เปรียบเทียบต้นทุน การขุดทองคำ VS บิตคอยน์ /โดย ลงทุนแมน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งทองคำและคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะบิตคอยน์ ที่ใครหลายคนนิยามว่าเป็นทองคำดิจิทัล ได้กลายมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนของใครหลายคน
หากเรามาดูมูลค่าทองคำ แร่ต่าง ๆ และคริปโทเคอร์เรนซี
ทองคำ 374 ล้านล้านบาท
เงิน 44 ล้านล้านบาท
บิตคอยน์ 29 ล้านล้านบาท
แพลเลเดียม 14 ล้านล้านบาท
อีเทอเรียม 12 ล้านล้านบาท
จะเห็นได้ว่าคริปโทเคอร์เรนซี มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าที่เราเห็นนั้น นอกจากจะเป็นผลมาจากความต้องการซื้อและความต้องการขายของตลาดแล้ว ส่วนหนึ่งยังมาจาก “ต้นทุน” ในการผลิต ซึ่งสำหรับทองคำและบิตคอยน์ ถูกเรียกเหมือนกันว่าการขุด ต่างกันตรงที่เราจะขุดทองคำในโลกจริง แต่ขุดบิตคอยน์ในโลกเสมือน
แล้วเราเคยสงสัยไหมว่า ต้นทุนในการผลิตทองคำและบิตคอยน์
ประกอบไปด้วยอะไรบ้างและต่างกันอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เริ่มกันที่ต้นทุนในการผลิตทองคำ
สำหรับทองคำ เราจะมีศัพท์เฉพาะในอุตสาหกรรมนี้ เรียกว่า “All-In Sustaining Cost”
All-In Sustaining Cost หมายถึง ต้นทุนในการผลิตทองคำเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการประเมินต้นทุนสำหรับผู้ผลิตทองคำแต่ละรายว่าจะยังคงมีกำไรและมีความสามารถในการผลิตทองคำต่อไปได้หรือไม่ในอนาคต
โดย All-In Sustaining Cost จะประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายทุกอย่างของบริษัทที่ใช้ไปในกิจการเหมืองขุด รวมถึงกระบวนการแปรรูปทองคำ
เช่น ค่าแรงงานและพลังงาน ค่าขนส่ง ค่าสัมปทาน ค่าสำรวจ ค่าอุปกรณ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับอาคารสำนักงาน
หากอ้างอิงจากต้นทุนของเหมืองทอง Polyus ในประเทศรัสเซีย ซึ่งมีต้นทุนในการผลิตทองคำ ถูกที่สุดในโลก จะมี All-In Sustaining Cost ต่อหน่วยประมาณ 604 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ในขณะที่ราคาทองคำ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เท่ากับว่าต้นทุนในการผลิตทองคำที่ถูกที่สุดในโลก จะคิดเป็นสัดส่วนราว 34% ของมูลค่าทองคำที่ซื้อขายกันในตลาด ณ ตอนนี้
ในขณะที่ต้นทุนในการขุดของบิตคอยน์นั้น จะไม่ได้มีมาตรฐานการหาต้นทุนแบบทองคำ
แต่หลัก ๆ ต้นทุนของการขุดบิตคอยน์ ก็จะมาจาก
1. อุปกรณ์ที่ใช้ในการขุดซึ่งที่นิยมใช้มีทั้งการใช้การ์ดจอหรือการใช้เครื่องขุดโดยเฉพาะ
ที่เรียกว่า Application-Specific Integrated Circuit หรือ ASIC
2. พลังงานที่ใช้ในการขุด หรือก็คือพลังงานไฟฟ้า
สำหรับคำศัพท์เฉพาะของวงการขุดบิตคอยน์ ก็จะมีคำว่า “Hash Rate” หรือกำลังการคำนวณที่ผู้ขุดใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการทำธุรกิจบนบล็อกเชน ซึ่งก็ใช้วัดตั้งแต่ระดับอุปกรณ์ในการขุดและของทั้งระบบ
ทุกอุปกรณ์จะต้องการพลังงานไฟฟ้าที่มีหน่วยเป็น Watt ถ้าหากอุปกรณ์มี Hash Rate ที่ต่ำภายใต้การใช้ Watt เท่ากัน ก็แปลว่าอุปกรณ์นั้นจะมีประสิทธิภาพที่ไม่ดี ก็จะทำให้เราต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นในการขุดบิตคอยน์จำนวนเท่ากัน นั่นหมายถึงต้นทุนของเราก็จะเพิ่มขึ้น ตามไปด้วย
ซึ่งเราก็ต้องมาดูต่อว่ากำลังในการผลิต ค่าไฟฟ้าที่เราใช้ เมื่อเทียบกับอายุการใช้งานของเครื่องขุดเรา จะคุ้มกับมูลค่าของบิตคอยน์ ณ เวลานั้น ๆ หรือไม่ นั่นเอง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศจีนนับเป็นประเทศแห่งการขุดบิตคอยน์ สะท้อนให้เห็นจากในปี 2019 ประเทศแห่งนี้ มีส่วนแบ่งการขุดบิตคอยน์มากถึง 75% ของการขุดทั่วโลก
