ประเทศแถบหนาว เจริญกว่า ประเทศแถบร้อน จริงหรือ? /โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่า ประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่ไหน ?
คำตอบคือ ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ที่ตั้งอยู่ในเขตที่มีอากาศหนาวเย็น
ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ จะอยู่ในทวีปเอเชียและแอฟริกา ที่มีอากาศร้อนกว่า
จึงมีคนเคยตั้งข้อสังเกตว่า จริง ๆ แล้วสภาพอากาศ
อาจมีอิทธิพลต่อการพัฒนาประเทศ
ประเทศแถบหนาว ต้องเจริญกว่า ประเทศแถบร้อน จริงหรือ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเรามาดูข้อมูลเหล่านี้กันก่อนว่า แนวคิดดังกล่าวสะท้อนความจริงของเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน
รู้ไหมว่า ประเทศที่มีมูลค่าเศรษฐกิจขนาดใหญ่เมื่อวัดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะเป็นประเทศที่อยู่ในเขตหนาว และส่วนใหญ่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
โดย 10 ประเทศ ที่มี GDP มากที่สุดในโลก เมื่อเอา GDP มาบวกรวมกันแล้ว จะมีมูลค่าประมาณ 1,980 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 70% ของ GDP ทั้งโลก
ซึ่ง 10 ประเทศนั้นมาจาก
- ทวีปอเมริกาเหนือ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา
- ทวีปยุโรป 4 ประเทศ คือ เยอรมนี สหราชอาณาจักร อิตาลี และฝรั่งเศส
- ทวีปเอเชีย 4 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และอินเดีย
ถ้าไม่นับจีนและอินเดีย ที่มี GDP สูงจากจำนวนประชากรที่มาก
ประเทศที่เหลือทั้งหมดจะเป็นประเทศที่อยู่ในเขตที่มีอากาศหนาว
อีกประเด็นคือ ประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงสุด 10 อันดับแรกของโลก มาจาก
- ทวีปยุโรป 6 ประเทศ คือ ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และเดนมาร์ก
- ทวีปอเมริกาเหนือ 1 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา
- ทวีปเอเชีย 2 ประเทศ คือ สิงคโปร์และกาตาร์
- ทวีปออสเตรเลีย 1 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีอากาศหนาว
ยกเว้น สิงคโปร์และกาตาร์ ที่ตั้งอยู่เขตอากาศร้อน
และออสเตรเลียนั้น เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่
ที่มีพื้นที่ทั้งที่มีอากาศหนาวเย็น และบางพื้นที่มีอากาศอบอุ่นถึงร้อน
ซึ่งที่น่าสนใจคือ เมืองดาร์วินที่เป็นเมืองหลวงของรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี รัฐทางตอนเหนือของออสเตรเลีย เป็นเมืองหลวงที่ร้อนที่สุดในประเทศ และเป็นเมืองหลวงที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวน้อยที่สุดในบรรดา 6 รัฐของออสเตรเลีย
จากข้อสังเกตเหล่านี้ จึงทำให้เกิดความเชื่อกันว่า ประเทศหรือพื้นที่ที่มีอากาศหนาวมักจะเจริญกว่าประเทศหรือพื้นที่ที่มีอากาศร้อน
David Landes อาจารย์ทางด้านประวัติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Harvard เคยกล่าวไว้ว่า สำหรับประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศในแถบร้อน การจะมีชีวิตอยู่รอดได้ ผู้คนเหล่านั้นควรต้องทำงานช้าลง เพราะเหงื่อจะออกมาก ซึ่งนั่นอาจหมายถึง ผลิตภาพในการผลิต (Productivity) จะลดลงไปด้วย
สำหรับประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่า สภาพอากาศที่เย็น ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องมีการวางแผนและร่วมมือมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในฤดูหนาว
เช่น ในสมัยโบราณ การล่าสัตว์และการหาอาหารนั้น ถือว่าทำได้ยากในฤดูหนาว ทำให้มนุษย์ในสมัยก่อนต้องวางแผนล่วงหน้า ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้น
การอาศัยในพื้นที่ที่หนาวเย็น ยังบังคับให้ผู้คนบริเวณนั้น ต้องหาทางสร้างที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความหนาวเย็น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือระหว่างคนหลายฝ่ายเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ
ในขณะที่ถ้าลองเทียบกับประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบร้อน จะพบว่า มนุษย์ที่อาศัยในภูมิอากาศแบบเขตร้อนที่มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องสร้างที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมมากเท่าไรนัก
ขณะที่การล่าสัตว์และหาอาหาร ก็สามารถทำได้สะดวกกว่าตลอดทั้งปี
แม้หลักฐานหลายอย่างจะบอกว่า สภาพอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลต่อการพัฒนาประเทศหรือระดับของคุณภาพชีวิตของประชากรในพื้นที่หรือประเทศนั้น ๆ
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง เราก็จะเห็นว่า มีหลายประเทศที่ไม่ได้มีอากาศหนาว แต่กลับสามารถพัฒนาประเทศให้ก้าวขึ้นไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
เช่น สิงคโปร์ และหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ก็เพราะว่า การพัฒนาประเทศมันไม่ได้มีแค่ ปัจจัยเรื่องอุณหภูมิในประเทศเพียงเท่านั้น
แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่น ความมั่นคงทางการเมือง เสถียรภาพของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศ ความมั่งคั่งของทรัพยากรทางธรรมชาติของแต่ละประเทศ และคุณภาพประชากร
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ กรณีของสิงคโปร์
ที่แม้ว่าจะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อน ทั้งยังเป็นประเทศที่เพิ่งเกิดขึ้นในปี 1959 หรือเมื่อ 62 ปีที่แล้วเท่านั้น แต่ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในปัจจุบัน
ด้วยความที่สิงคโปร์นั้นเป็นเกาะขนาดเล็กและไม่มีทรัพยากรธรรมชาติที่มากมายเหมือนหลายประเทศในเอเชีย ทำให้ในอดีตสิงคโปร์เคยถูกมองว่า จะเป็นประเทศที่ไม่สามารถพัฒนาจนร่ำรวยได้
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้นำของสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นพัฒนาทรัพยากรบุคลากร ให้มีความรู้ทั้งด้านภาษาอังกฤษและเทคโนโลยี
มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ อย่างกรณีของท่าเรือที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีการขนถ่ายสินค้าผ่านตู้คอนเทนเนอร์มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
หลังจากนั้นก็ต่อยอดมาเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จนตอนนี้ได้ตั้งเป้าเพื่อเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและสตาร์ตอัปของภูมิภาค ด้วยการดึงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้เข้ามาทำงานในประเทศมากขึ้น
ยังไม่รวมการที่รัฐบาลสิงคโปร์มุ่งมั่นในการปราบคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่อง จนทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่มีดัชนีความโปร่งใส (Corruption Perceptions Index) สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ในปี 2020
สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยทำให้เกาะเล็กอย่างสิงคโปร์ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศพัฒนาแล้วและมีรายได้ต่อหัวของประชากรมากเป็นอันดับ 8 ของโลกในวันนี้
กรณีของประเทศในตะวันออกกลาง ที่อยู่ในเขตร้อนอย่าง กาตาร์ ก็เช่นเดียวกัน
แม้กาตาร์จะมีความโชคดี ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอย่างน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่จำนวนมหาศาล
มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบ 25,244 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 55 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก
