เรื่องจากกรุ๊ป การสังเวยของชาวแอซเท็ก
#การสังเวยชีวิตและบูชายัญมนุษย์ของชาวเอซเทค Aztec sacrifice
ประวัติแรกเริ่มของชาวเอซเทคนั้นไม่มีความชัดเจนเท่าใดนัก แต่คาดว่าน่าจะเป็นพวก nomadic tribe จากตอนเหนือของแมกซิโกที่เรียกว่า Aztlan หรือ “White Land” ในช่วงศรรตวัตที่ 13 มีเมืองหลักคือ Tenochtitlan จึงเรียกตัวเองว่าชาว Tenochca หรือ Mexica
เล่าขานกันมาว่า เมื่อชาวเอซเทคเห็นนกอินทรีไปเกาะต้นกระบองเพชร ในพื้นที่น้ำขังทางตอนใต้ของทะเลสาบ Texcoco พวกเขาถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีที่จะตั้งรกราก จึงหาทางระบายน้ำออกแล้วสร้างพื้นที่เพาะปลูกที่เมือง Tenochtitlán ในปี 1325 โดยมีพืชผลหลักคือข้าวโพด ถั่ว มันฝรั่ง มะเขือเทศและอโวคาโด รวมไปถึงการล่าสัตว์ เช่น กระต่าย งู ไก่งวงป่า ตกปลา มีเทคนิคทางการเกษตรขั้นสูง และกองทัพที่ยิ่งใหญ่จนสามารถตั้งจักรวรรดิได้ จากเดิมที่เป็นแค่รัฐ มีความโดดเด่นทางโครงสร้างสังคม การเมือง ศาสนา และการชวนเชื่อที่แข็งแกร่งอันนำมาซึ่งรัฐศาสนาภายใต้อำนาจของเอซเทคช่วงศรรตวัตที่ 15 ก่อนจะถูกสเปนภายใต้การนำของ Hernan Cortes โจมตีและยึดเมือง Tenochtitlan ไว้ได้ในปี 1521 จึงเป็นที่สิ้นสุดของวัฒนธรรม Mesoamerica นับแต่นั้น
ชาวเอซเทคมีความเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนติดค้าง”หนี้เลือด/ชีวิต”ต่อพระเจ้า และเพื่อหลีกเลี่ยงภัยหรือความเลวร้ายต่างๆ ก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องสังเวยอะไรสักอย่างคืนให้พระเจ้าไป ดั่งเพลงโบราณของชาวเอซเทคที่ว่า ”Huitzilopochtli (พระแห่งสงครามและดวงอาทิตย์)มาก่อนอื่นใด เขาไม่เหมือนใคร ข้าไม่อาจจะสรรเสริญพระองค์ได้ดีมากพอแม้จะยืนแถวหน้าด้วยเครื่องแต่งกายของบรรพบุรุษเรา – ข้าจึงเปล่งประกาย” จาก The Hymn of Huitzilopochtli แปลโดย Daniel G. Brinton
พระเจ้าของชาวเอซเทคมักจะเกี่ยวข้องกันกับเวลา ทิศทาง หรือสีสัน โดยทั่วๆไปแล้วชาวเอซเทคกลัวเรื่องวันสิ้นโลก และเรื่องเหนือธรรมชาติสำหรับพวกเขาที่พวกเขายังหาคำตอบไม่ได้ในเวลานั้น วิธีบูชาเล็กๆ ก็อาจจะแค่เอาอะไรทิ่มแทงตัวให้มีเลือดออก แต่การสังเวย Huitzilopochtli หรือองค์ที่มีความยิ่งใหญ่และสำคัญอื่นๆ จำต้องถึงชีวิต เพื่อให้ทุกสิ่งยังคงดำเนินตามปรกติ เช่น สังเวยเพื่อให้พืชผลงอกงาม เพื่อให้ฝนตก หรือเพื่อให้พรุ่งนี้พระอาทิตย์ขึ้นเหมือนเดิม