แต่หลังจากที่รัฐบาลจีนมีนโยบายปราบปรามเหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วประเทศ ก็ได้ทำให้บรรดาเหมืองขุด ต่างพากันเทขายอุปกรณ์ขุด ในขณะที่บางส่วนได้ย้ายฐานไปยังประเทศอื่น
ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกา นับเป็นฐานการขุดบิตคอยน์แห่งใหม่ที่กำลังเติบโต
ที่บอกแบบนี้ก็เพราะว่าส่วนแบ่งการขุดบิตคอยน์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในช่วงต้นปี 2020 ที่มีเพียง 5% ได้ขยับขึ้นมาเป็น 17% ในปี 2021
แต่จากการย้ายฐานการผลิตดังกล่าวก็ทำให้ต้นทุนรวมของการขุดบิตคอยน์สูงขึ้น จากต้นทุนค่าพลังงานที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งสหรัฐอเมริกามีค่าไฟฟ้าประมาณ 0.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ในขณะที่จีนมีค่าไฟฟ้าเพียง 0.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง
ทีนี้ เราลองมาดูกันว่าต้นทุนในการขุดบิตคอยน์หนึ่งเหรียญ จะมีมูลค่าเท่าไร ?
จริง ๆ แล้ว การหาต้นทุนในการขุดบิตคอยน์นั้นทำได้ค่อนข้างยาก เพราะผู้ขุดแต่ละคน
ก็จะมีวิธีการจัดอุปกรณ์ขุดที่ต่างกันออกไป และส่วนใหญ่จะใช้เครื่องขุดเป็นจำนวนมาก
ในที่นี้ เราจึงนำสมมติฐานของ Miner Daily ที่ได้ระบุว่าโดยทั่วไป
เครื่องขุดบิตคอยน์ ASIC จะมีอายุการใช้งานราว 4 ปี
และหากเราใช้เครื่อง ASIC เครื่องเดียว ก็จะใช้เวลาขุด 4 ปี ถึงจะได้มา 1 บิตคอยน์
นั่นเท่ากับว่าเราสามารถนำมูลค่าเฉลี่ยของ ASIC มาบวกกับค่าไฟเพื่อเป็นต้นทุนได้
ซึ่งวิธีนี้ก็ถือเป็นเพียงตัวอย่างการคำนวณต้นทุน เพราะในทางปฏิบัติคงมีน้อยคนที่ใช้เครื่อง ASIC 1 เครื่องขุดบิตคอยน์เป็นเวลา 4 ปี
สำหรับค่าเฉลี่ยของเครื่องขุดที่ Miner Daily เฉลี่ยเอาไว้อยู่ที่ 7,946 ดอลลาร์สหรัฐต่อเครื่อง
ในขณะที่ค่าไฟตลอดระยะเวลาการขุดเพื่อให้ได้ 1 บิตคอยน์
ที่ 0.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ตามค่าไฟในประเทศจีน
ต้นทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ 26,693 ดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็น 56% ของมูลค่าบิตคอยน์ (ให้ปัจจุบัน บิตคอยน์ 47,369 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ)
ที่ 0.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ตามค่าไฟในประเทศสหรัฐอเมริกา
ต้นทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ 39,191 ดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็นราว 83% ของมูลค่าบิตคอยน์ (ให้ปัจจุบัน บิตคอยน์ 47,369 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ)
จากสมมติฐานดังกล่าว ก็จะเห็นได้ว่า ทั้งต้นทุนในการขุดทองคำจะถูกกว่าราคาตลาดอยู่พอสมควร
แต่สำหรับการขุดบิตคอยน์นั้น ต้นทุนจะมีความแตกต่างกันมาก ตามค่าไฟในแต่ละประเทศ
ถึงตรงนี้ เราก็คงจะพอเห็นภาพว่าทั้งการขุดทองคำและขุดบิตคอยน์ก็จะมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และแต่ละประเภท ก็มีความผันผวนและความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ทั้ง 2 สินทรัพย์ ยังมีจุดร่วมเดียวกันก็คือ “การมีอยู่อย่างจำกัด” ซึ่งก็ถือเป็นคุณสมบัติ ที่ทั้งนักลงทุนและใครหลายคน เชื่อมั่นว่าจะช่วยให้เรากักเก็บความมั่งคั่งเอาไว้ได้
ซึ่งบางที ความเชื่อของเราที่สร้างขึ้นมาเองนั้น อาจจะเป็นส่วนที่สร้างมูลค่าเพิ่ม
ให้กับทั้งทองคำและบิตคอยน์ มากกว่าต้นทุนในการผลิต ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://goldtraders.or.th/ArticleView.aspx?gp=2&id=692
-https://minerdaily.com/2021/how-much-does-it-cost-to-mine-a-bitcoin-update-may-2021/
-https://minerdaily.com/2021/how-much-power-does-it-take-to-mine-a-bitcoin/#How_much_power_does_it_take_to_mine_a_bitcoin_with_S19_Pros
