Bombshell (2019) เข้าฉาย 6 กุมภาพันธ์นี้
• หนังสร้างจากเรื่องจริงของสองนักข่าวหญิงช่อง Fox News ที่ออกมาเปิดโปง โรเจอร์ ไอล์ส ผู้บริหารช่องข่าวที่ใช้อำนาจสร้างพฤติกรรมคุกคามทางเพศในองค์กร ซึ่งถูกเปิดเผยในปี 2016 ก่อนการเคลื่อนไหว #MeToo เพียงปีเดียว
• ตัวละครของมาร์โกต์ ร็อบบี้ ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าโรเจอร์ ไอล์ส คุกคามทางเพศนักข่าวสาวในบริษัทแลกผลประโยชน์ตอบแทนอย่างไร
• แน่นอนว่ากระแสต่อต้านการคุกคามทางเพศจากผู้มีอำนาจในยุคปัจจุบัน มันต้องพูดถึงการนิ่งเฉยของคนส่วนใหญ่ที่เอื้อให้เกิดวัฒนธรรมปิดปากเงียบ ทำให้คนมีอำนาจลอยนวลอยู่นาน อันที่จริงมันต้องพูดถึงเจ้าขององค์กรในระบบทุนนิยมที่ตัดเนื้อร้ายออกแต่วัฒนธรรมการคุกคามทางเพศยังคงอยู่ด้วย
• อาจจะรู้สึกไปเองแต่คิดว่าหนังค่อนข้างยั้งมือไม่ถล่ม Fox News ในฐานะองค์กร แต่โฟกัสแค่พฤติกรรมของ โรเจอร์ ไอล์ส ทั้งที่เรามองว่าเจ้าขององค์กรเองก็ปิดหูปิดตาแลกกับผลประโยชน์ที่ได้จากความสามารถของโรเจอร์ ซึ่งทำให้เรื่องแต่งเพียว ๆ แบบซีรีส์ The Morning Show มันเข้มข้นกว่า
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-
จะว่าไปแล้ว Bombshell มันดูเป็นส่วนผสมของความสามารถในการสร้างช่องข่าวให้ประสบความสำเร็จของ 'โรเจอร์ ไอล์ส' (John Lithgow) ซึ่งแน่นอนว่ากลวิธีของเขาช่างไม่ตรงกับภาษิตขององค์กรที่ว่า We report. You decide. เพราะเราได้เห็นทั้งการเรียกเรตติ้งช่องข่าวช่วงคนดูน้อยด้วยการให้นักข่าวสาวนุ่งสั้นโชว์เรียวขาแบบจงใจ, มีรายการที่นักข่าวชายจาบจ้วงนักข่าวหญิงออกหน้าออกตา, สร้างความขัดแย้งและใช้ประโยชน์จากข้อถกเถียงกรณีโดนัลด์ ทรัมป์ กับนักข่าวหญิงของช่องตัวเอง คือแทบจะไม่มีตรงไหนเป็นจรรยาบรรณการนำเสนอข่าวแต่เขากลับเรียกเรตติ้งสร้างรายได้ให้ Fox News ได้เป็นอย่างดี
.
ส่วนผสมต่อมาคือการโยงให้เห็นการเอื้อประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และช่อง Fox News อันที่จริงช่องข่าวกลายเป็นกระบอกเสียงให้ผู้สมัครประธานาธิบดีแบบที่เห็นในหนัง จากมุมมองของเราคิดว่ามันเกิดขึ้นจากการที่คนดูให้ความสนใจโดนัลด์ ทรัมป์เป็นจำนวนมาก มากเกินกว่าที่ทรัมป์และโรเจอร์จะคาดคิด ซึ่งก็เริ่มต้นมาจากเคสความขัดแย้งระหว่าง 'เกรทเช่น คาร์ลสัน' (Nicole Kidman) กับทรัมป์ในหนังนั่นเอง คนดูส่งเมลและจดหมายถล่มด่านักข่าวมากเป็นประวัติการณ์ จนโรเจอร์ตระหนักทันทีว่าฐานคนดูช่อง Fox News คือฐานคนที่สนับสนุนทรัมป์ แล้วช่องก็เลือกจะหาประโยชน์ด้วยการทำข่าวที่มีแนวโน้มว่าคนชอบทรัมป์จะให้ความสนใจ ผู้บริหารก็สนับสนุนพรรคของทรัมป์เต็มตัว นึกถึงช่องข่าวไหนในบ้านเราไหม?