เป็นต้น และการนับปฏิทินของพวกเขานั้น มีพื้นฐานมาจาก Mayan calendar อันประกอบด้วยรอบพิธีกรรมทุกๆ 260 วัน และรอบปรกติที่ 365 วัน รอบพิธีนั้นมี 2 วงโคจร มีหน้าที่บอกชื่อวันจำนวน 20 วัน และจัดลำดับวันที่ 1-13 ในวงจรของ 13 วันนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรมทางศาสนาอันเกี่ยวเนื่องกับเทพแต่ละองค์ ซึ่งเป็นที่มาหรือเกี่ยวพันกับชื่อของวัน ส่วนรอบปฏิทินปรกตินั้นมี 20 วันต่อ 1 เดือน และ 18 เดือนต่อ 1 ปี แต่ละเดือนก็มีรายละเอียดที่ต่างออกไป เช่น เดือน IX (9) Tlaxochimaco เทพHuitzilopochtli, Tezcatlipoca และ Mictlantecuhtli จะต้องบูชาด้วยการอดอาหาร หรือเดือน XII(12) อันเป็นเดือนแห่งเทพ Xochiquétzal จะต้องทำพิธีสังเวยด้วยไฟ เป็นต้น และทุกๆปีนั้นจะมีวันที่เพิ่มมา 5 วันเรียกว่า nemontemi หรือวันซวยแห่งปี และทั้งสองปฏิทินจะมาโคจรวงจนบรรจบครบกันทุกๆ 52 ปี เรียกว่า New Fire Ceremony ซึ่งจะมีการฉลองใหญ่
ดังนั้นมันจึงฟังเหมือนกับว่าการบูชาเทพเจ้าของชาวเอซเทคคือสิ่งจำเป็น ตัวผู้ถูกสังเวยจะถูกทาสี นำตัวไปยังแท่นแล้วควักเอาหัวใจออกมา ก่อนจะชูไปที่ท้องฟ้าเพื่อให้องค์ Huitzilopochtli พอใจ ส่วนร่างที่เหลืออาจจะถูกโยนลงไปในปิรามิดหรือวิหาร เอาไปให้สัตว์กิน เป็นของขวัญแก่ผู้มีอำนาจ หรือเก็บเฉพาะส่วนหัวไว้ตกแต่งสถานที่ การสังเวยอาจจะไม่ใช่แค่วิธีควักหัวใจอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นการยิงผู้ถูกสังเวยด้วยธนู จับกดน้ำ เผา หรือทำให้เป็นชิ้นๆ การต่อสู้แบบ Roman gladiators ก็มีเช่นกันเพื่อบูชาเทพเจ้าเหล่านี้ ซึ่งน่าจะมีราวๆ ร้อยกว่าเทพ จึงเป็นสิ่งสำคัญดั่งตั๋วเบิกทางเพื่อจะได้ไปโลกหน้าและมีชีวิตหลังความตายได้สะดวกขึ้นและเป็นพร ส่วนการกินเนื้อมนุษย์ของชาวเอซเทคนั้นมีข้อสันนิษฐานว่าน่าจะเพราะร่างเหล่านั้นได้ “สัมผัส” กับเทพแล้วจึงถือว่า “holy” และเป็นเกียรติแก่ผู้ได้ลิ้มรส
ในฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นเด็กๆที่ถูกสังเวยต่อองค์ Tlaloc เทพแห่งการเกิดใหม่และการเกษตร เพื่อขอให้ฝนตกและพืชผลเจริญเติบโต หากเด็กเกิดร้องในพิธีขึ้นมา แปลว่าจะมีฝนตลอดปี ดังนั้นจึงต้องหาอะไรแหลมๆ มาแทงเด็กเรื่อยๆ เพื่อให้ร้องไห้
ส่วนการบูชาเจ้าแม่ข้าวโพด ( the maize goddess ) นั้น ผู้หญิงจะแต่งตัวเป็น Xilonen ตามแบบดั้งเดิมแล้วก่อไฟเผาชาย 4 คนที่เป็นเชลยตรงหน้าทั้งเป็น แล้วตัวเธอจะถูกสังเวยต่อด้วยการโดนตัดหัวบนร่างของ 4 คนที่โดนเผานั้น เพื่อให้เลือดเธอโชติช่วงอยู่ในกองไฟ