แต่กาตาร์ก็รู้ว่า ในอนาคตรายได้จากน้ำมันมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น รายได้ดังกล่าวจึงต้องถูกนำมาใช้และบริหารเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อย่างในปี 2008 รัฐบาลกาตาร์ได้ออกแผน Qatar National Vision 2030 ซึ่งเป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกาตาร์ เพื่อพัฒนาด้านบุคลากร เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สำหรับรองรับความท้าทายและกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
หนึ่งในนั้นคือ การลงทุนด้านการศึกษาซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาบุคลากรของประเทศ
อย่างเช่น การจัดตั้ง Education City ด้วยการดึงมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกทั้งจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส เข้ามาตั้งเป็นวิทยาเขตในประเทศ
วันนี้ ประชาชนชาวกาตาร์ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงเป็นอันดับที่ 10 ของโลก และถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นกัน
สรุปคือ แม้เราจะเห็นหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นกันมาก และแม้ว่าความหนาวเย็นของอากาศในประเทศ จะมีผลต่อ Productivity ของคนในประเทศนั้นไม่มากก็น้อย
แต่อย่าลืมว่า การจะเป็นประเทศที่คนมีรายได้สูง และเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น มันไม่สามารถตัดสินได้ด้วยปัจจัยเรื่องความสูงต่ำของอุณหภูมิเพียงอย่างเดียว
ซึ่งเราคงบอกได้ว่า ถ้าประเทศนั้นมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน
ใช้จุดเด่นของประเทศให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ไม่ว่าประเทศนั้นจะตั้งอยู่ตรงไหนของแผนที่โลก
อากาศในประเทศจะร้อนหรือจะหนาว
ประเทศนั้น ก็คงสามารถกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.sgsep.com.au/assets/main/SGS-Economics-and-Planning-Economic-performance-fo-asutralias-cities-and-regions-report.pdf
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://www.dailymail.co.uk/news/article-8477297/Why-colder-countries-richer-hot-nations.html
-https://data.worldbank.org/
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_proven_oil_reserves
-https://www.transparency.org/en/cpi/2020/index/nzl
-https://en.wikipedia.org/wiki/Education_City
- http://www.futurecasts.com/Landes,%20Wealth%20&%20Poverty%20of%20Nations.html
-https://blogs.worldbank.org/opendata/new-world-bank-country-classifications-income-level-2020-2021
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過2萬的網紅hulan,也在其Youtube影片中提到,現代主義建築最後大師」華裔美籍建築師貝聿銘辭世,享嵩壽102歲。他曾獲有建築界諾貝爾獎美譽的普利茲克獎,「羅浮宮金字塔是他最為人津津樂道的作品之一。 1984年,在時任法國總統密特朗(Francois Mitterrand)委託下,貝聿銘替羅浮宮主庭院設計由玻璃和金屬建造的巨大金字塔,作為主要入口,...
qatar national bank 在 hulan Youtube 的最佳解答
現代主義建築最後大師」華裔美籍建築師貝聿銘辭世,享嵩壽102歲。他曾獲有建築界諾貝爾獎美譽的普利茲克獎,「羅浮宮金字塔是他最為人津津樂道的作品之一。
1984年,在時任法國總統密特朗(Francois Mitterrand)委託下,貝聿銘替羅浮宮主庭院設計由玻璃和金屬建造的巨大金字塔,作為主要入口,周圍環繞3個相同造型的小型金字塔,於1989年完工。
羅浮宮金字塔建造初期,因風格與充滿古典氣息的羅浮宮主建築格格不入,受到大批巴黎市民反對。當時法國民眾大多認為出自貝聿銘之手的玻璃金字塔設計過於前衛,要求取消擴建。這項工程最終在爭議聲中保留,羅浮宮金字塔至今矗立30年,已成為巴黎地標之一。
貝聿銘出身蘇州望族,1917年4月26日生於廣州,父親貝祖貽曾任中華民國央行總裁,也是中國銀行創辦人之一;生母莊氏為清廷國子監祭酒後代。
貝聿銘18歲時留學美國,在賓夕法尼亞大學(University of Pennsylvania)攻讀建築,之後轉往麻省理工學院(MIT),1940年取得MIT建築學士學位,1946年取得哈佛大學建築碩士學位,1954年成為美國公民。
貝聿銘踏入建築界後展現設計高樓大廈的長才,1955年與在地產商齊氏威奈(Webb & Knapp)共事的建築師一同成立貝聿銘建築師事務所(I.M. Pei &Associates),事業逐漸起飛。
貝聿銘作品以公共與文教建築為主,被歸類為現代主義建築。他善用鋼材、混凝土、玻璃與石材,強調光與空間的結合,留下「讓光線來作設計」的名言。
他的代表作包括美國華府國家藝廊東廂、法國巴黎羅浮宮擴建工程、香港中國銀行大廈。
貝聿銘生前獲得眾多榮耀,最受矚目的是1983年獲頒普利茲克建築獎(Pritzker Architecture Prize)。
现代主义建筑最后大师」华裔美籍建筑师贝聿铭辞世,享嵩寿102岁。他曾获有建筑界诺贝尔奖美誉的普利兹克奖,「罗浮宫金字塔是他最为人津津乐道的作品之一。
1984年,在时任法国总统密特朗(Francois Mitterrand)委托下,贝聿铭替罗浮宫主庭院设计由玻璃和金属建造的巨大金字塔,作为主要入口,周围环绕3个相同造型的小型金字塔,于1989年完工。
