ดเลือด ซึ่งใช้เวลานานหลายนาทีกว่าจะเสร็จ ตอนที่กลไกห้ามเลือดกำลังทำงาน ร่างกายก็มีกลไกซ่อมเนื้อเยื่อไปด้วย
• การสลายลิ่มเลือด
พอมีการซ่อมตัวเองแล้ว ร่างกายก็จะมีละลายลิ่มเลือดเพื่อป้องกันมิให้เกิดลิ่มเลือดมากไป เดี๋ยวเลือดจะไหลได้ไม่ดี
ที่สำคัญที่สุดเวลามีบาดแผล เราต้องทำความสะอาดแผลเพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้าไป แต่นี่อะไรกัน คุณเอาแผลไปจุ่มเยี่ยว ซึ่งผมเนี่ยยย ส่องกล้องจุลทรรศน์ดูเยี่ยวทุกวัน เอาเยี่ยวไปเพาะเชื้อแบคทีเรียทุกวัน ในเยี่ยวหลายๆคนมันมีแบคทีเรียนะ มันสกปรก อย่าไปทำตามนะค้าบบบบบ
pgi2 在 Prostacyclin VS Thromboxane A2 - YouTube 的推薦與評價
... <看更多>