สำหรับเทพ Tezcatlipoca ซึ่งเป็นเทพแห่งพลัง ราตรี โชคชะตา และทิศเหนือ ผู้ถูกสังเวยจะต้องสู้แบบโรมันกับอัศวินจากัวร์และนักรบอินทรีที่มาพร้อมเกราะเต็มยศถึง 4 คนด้วยอาวุธเห่ยๆ จึงเป็นอันสรุปได้ว่าไม่น่าจะรอด ผู้ถูกสังเวยต่อเทพ Tezcatlipoca อีกแบบอาจจะเป็นคนรุ่นๆ ที่ต้องแต่งตัวเลียนแบบเทพองค์นี้ตลอดทั้งปี เสมือนดั่งตัวแทนเทพมาจุติบนโลก อาจจะได้รับรางวัลเป็นหญิงสาว 4 คนไว้ปรนิบัติจนกว่าจะถึงเวลาบูชายัณ
ว่ากันว่า แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่ามีผู้ที่สังเวยชีวิตไปเท่าไหร่กันแน่ แต่ในปี 1487 มีการบูชาครั้งใหญ่เป็นเวลา 4 วันที่ the great Templo Mayor มีการประเมินคร่าวๆตั้งแต่ 10.000 จนอาจจะถึง 80.400 รายเฉพาะภายในระยะเวลาดังกล่าว แต่จากการคาดคะเนคิดว่าน่าจะหลักหลายพันถึงหมื่นต่อปี
คนที่จะถูกนำไปสังเวยนั้นเป็นคนของอาณาจักรเอซเทคเอง ทั้งสมัครใจและไม่สมัครใจ หรืออาจจะเป็นเชลยก็ได้ มีการทำสงครามกันแต่จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อแย่งดินแดนแต่อย่างใด หากแต่มุ่งไปที่ทรัพยากรมนุษย์เพื่อเอามาบูชาเทพเจ้า ดังนั้นจึงจะไม่ฆ่าเชลยที่ถูกจับมาให้ตาย แต่จะเอามาเพื่อบูชายัญแทน (the Aztec flower war / flowery war ) เช่นตอนที่เอซเทคไปตีเมือง Tlaxcala แทนที่จะเข้าไปครอบครองก็กลับเลี้ยงไว้เพื่อทำฟาร์มมนุษย์สำหรับการนี้ ก็น่าจะเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้แพ้ทหารสเปนในเวลาต่อมา เพราะไม่ได้เคยสู้เต็มรูปแบบจริงๆสักที หากแต่ว่าต้องการเอาคนเป็นๆมาทำพิธีมากกว่า ดังนั้น ตอนที่พวกสเปนบุก จึงเป็นชาว Tlaxcala นั่นเองที่ร่วมกันสมคบกับสเปนไปตีเอซเทคจนราบคาบ
ผู้ถูกสังเวยอาจจะเป็นทาสที่ไม่มีปากมีเสียงใดๆ ทาสเหล่านี้อาจจะถูกขายออกมาเองจากครอบครัวของทาส หรือขายตัวเองมาเป็นทาสก็ได้ เพราะมักจะฐานะยากจน ทาสคนไหนขี้เกียจหรือทำผิด หรืออาจจะเป็นนักโทษ เจ้านายหรือผู้มีอำนาจก็จะส่งตัวทางไปร่วมพิธีสังเวยแทนเป็นการลงโทษ ส่วนเด็กๆ ที่ถูกฆ่าเพื่อบูชาเทพ Tlaloc นั้น นักบวชอาจจะซื้อมาจากครอบครัวใดครอบครัวนึง หรืออาจจะเป็นลูกของผู้มีฐานะหรือ high born ก็ได้เช่นกัน หากชายใดเกิดร้องไห้ หรือเป็นลม กลัว ระหว่างที่รอพิธีสังเวยนั้นก็จะถูกด่าว่า “ทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้” จึงเป็นข้อสังเกตว่า หากผู้ถูกสังเวยเป็นหญิงแล้วมีอาการกลัวดังกล่าวคงไม่น่าจะโดนตำหนิแต่อย่างใด