罗浮宫金字塔建造初期,因风格与充满古典气息的罗浮宫主建筑格格不入,受到大批巴黎市民反对。当时法国民众大多认为出自贝聿铭之手的玻璃金字塔设计过于前卫,要求取消扩建。这项工程最终在争议声中保留,罗浮宫金字塔至今矗立30年,已成为巴黎地标之一。
Ieoh Ming Pei, FAIA, RIBA[1] (26 April 1917 – 16 May 2019) was a Chinese-American architect. Born in Guangzhou and raised in Hong Kong and Shanghai, Pei drew inspiration at an early age from the gardens at Suzhou. In 1935, he moved to the United States and enrolled in the University of Pennsylvania's architecture school, but quickly transferred to the Massachusetts Institute of Technology. He was unhappy with the focus at both schools on Beaux-Arts architecture, and spent his free time researching emerging architects, especially Le Corbusier. After graduating, he joined the Harvard Graduate School of Design (GSD) and became a friend of the Bauhaus architects Walter Gropius and Marcel Breuer. In 1948, Pei was recruited by New York City real estate magnate William Zeckendorf, for whom he worked for seven years before establishing his own independent design firm I. M. Pei & Associates in 1955, which became I. M. Pei & Partners in 1966 and later in 1989 became Pei Cobb Freed & Partners. Pei retired from full-time practice in 1990. Since then, he has taken on work as an architectural consultant primarily from his sons' architectural firm Pei Partnership Architects.
Pei's first major recognition came with the Mesa Laboratory at the National Center for Atmospheric Research in Colorado (designed in 1961, and completed in 1967). His new stature led to his selection as chief architect for the John F. Kennedy Library in Massachusetts. He went on to design Dallas City Hall and the East Building of the National Gallery of Art. He returned to China for the first time in 1975 to design a hotel at Fragrant Hills, and designed Bank of China Tower, Hong Kong, a skyscraper in Hong Kong for the Bank of China fifteen years later. In the early 1980s, Pei was the focus of controversy when he designed a glass-and-steel pyramid for the Musée du Louvre in Paris. He later returned to the world of the arts by designing the Morton H. Meyerson Symphony Center in Dallas, the Miho Museum in Japan, the Suzhou Museum in Suzhou,[2] Museum of Islamic Art in Qatar, and the Grand Duke Jean Museum of Modern Art, abbreviated to Mudam, in Luxembourg.
Pei won a wide variety of prizes and awards in the field of architecture, including the AIA Gold Medal in 1979, the first Praemium Imperiale for Architecture in 1989, and the Lifetime Achievement Award from the Cooper-Hewitt, National Design Museum in 2003. In 1983, he won the Pritzker Prize, sometimes called the Nobel Prize of architecture.
qatar national bank 在 Cappuccino Youtube 的最讚貼文
คลิปนี้ว่าเรื่องด้วยธุรกรรม และการเงินที่กาต้าร์ ที่นี่มีหลายธนาคารแต่ที่ใหญ่ๆ และเป็นที่นิยมก็จะมีตาทนี้นะคะ
-Qatar National Bank (QNB)
-Qatar Islamic Bank (QIB)
-The Commercial Bank of Qatar
-Qatar International Islamic Bank (QIIB)
-Al Khaliji Commercial Bank
**เนื้อหาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
หากใครอยากทราบอะไรเพิ่มเติม ก็คอมเม้นบอกกันได้นะจ๊ะ
FB: MiMi Cappu
IG: satita_mi
qatar national bank 在 Qatar National Bank (QNB) - Facebook 的推薦與評價
Qatar National Bank (QNB), Doha, Qatar. 1620 likes · 967 were here. Bank. ... <看更多>