-https://www.statista.com/statistics/263492/electricity-prices-in-selected-countries/
-https://www.buybitcoinworldwide.com/mining/hardware/
-https://polyus.com/en/investors/disclosure/annual-reports/
-https://cbeci.org/mining_map
-https://technode.com/2021/05/24/crypto-mining-moves-to-north-america-as-china-cracks-down/
-https://www.cnbc.com/2021/07/17/bitcoin-miners-moving-to-us-carbon-footprint.html
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過1,470的網紅ARMNTP,也在其Youtube影片中提到,มาทำความรู้จักกับวิชาศึกษาทั่วไปของ มทส.กัน และมาดูว่ามีรายวิชาอะไรบ้าง รหัสวิชาอะไร --------------------------------------------- “หมวดวิชาศึกษาทั่ว...
「application หมายถึง」的推薦目錄:
- 關於application หมายถึง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於application หมายถึง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於application หมายถึง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於application หมายถึง 在 ARMNTP Youtube 的最讚貼文
- 關於application หมายถึง 在 Application มีกี่รูปแบบกัน แล้ว No Code คืออะไร? ทำให้เราพัฒนา ... 的評價
- 關於application หมายถึง 在 คําไทย - “Application” สะกดทับศัพท์ว่า “แอปพลิเคชัน”... 的評價
application หมายถึง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
สรุป DeFi ระบบการเงินไร้ตัวกลาง คู่แข่งหน้าใหม่ ของธนาคาร /โดย ลงทุนแมน
ที่ผ่านมา นอกจากกระแสคริปโทเคอร์เรนซีที่ร้อนแรงแล้ว
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่พูดถึงไม่แพ้กันเลยคือ “DeFi”
หรือระบบการเงินที่ไม่ต้องพึ่งตัวกลางในการทำธุรกรรมการเงิน
DeFi หรือ Decentralized Finance เป็นระบบการเงินแบบใหม่ที่ใครหลายคนคาดว่าจะเข้ามาแทนสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันปล่อยสินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์
แล้ว DeFi คืออะไร ?
ลงทุนแมนจะสรุปง่าย ๆ ให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ปกติแล้ว คนส่วนใหญ่พึ่งพาสถาบันการเงินในการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการฝากออมทรัพย์ การค้ำประกัน หรือการกู้ยืม
โดยสถาบันเหล่านี้ ถือเป็นบุคคลที่ 3 ที่มีอำนาจในการควบคุมบัญชีทั้งหมดของเรา
และทำหน้าที่เป็นตัวกลางเวลาที่เราทำธุรกรรม
ข้อดีก็คือ มีความน่าเชื่อถือและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคุณธนาคารกลาง
ทั้งหมดนี้ เราเรียกว่า Centralized Finance หรือ CeFi หมายถึง ระบบการเงินแบบรวมศูนย์
อย่างไรก็ตาม คำว่า “ตัวกลาง” ก็ได้เริ่มถูกละลายหายไปในหลายอุตสาหกรรมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนมาถึงการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งเราเรียกมันว่า Decentralized Finance หรือ DeFi นั่นเอง
DeFi ได้เข้ามาตัดสถาบันการเงินหรือตัวกลางในขั้นตอนการทำธุรกรรมทั้งหมดออกไป
โดยแทนที่ด้วยการทำงานของ Code หรือรหัสคำสั่งโปรแกรมที่เรียกว่า Smart Contract
ซึ่งจะระบุว่าเราเท่านั้นที่สามารถทำธุรกรรมของตนเองได้
ทั้งนี้ DeFi ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งส่วนใหญ่อยู่บนเครือข่าย Ethereum ที่มีหน้าที่ประกาศธุรกรรมที่เราทำให้ทุกคนในระบบรับรู้ไปด้วยกัน แปลว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสามารถเข้ามาแก้ไขข้อมูลของเราได้
นอกจากนี้ อีกข้อได้เปรียบของ DeFi ก็คือจะช่วยลดความผิดพลาดจากมนุษย์ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำธุรกรรม รวมถึงตัดค่าธรรมเนียมของบุคคลที่ 3 ทิ้งไป ทำให้เราทำธุรกรรมได้ถูกลง
ปัจจุบัน DeFi มีให้บริการอะไรบ้าง ?