สถาบัน National Institute of Anthropology and History (INAH) ได้ค้นพบซากกระดูกและกระโหลกที่ยังคงหลงเหลือภายใต้ตัวตึกของบ้านซึ่งเคยตั้งอยู่ในช่วงเอซเทค ที่ปัจจุบันกลายเป็นสนามหญ้าของวิหาร Mexico City's cathedral ในปี 2015 วางเรียงเป็นแถวอย่างมีระเบียบและขนาดของพื้นที่สามารถจุได้มากกว่า 1000 กระโหลก จึงอาจกล่าวได้ว่าเอซเทคคือแหล่งอุตสาหกรรมการบูชายัญที่ไม่เหมือนที่อื่นใดในโลก ปัจจุบันพวกเขากำลังศึกษารายละเอียดย่อยของแต่ละชิ้นเพื่อหวังว่าจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับการสังเวยในช่วงเวลาดังกล่าวและความเป็นมาเกี่ยวกับช่วงก่อนที่ผู้สังเวยจะมาจบชีวิตลงที่ the Templo Mayor มากขึ้น
#PaulskiMNP5245
「paulskimnp5245」的推薦目錄:
- 關於paulskimnp5245 在 The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก Facebook 的最讚貼文
- 關於paulskimnp5245 在 The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก Facebook 的最佳解答
- 關於paulskimnp5245 在 Los Zetas2023-精選在臉書/Facebook/Dcard上的焦點新聞和 ... 的評價
- 關於paulskimnp5245 在 Los Zetas2023-精選在臉書/Facebook/Dcard上的焦點新聞和 ... 的評價
- 關於paulskimnp5245 在 The Wild Chronicles Group สมาคมผู้สนใจประวัติศาสตร์ สงคราม ข่าวต่าง ... 的評價
- 關於paulskimnp5245 在 夜市美食網紅社群推薦指南- huitzilopochtli的必吃,YOUTUBE 的評價
paulskimnp5245 在 The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก Facebook 的最佳解答
เรื่องจากกรุ๊ป @the wild chronicles เรื่องน่าสลดภายใต้สงครามยาเสพติดของแก๊งค้ายาเม็กซิโก เนื่องจากแก๊งเหล่านี้มีผลประโยชน์มหาศาลจากการขายยาไปที่อเมริกา ทำให้มีกำลังอาวุธไม่ต่างจากกลุ่มก่อการร้ายหลักๆ ของโลก รัฐบาลเม็กซิโกเองยากที่จะจัดการ ปล่อยให้แก๊งเหล่านี้แผ่อิทธิพลทำสงครามกันเป็นปัญหาเรื้อรังจนปัจจุบัน
7 ปี กับการเป็นทาสกามในแก๊งค์ Los Zetas Cartel – โดย Oscar Balderas, 2016
ดานิเอลล่า ( ชื่อปลอม ) ถูกพาขึ้นรถมีผ้าคาดตาตลอดเส้นทางระหว่างทะเลทรายตอนเหนือของแมกซิโก กว่าจะถึง ภาพแรกที่เธอจำได้ก็คือโดนให้เรียกลงจากรถตู้ เปิดผ้าคาดตาออก แล้วเดินตามกลุ่มคนถืออาวุธเข้าไปในบ้าน มีผู้หญิง 5 คนถูกมัดติดกับเสา รายล้อมไปด้วยกลุ่มคนติดอาวุธที่ถูกจ้างมาในราคาแพงเพื่อฆ่า หรือทรมาน
“ฉันเห็นแต่คนตายค่ะ ตายในรูปแบบที่แย่ๆทั้งนั้น แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ เพราะมันรวมถึงเด็กสาวๆ ที่ถูกลักพาตัวหรือหายตัวไปตามชายแดน หรือตามถิ่นของพวกนั้นด้วย กว่าฉันจะรู้ว่านี่วันอะไรเดือนอะไร ช่วงไหนของปี ก็ตอนลูกค้าเผลอคุยหลุดๆ ออกมานั่นแหละค่ะ แต่ถ้าฉันดันไปถามลูกค้าเค้าว่านี่วันอะไร รับรองว่าฉันโดนซ้อมน่วมแน่นอน มันไม่มีหรอกนะวิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ ฉันก็พักในบ้านของพวก Zetas นั้นนั่นแหละ แต่พอถึงเวลา พวกเค้าก็จะพาฉันออกไปหาลูกค้า พวกเค้ารับเงิน แล้วลูกค้าก็ทรมานฉันต่างๆ นานา พอเสร็จแล้วก็พาฉันกลับมานอนที่บ้านเหมือนเดิม ด้วยความที่ไม่รุ้วันเดือนปี ฉันจึงเดาในตอนแรกว่าฉันโดนลักพาตัวไปแค่ 4-5 ปี”
มันเริ่มมาจากตอนที่เธออายุได้ 22 ต้องเลี้ยงทั้งลูกตัวเองและแม่ ทำงานเป็นช่างเย็บผ้าในย่านอุตสาหกรรมใน Nicaragua แต่เดือนเมษาปี 2008 Nicaragua ในย่านที่เธอทำงานนั้นโดนก่อกวนและมีความรุนแรงเกิดขึ้นจนไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปรกติสุข ทั้งหมดทั้งปวง จึงมีคนมาเสนอให้กู้เงินซึ่งเธอไม่อาจปฏิเสธ สถานที่นัดกู้คือใกล้ๆ ชายแดนของ Honduras พร้อมด้วยหญิงสาวอีก 15 คน กลับกลายเป็นว่าโดนยึดเอกสาร ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ขู่ว่าจะทำร้ายครอบครัว แล้วพานั่งรถจาก Honduras, Guatemala, Belize และสุดท้ายคือ Mexico โดยใช้เวลาสองวัน แล้วมาจบในซ่องแห่งนึงของ southern Mexican state of Chiapas และโดนทุบตีเพราะขาดประสบการณ์ในการบริการทางเพศ หลังจากนั้นจึงถูกย้ายขึ้นเหนือ และนั่นคือจุดที่เธอเข้าใจถ่องแท้ว่าเธออยู่ภายใต้การควบคุมของ Zetas ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1990s โดยหน่วยรบพิเศษ ร่วมกับผู้นำของ the Gulf ชื่อ Osiel Cárdenas แต่ปีที่ดานิเอลล่าโดนลักพาตัวนั้นมีฐานหลักอยู่ที่เมือง Tamaulipas
มีช่วงนึงที่ดานิเอลล่าทำงานให้ Zetas ในผับชื่อ Danash เมือง Nuevo Laredo ดานิเอลล่ามีหน้าที่เต้น ดื่ม หรืออัพยาไปกับลูกค้า และต้องทำรอบขายบริการให้ได้วันละ 6 รอบเป็นขั้นต่ำ ที่นั่นดานิเอลล่ารู้จักเด็กชายวัย 12 ที่ต้องทำหน้าที่ทั้งเด็กรถ เด็กส่งของ คนดูต้นทางและดีเจที่ลูกค้าจ้างไปต่อได้ ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวอเมริกันที่นิยมมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ดานิเอลล่ารักเด็กคนนี้เหมือนน้อง จึงวางแผนหนีกันอยู่บ่อยๆ กระทั่งวันนึงเด็กชายล้มป่วย ทำงานไม่ได้ คนของ Zetas จึงพาทั้งสองเข้าไปในป่า พวกนั้นเอาปืนให้เธอยิงน้อง แต่เธอทำไม่ได้ เขาจึงยื่นปืนให้เด็กชายยิงดานิเอลล่า เด็กชายก็ทำไม่ลง พวกนั้นจึงจับเด็กชายแขวนไว้กับต้นไม้แล้วค่อยๆ ตัดทีละส่วนของร่างกายจนตาย
แต่เธอมารู้เอาทีหลังว่าวิธีจะยิงเธอหรือจะยิงฉันนั้นมันคือการทดสอบว่าจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นมือปืนหรือ sicario ได้หรือไม่ต่างหาก ถ้าใจถึงพอ แต่เนื่องจากเธอไม่ทำ Zetas จึงให้ไปขนยาแทน เรื่องนี้นับว่าปรกติถ้าสาวๆในสังกัดของ Zetas ถ้าเริ่มแก่โทรมหรือทำเงินได้น้อยลงก็จะให้ไปทำตำแหน่งอื่น แต่ในตำแหน่งใหม่ของเธอนี้ก็ทำให้เธอรู้จักกับ La Ardilla ซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันกับการยิงผู้อพยพ 72 ศพ ในปี 10 เพราะดันไปนึกว่าฝั่งศัตรูส่งมา ซึ่งการสังหารหมู่นี้มันอยู่ในช่วงที่ Zetas กำลังตีกับอดีตพันธมิตรชื่อ the Gulf ด้วยความขัดแย้ง ทำให้เธอได้พบรักกับ El Viejón อดีตผู้นำ Zetas ซึ่งแปรมาอยู่กับ the Gulf ในเวลาต่อมา แต่เนื่องจากเธอคือทรัพย์สินของแก๊งค์ the Gulf แล้ว เธอจึงถูกฝังไมโครชิพไว้ตรงเท้า กระนั้นก็ยังต้องทำงานรับแขกในซ่องตามเดิม ไม่ได้มีสิทธิพิเศษเพราะเป็นคนรักของคนใน the Gulf แต่อย่างใด
ทว่า ภายในซ่องหลังจากที่ the Gulf ยึดมานั้นกลายเป็นว่าโหดว่าตอน Zetas บริหารซะอีก มีทั้งการแอบอัดวีดีโอ แอบฝังไมโครโฟนในห้องลูกค้า จนหลายๆทีผู้หญิงในวีดีโอเหล่านั้นที่ถูกทารุณพยายามหนี จริงๆแล้วคือลูกค้าจ่ายเงิน the Gulf เพื่อให้ลูกค้าสามารถทรมานหรือกระทั้งฆ่าเล่นๆเลยยังมี ครั้งนึงมือปืนได้เอาคลิปเอาชิ้นส่วนของมนุษย์ ที่ลูกค้าซึ่งเป็นลิ่วล้อนักการเมืองจ่ายไปฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาเลี้ยงสิงโตที่บ้านพักย่าน Reynosa มาให้เธอดู
และแม้ว่าเธอจะพยายามไม่ก่อเรื่อง ก็มีเรื่องจนได้ในที่สุด เมื่อเธอถูกมอบหมายให้เป็นผู้ดูแล