MakerDAO บริการแรกบนระบบ DeFi
ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกเหรียญดิจิทัลที่ผูกกับค่าสกุลเงินทั่วไป
เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Stablecoin
หลังจาก MakerDAO ประสบความสำเร็จ
ก็นำไปสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มอื่น ๆ ตามมา
ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มสำหรับฝากและกู้ยืมเงิน ที่ชื่อว่า Compound
ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับธนาคารตรงที่รับฝากเงินและนำไปปล่อยให้ผู้อื่นกู้ยืม
แต่ต่างกันตรงที่ เงินในแพลตฟอร์มนี้จะเป็นคริปโทเคอร์เรนซีเท่านั้น
โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากหรือกู้ยืมจะขึ้นอยู่กับความต้องการและปริมาณเงิน
ที่มีอยู่ในระบบช่วงนั้น ๆ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับ Stablecoin
ณ ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี
และมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมอยู่ที่ 7% ต่อปี
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้น้อยกว่าระบบธนาคาร
เทียบกับธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมสูง
แต่กลับให้ดอกเบี้ยตอบแทนเพียงน้อยนิดสำหรับผู้ที่ฝากเงิน
ประเด็นหลักของเรื่องนี้ ก็คือหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ต่างกัน
เพราะ DeFi จะใช้คริปโทเคอร์เรนซี เป็นตัวค้ำประกัน
แต่ธนาคารจะใช้ทรัพย์สินต่าง ๆ ในโลกจริงเป็นตัวค้ำประกัน เช่น ที่ดิน อาคาร โรงงาน
ดังนั้นการยึดหลักทรัพย์ค้ำประกันบน DeFi ก็จะทำได้โดยอัตโนมัติ และเร็วกว่าธนาคาร
กว่าธนาคารจะใช้เวลาในการยึดที่ดิน อาคาร มาขายทอดตลาด ก็ต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี แต่สำหรับ DeFi สามารถบังคับขายได้ในวินาที
ดังนั้นการมีความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียของธนาคาร ที่จะขายหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ไม่เท่าเงินต้นที่ให้กู้ยืม จึงทำให้ต้องมีส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูง
อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายคนให้ข้อสังเกตว่า การให้กู้ยืมใน DeFi ยังมีจุดอ่อนที่ต้องใช้ตัวค้ำประกันที่เป็นคริปโทเคอร์เรนซีอยู่เท่านั้น ไม่สามารถนำทรัพย์สินในชีวิตจริงไปวางค้ำประกันได้เหมือนธนาคาร
แต่ก็ใช่ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นจะมาอยู่ในโลกของ DeFi ไม่ได้ เพราะตอนนี้มีการวางแผนกันว่าทรัพย์สินในชีวิตจริงสามารถสร้างโทเคนขึ้นมาเพื่ออ้างอิง แล้วในอนาคตก็อาจนำโทเคนนั้นไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันก็เป็นได้
เมื่อระบบการเงินสำหรับฝากและกู้เริ่มเกิดขึ้นมา
ต่อมาจึงเกิดแพลตฟอร์มสำหรับแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี
ตัวอย่างก็คือ Uniswap ซึ่งรองรับสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีถึง 2,000 กว่าสกุลเงิน
ก็เปรียบเทียบได้กับ ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศ หรือ Superrich ในบ้านเราที่ให้บริการแลกเงิน
แต่มีความแตกต่างอย่างหนึ่ง ที่นอกจากจะแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีแล้ว
เรายังสามารถโอนคริปโทเคอร์เรนซีให้กับทาง Uniswap เพื่อเข้าไปเพิ่มสภาพคล่องบนแพลตฟอร์มได้ โดยที่เราก็จะได้ผลตอบแทนเป็นค่าธรรมเนียมด้วย ซึ่งอยู่ที่ 0.3% ต่อปริมาณเงินที่แลกเปลี่ยน ซึ่งจะถูกแบ่งตามสัดส่วนจำนวนเงินที่เราลง
นอกจากนี้ยังมีบริการอื่น ๆ ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น
Flexa ที่ให้บริการรับชำระเงินด้วยคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม
ที่เปรียบเหมือนกับ Visa และ Mastercard
Synthetix ให้บริการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลที่เลียนแบบสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นหุ้น น้ำมัน ทองคำ ซึ่งทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้จะไปในทิศทางเดียวกัน
ซึ่งบริการนี้มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า และยังช่วยลดระยะเวลาในการทำธุรกรรมอีกด้วย
Nexus Mutual ประกันที่ให้บริการคุ้มครองเงินของนักลงทุน สำหรับจำนวนเงินที่ฝากในแพลตฟอร์ม Compound และ Uniswap
จากทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า ระบบ DeFi ในปัจจุบันกำลังครอบคลุมทุกบริการด้านการเงิน
ตั้งแต่การใช้จ่าย ออมเงิน กู้ยืม ประกัน จนไปถึงการลงทุน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยผลประโยชน์ที่มากมายเหล่านี้
ทำให้ปัจจุบันมีผู้ฝากเงินในระบบ DeFi
บนเครือข่าย Ethereum ถึง 1.8 ล้านล้านบาท
ซึ่งหากเทียบย้อนหลังปีที่แล้ว จะมีการเติบโตที่ประมาณ 70 เท่า
แม้ว่า DeFi จะดูเหมือนว่ามีข้อดีมากมาย และก็น่าจะมีโอกาสมาปฏิวัติวงการการเงินได้
แต่ต้องไม่ลืมว่าระบบ DeFi เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน ซึ่งระหว่างนี้มันยังมีช่องว่างอีกมาก
และกฎหมายในหลายประเทศ ก็ยังไม่ได้คุ้มครองเหล่าผู้ลงทุน
อย่างในกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาบนแพลตฟอร์ม DeFi
ที่ชื่อว่า bZx ที่ให้บริการกู้ยืมสินเชื่อ
โดยมีผู้ที่เห็นช่องว่างของระบบ ที่แม้จะไม่สามารถแฮกระบบได้
แต่ก็เข้ามาปั่นป่วนตลาด จนสามารถกอบโกยเงินไปเกือบ 11 ล้านบาท
ถึงแม้ว่าทางแพลตฟอร์มได้ชดเชยให้แก่ลูกค้าที่เสียหายอย่างเต็มจำนวน
แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่าระบบ DeFi ในขณะนี้ยังมีช่องว่างอยู่
อีกตัวอย่างที่เพิ่งผ่านมาไม่นานก็คือ เหรียญ SafeMoon จากแพลตฟอร์ม DeFi รายหนึ่ง
ที่แค่ให้เราเข้าไปถือเหรียญไว้ โดยจะได้เงินส่วนแบ่งจากผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามา
ซึ่งกรณีดังกล่าวก็กำลังถูกตั้งคำถามว่าตัวผู้ก่อตั้งเอา DeFi มาเป็นเปลือก
เพื่อทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรือไม่
นอกจากนี้ก็ยังมีนักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า
การกู้ยืมเงินจากในระบบส่วนใหญ่นั้นนำไปใช้ทำอะไร
หากการกู้ยืมนำไปเพิ่มผลผลิตในเศรษฐกิจจริง ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
เพราะจะสร้างรายได้ในอนาคตที่สูงขึ้นและสามารถนำมาชำระหนี้ที่ก่อได้
แต่ถ้าหากนำไปซื้อคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อเก็งกำไรต่อไปเรื่อย ๆ
ก็อาจจะเหมือนวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่หนี้เพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่ได้สร้าง Productivity แก่เศรษฐกิจ
ทำให้ราคาสินทรัพย์ที่ถูกผลักดันสูงจนเกินไป กลับมาสู่ความเป็นจริงในที่สุด
ถึงตรงนี้ เราก็สามารถสรุปได้ว่า DeFi ก็น่าจะกลายมาเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในแวดวงสถาบันการเงินทั่วโลก ที่น่าติดตาม
แต่หากเรากำลังสนใจการลงทุนประเภทนี้
เราก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและครบถ้วน
รวมถึงประเมินความเสี่ยงของเราเอาไว้ ก่อนตัดสินใจลงทุน
เพราะสิ่งที่ยังใหม่และมาพร้อมผลตอบแทนที่สวยหรู
ถึงแม้ว่าหลายอย่างอาจมีอยู่จริง
แต่มันก็จะแฝงไปด้วย การหลอกลวง อยู่บ่อยครั้ง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-08-26/why-defi-utopia-would-be-finance-without-financiers-quicktake
-https://coinmarketcap.com/alexandria/article/what-is-decentralized-finance#:~:text=The%20term%20DeFi%2C%20short%20for,and%20Brendan%20Forster%20of%20Dharma
-https://uniswap.org/docs/v2/advanced-topics/understanding-returns/
-https://flexa.network/
-https://defipulse.com/synthetix
-https://www.bot.or.th/thai/statistics/_layouts/application/interest_rate/in_rate.aspx
-https://www.gemini.com/cryptopedia/synthetix#section-kwenta