“เพิ่งเคยโดนให้เป็นคนดูแลครั้งแรกเลยนะ หน้าตาเด็กสาวทุกคนดูเศร้ามาก แต่ก็บอกตัวเองว่า จริงๆฉันก็เหมือนตายไปแล้ว ดังนั้นต้องช่วยพวกที่เหลือให้เขาหนีไปให้ได้ แต่ก็เพราะไอ้ชนวนตรงนี้นี่แหละ ที่ทำให้ฉันโดนทำร้ายจนน่วม จากเดิมที่มีแผนจะหนีอยู่แล้วเพราะสบโอกาสได้ไปนอกเมือง แล้ว El Viejón จะต้องตามฉันมาตามที่ตกลงแต่เขาดันเปลี่ยนใจ ฉันต้องนั่งคุกเข่าต่อหน้าสมาชิกอยุ่หลายชั่วโมงก่อนจะถูกส่งไปอยู่ในรถตู้ที่ปิดตายไม่มีอาหารหรือน้ำให้เลยจนฉันเกือบตายไปจริงๆ และในที่สุดฉันก็ต้องกลับมาทำงานในซ่องเหมือนเดิม”
ดานิเอลล่าไม่มั่นใจว่าลูกค้าที่มาใช้บริการจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหรือไม่ แต่เธอเชื่อว่าพวกลูกค้าคงสงสัยอยุ่บ้างว่าไม่น่าจะใช่พวกสมัครใจมาขายบริการ เนื่องจากแผลช้ำเต็มตัวกันไปหมด แต่เธอก็ขอความช่วยเหลือจนได้ ผ่านทางสายตาของเธอ แต่ที่เธอไม่อาจพูดออกมาได้ เนื่องจาก the Gulf อาจจะฝังไมโครโฟนไว้ในห้องนั่นเอง
ซึ่งเธอขอระบุคร่าวๆว่าเธอมีโอกาสได้ถอดเอาไมโครชิพที่ฝังที่เท้าออก และหนีได้ในที่สุด โดยกลุ่มคนที่ช่วยเธอก็เสี่ยงถึงชีวิตและช่วยจ่ายค่าเดินทางให้ถึง Mexico City
อนึ่ง the Gulf และ Zetas ก็ยังคงทำสงครามกันอยู่ในย่าน Tamaulipas และต่อให้ไม่มี the Gulf หรือ Zetas ก็จะยังมีพวกอื่นขึ้นมาแทนอย่างแน่นอน
สุดท้ายเธอได้กลับ Nicaragua บ้านเกิด แม้ว่าตอนแรกครอบครัวเธอจะหมดหวังกันแล้วที่จะตามหาเธอจนคิดว่าเธอตายไปแล้ว เหมือนๆกันกับคนที่หายในอเมริกากลางทั่วๆไปซึ่งมีมากกว่า 28000 รายเฉพาะที่หายใน Mexicoในช่วงนั้น แต่เรื่องของเธอมาถูกเล่าเอาตอน Mexican NGO Unidos contra la Trata ซึ่งเป็น NGO ที่ดูแลเรื่องการค้ามนุษย์มาตามหาถึงที่บ้าน หลังจากที่เธอปลอดภัยแล้ว
#PaulskiMNP5245
paulskimnp5245 在 Los Zetas2023-精選在臉書/Facebook/Dcard上的焦點新聞和 ... 的推薦與評價
... Mexican NGO Unidos contra la Trata ซึ่งเป็น NGO ที่ดูแลเรื่องการค้ามนุษย์มาตามหาถึงที่บ้าน หลังจากที่เธอปลอดภัยแล้ว #PaulskiMNP5245. ... <看更多>
paulskimnp5245 在 The Wild Chronicles Group สมาคมผู้สนใจประวัติศาสตร์ สงคราม ข่าวต่าง ... 的推薦與評價
... และพวกเขาก็ยินดีที่จะเดินกรีดกรายให้ถ่าย แบบถ่ายไปรบไปยิงไปวิ่งหนีไปด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง. #PaulskiMNP5245. All reactions: 968. 49 comments. 89 shares. ... <看更多>
paulskimnp5245 在 Los Zetas2023-精選在臉書/Facebook/Dcard上的焦點新聞和 ... 的推薦與評價
... Mexican NGO Unidos contra la Trata ซึ่งเป็น NGO ที่ดูแลเรื่องการค้ามนุษย์มาตามหาถึงที่บ้าน หลังจากที่เธอปลอดภัยแล้ว #PaulskiMNP5245. ... <看更多>