-https://kasikornbank.com/th/rate/Pages/lending.aspx
-https://defirate.com/insurance/
application หมายถึง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
ทำไม เงินเฟ้อต่ำ ถึงทำให้ เงินบาทแข็ง /โดย ลงทุนแมน
เงินบาทกำลังกลับมาแข็งค่าอีกครั้งหนึ่ง
กำลังเป็นเรื่องที่หลายคนและหลายฝ่ายกำลังจับตามอง
เพราะการที่เงินบาทแข็งค่า คือเท่ากับว่า
สินค้าและบริการของไทย จะแพงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ
ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับผู้ส่งออก และการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทยในอนาคต
การแข็งค่าของเงินบาทเกิดมาจากหลายปัจจัย
และปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจ คือ อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมาอย่างต่อเนื่องของประเทศไทย
ทำไมเงินเฟ้อต่ำ ถึงทำให้เงินบาทแข็งค่าได้?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ค่าเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 29 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะอ่อนค่าลงไปประมาณ 33 บาท ในช่วงไตรมาสที่ 2
ที่ช่วงนั้นเงินบาทอ่อนค่าลงก็เนื่องมาจาก ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติขายทั้งหุ้นและตราสารหนี้ในตลาดการเงินของไทยรวมกันกว่า 324,400 ล้านบาท
ซึ่งหลายคนคิดว่าการขายเงินลงทุนของต่างชาติและนำเงินกลับไปประเทศของพวกเขา จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง
แต่รู้ไหมว่า ตอนนี้ ค่าเงินบาทกำลังแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 30 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด 19 ในประเทศไทยแล้ว
หนึ่งในสาเหตุหลักที่นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า ทำให้เงินบาทแข็งค่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างช้าๆ ก็ตาม นั่นคือ “อัตราเงินเฟ้อของไทยที่ต่ำมาเป็นเวลานาน”
ในทางเศรษฐศาสตร์ เงินเฟ้อ หมายถึง การด้อยค่าลงของเงินสกุลนั้น ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าภายในประเทศ
ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพคือ
ถ้าปีนี้ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับ 5% แล้วเราถือเงินเอาไว้เฉยๆ ในมือ 100 บาท
ในปีหน้า เงินที่อยู่ในมือของเรา จาก 100 บาท จะด้อยค่าลงเหลือเพียง 95 บาท
ถ้ามองในมุมมองของนักลงทุน ประเทศไหนที่เงินเฟ้อสูงนักลงทุนจะไม่ค่อยอยากถือครองเงินสกุลนั้น
เพราะเงินจะด้อยค่าลงอย่างมากถ้าหากถือเงินไว้เฉยๆ หรือนำเงินไปลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนไม่มากพอ
ซึ่งพอคนไม่อยากถือเงินประเทศนั้น สุดท้ายค่าเงินของประเทศนั้นก็จะอ่อนค่าลง
ในทางตรงกันข้าม ประเทศไหนที่เงินเฟ้อต่ำ เงินจะด้อยค่าเพียงเล็กน้อยถ้าถือเงินเอาไว้ ซึ่งจะดึงดูดให้นักลงทุนจากต่างประเทศนำเงินมาแลกเป็นสกุลเงินนั้นมากขึ้น และจะทำให้เงินของประเทศนั้นแข็งค่าในที่สุด
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ คือ เวเนซุเอลา ประเทศที่ประสบภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง จนทำให้เงินโบลิวาร์ไม่ต่างจากแผ่นกระดาษที่ไร้ค่าในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2016 อัตราเงินเฟ้อในเวเนซุเอลาเท่ากับ 255% ขณะที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 9.9 โบลิวาร์
ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อในเวเนซุเอลา สูงถึงประมาณ 15,000%
ทำให้ค่าเงินโบลิวาร์อ่อนค่าลงอย่างหนักไปอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 915,400 โบลิวาร์
พอเรื่องเป็นแบบนี้ก็ไม่มีใครอยากถือครองเงินสกุลโบลิวาร์
ตัดกลับมาที่ประเทศไทย ที่ในช่วงที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อของประเทศนั้นถือว่าต่ำมาก
ปี 2018 อัตราเงินเฟ้อของไทยเท่ากับ 1.1%
ปี 2019 อัตราเงินเฟ้อของไทยเท่ากับ 0.7%
และในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 อัตราเงินเฟ้อของไทยนั้นเท่ากับ -0.9%
โดยปรากฏการณ์เงินเฟ้อติดลบ ในทางเศรษฐศาสตร์เราจะเรียกว่า “ภาวะเงินฝืด”
ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อระดับราคาสินค้าและบริการลดลงอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ในมุมของธนาคารกลาง ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลและควบคุมการไหลเข้าและออกของเงิน
ถ้าธนาคารกลางอยากให้ค่าเงินในประเทศอ่อนค่าลง
ก็จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้ลดต่ำลง
เพื่อกดดันให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศลดลง
ซึ่งจะทำให้เกิดเงินทุนไหลออก เพราะนักลงทุนไม่อยากได้ผลตอบแทนจากการลงทุนน้อยลง
ในทางกลับกัน ถ้าธนาคารกลางอยากให้ค่าเงินในประเทศแข็งค่าขึ้น
ก็จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เพิ่มสูงขึ้น
เพื่อดันให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้า เพราะนักลงทุนอยากได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากจากประเทศนั้น
และอัตราดอกเบี้ยที่นักลงทุนมองกันก็คือ “อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real interest rate)”
ซึ่งก็คืออัตราดอกเบี้ยที่ระบุไว้ (Nominal interest rate) ลบด้วย อัตราเงินเฟ้อ
เมื่อมองไปที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ปัจจุบัน อยู่ที่ 0.5% อัตราเงินเฟ้อของไทยนั้นเท่ากับ -0.94% นั่นหมายว่า จริงๆ แล้ว อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของประเทศไทยจะอยู่ที่ 1.44%
เมื่อเทียบกับประเทศอื่น อย่างเช่นสหรัฐอเมริกา
10 เดือนแรกของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาเท่ากับ 1.2%
และปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ อยู่ที่ 0.0% ถึง 0.25%
ดังนั้น จริงแล้วๆ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของสหรัฐอเมริกา จึงอยู่ในช่วง -0.95% ถึง -1.25% ซึ่งต่ำกว่าประเทศไทย
ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่รวมถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ประมาณ 0%
จริงๆ แล้วมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง เช่น ดุลบัญชีเดินสะพัด หรือ รายได้สุทธิที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ที่ได้จากการส่งออกสินค้า และบริการ
แต่เรื่องเงินเฟ้อต่ำ และ ดอกเบี้ยที่แท้จริง จะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ดึงดูดให้มีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาในประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงสูงกว่า
ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น
ส่งผลทำให้ค่าเงินบาทนั้นแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
และ เราก็คาดเดาได้ยากว่า เหตุการณ์แบบนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่
ดังนั้นใครที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับค่าเงิน เช่น ผู้ส่งออก และผู้นำเข้า คงต้องมาวางแผนปิดความเสี่ยงเรื่องนี้ กันดีๆ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.bot.or.th/Thai/_layouts/application/exchangerate/ExchangeRateAgo.aspx#
-https://en.wikipedia.org/wiki/Hyperinflation_in_Venezuela
-https://ycharts.com/indicators/us_dollar_to_venezuelan_bolivar_exchange_rate
-https://www.statista.com/statistics/371895/inflation-rate-in-venezuela/
-https://www.bot.or.th/English/Pages/default.aspx#:~:text=%E2%80%8BOn%2018%20November%202020,at%200.50%20percent%2C%20effective%20immediately.&text=%E2%80%8B%E2%80%8B%E2%80%8B-,%E2%80%8BOn%2018%20November%202020%2C%20the%20MPC%20voted%20unanimously%20to,at%200.50%20percent%2C%20effective%20immediately.
-https://fred.stlouisfed.org/graph/?g=i6u6
-http://www.indexpr.moc.go.th/price_present/cpi/data/index_47.asp?list_month=10&list_year=2563&list_region=country
-http://www.thaibma.or.th/EN/Market/NR/NRDaily.aspx
application หมายถึง 在 ARMNTP Youtube 的最讚貼文
มาทำความรู้จักกับวิชาศึกษาทั่วไปของ มทส.กัน และมาดูว่ามีรายวิชาอะไรบ้าง รหัสวิชาอะไร
---------------------------------------------
“หมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมายถึง วิชาที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรอบรู้อย่างกว้างขวาง มี โลกทัศน์ที่กว้างไกล มีความเข้าใจธรรมชาติ ตนเอง ผู้อื่น และสังคม เป็นผู้ใฝ่รู้ สามารถคิดอย่างมี เหตุผล สามารถใช้ภาษาในการติดต่อสื่อความหมายได้ดี มีคุณธรรม ตระหนักในคุณค่าของศิลปะและ วัฒนธรรมทั้งของไทยและประชาคมนานาชาติ สามารถน าความรู้ไปใช้ในการด าเนินชีวิตและด ารงตน อยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดี สถาบันอุดมศึกษาอาจจัดวิชาศึกษาทั่วไปในลักษณะจ าแนกเป็นรายวิชา หรือลักษณะบูรณาการใด ๆ ก็ได้ โดยผสมผสานเนื้อหาวิชาที่ครอบคลุมสาระของกลุ่มวิชา สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ภาษา และกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของวิชาศึกษาทั่วไป
202108 การรู้ดิจิทัล (Digital Literacy)
202109 การใช้โปรแกรมประยุกต์เพื่อการเรียนรู้ (Use of Application Programs for Learning)
202201 ทักษะชีวิต (Life Skills)
202202 ความเป็นพลเมืองและพลเมืองโลก (Citizenship and Global Citizens)
202203 มนุษย์กับสังคมและสิ่งแวดล้อม (Man, Society and Environment)
202207 มนุษย์กับเศรษฐกิจและการพัฒนา (Man, Economy and Development)
202211 การคิดเพื่อการพัฒนา (Thinking for Development)
202212 มนุษย์กับวัฒนธรรม (Man and Culture)
202213 GLOBALIZATION โลกาภิวัตน์
202175 ศิลปวิจักษ์ (Art Appreciation)
202181 สุขภาพองค์รวม (Holistic Health)
202331 อาเซียนศึกษา (ASEAN Studies)
202373 การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
103113 คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน(Mathematics in Daily Life)
104113 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม (Man and Environment)
114100 กีฬาและนันทนาการ SPORT AND RECREATION (แบดมินตัน,ปิงปอง,มวยไทย,แอโรบิค,ทักษะสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ,ทักษะหมากกระดาน (เอแม็ท))
202111 ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร (Thai for Communication)
202291 การจัดการสมัยใหม่ Modern management
202324 PLURI-CULTURAL THAI STUDIES ไทยศึกษาเชิงพหุวัฒนธรรม
213101 ENGLISH FOR COMMUNICATION 1 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 1
213102 ENGLISH FOR COMMUNICATION 2 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 2
213203 ENGLISH FOR ACADEMIC PURPOSES ภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการ
213204 ENGLISH FOR SPECIFIC PURPOSES ภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ
213305 ENGLISH FOR CAREERS ภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน
303436 การผลิตแพะและแกะ GOATS AND SHEEP PRODUCTION
114100 กีฬา SPORT AND RECREATION (แบดมินตัน,ปิงปอง,มวยไทย,แอโรบิค,ทักษะสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ,ทักษะหมากกระดาน (เอแม็ท))
303431 หมาแมว CARE AND MANAGEMENT OF DOGS AND CATS
203431 KOREAN 1
609252 ลีลาศ RHYTHM FOR HEALTH PROMOTION
203401 CHINESE I
203411 JAPANESE I
617495 หลักความปลอดภัยในอาหาร PRINCIPAL OF FOOD SAFETY
203421 Vietnamese I
202291 modern management
618425 INDUSTRIAL PSYCHOLOGY จิตวิทยาอุตสาหกรรม
601111 SPIRITUAL HEALTH CARE
601112 Music theraphy
***** ฝากกดแชร์ด้วยนะค้าบผม ให้เพื่อนได้ทราบ*****
#มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี #ศึกษาทั่วไป
application หมายถึง 在 คําไทย - “Application” สะกดทับศัพท์ว่า “แอปพลิเคชัน”... 的推薦與評價
คำว่าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทนี่คือสรรพนามแทนใ ครแล้วมีความหมายว่ายังไงอะคนับ สงสัยจังเลยอะ. ... <看更多>
application หมายถึง 在 Application มีกี่รูปแบบกัน แล้ว No Code คืออะไร? ทำให้เราพัฒนา ... 的推薦與評價
Application มีกี่รูปแบบกัน แล้ว No Code คือ อะไร? ทำให้เราพัฒนา App ง่ายๆ แบบไม่เขียน Code จริงหรอ? 1.7K views · 1 year ago #NoCode # ... ... <看更多>