.
แต่ทั้งสองส่วนผสมมันเป็นแค่น้ำจิ้มที่คลุกเตรียมไว้ราดลงบนวัตถุดิบหลัก ผู้กำกับบรรจงวางวัตถุดิบชิ้นสำคัญคือการคุกคามทางเพศโดยใช้อำนาจในองค์กรเข้ามาพร้อมเสิร์ฟด้วยรสชาติแซ่บสะเด็ด เป็นการผสมทั้งสามส่วนที่กลมกล่อมมาก หนังดำเนินเรื่องโดยแสดงให้เห็นถึงคนที่ลุกออกมาพูดคนแรกอย่างเกรทเช่น ใช้ตัวละคร 'เคย์ลา' (Margot Robbie) แต่งขึ้นมาเพื่อทดแทนการเล่าถึงประสบการณ์ของผู้หญิงหลายคนที่ถูกคุกคามทางเพศ และปิดด้วยการให้ 'เมกีน' (Charlize Theron) ตัวแทนของคนนิ่งเงียบลุกขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงให้เหยื่อ
.
หนังแบบ Bombshell และซีรีส์ The Morning Show แสดงให้เห็นจุดร่วมกันอย่างหนึ่งว่าคนที่สร้างผลตอบแทนให้องค์กรมากพอจะสะสมอำนาจถึงระดับแตะต้องไม่ได้นั้น จะก่อให้เกิดวัฒนธรรมปิดปากเงียบขึ้นมา คนส่วนใหญ่กลัวตกงานหากเปิดปากพูด หรือหากจะเปิดปากพูดก็กลัวจะไม่มีคนสนับสนุน เพราะหลายคนอาจจะเห็นเป็นโอกาสซ้ำเติมหรือถีบหัวส่งด้วยการเอาใจนายใหญ่ทันที เลยกลายเป็นการนิ่งเฉยเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งยิ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้อำนาจเหล่านั้นแตะต้องไม่ได้ขึ้นไปอีก หนังในยุคปัจจุบันหลายเรื่องก็เริ่มสร้างทัศนคติใหม่ขึ้นมาว่า การนิ่งเฉย ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการกระทำผิด ล่าสุดเช่นใน Better Days ที่คนในโรงเรียนจำนวนไม่น้อยรับรู้การกลั่นแกล้งเพื่อนจนนำไปสู่การฆ่าตัวตาย แต่ทุกคนเลือกจะอยู่เฉยไม่เข้าไปยุ่งเพราะห่วงเรื่องสอบมากกว่าเรื่องคนอื่น เราคิดว่าสังคมต้องค่อย ๆ ขับเคลื่อนให้คนรู้สึกผิดกับการนิ่งเฉยแบบนี้แหละ มันถึงจะมีโอกาสนำไปสู่สังคมที่ดีขึ้นได้
.
ซึ่งการมีหนังแบบ Bombshell ก็เป็นตัวแทนที่ดีของการต่อต้านการคุกคามทางเพศจากผู้มีอำนาจ
Director: Jay Roach (ผู้กำกับ Austin Powers: International Man of Mystery, Trumbo, Meet the Parents)
screenplay: Charles Randolph (เขียนบท The Big Short, Love & Other Drugs, The Interpreter)
Genre: biography, drama
7.5/10
#หนังโปรดของข้าพเจ้า
#ดูอะไรต่อดี
The Morning Show (2019), The Loudest Voice (2019)
「austin powers: international man of mystery」的推薦目錄:
austin powers: international man of mystery 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最讚貼文
Bombshell (2019) เข้าฉาย 6 กุมภาพันธ์นี้
• หนังสร้างจากเรื่องจริงของสองนักข่าวหญิงช่อง Fox News ที่ออกมาเปิดโปง โรเจอร์ ไอล์ส ผู้บริหารช่องข่าวที่ใช้อำนาจสร้างพฤติกรรมคุกคามทางเพศในองค์กร ซึ่งถูกเปิดเผยในปี 2016 ก่อนการเคลื่อนไหว #MeToo เพียงปีเดียว
• ตัวละครของมาร์โกต์ ร็อบบี้ ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าโรเจอร์ ไอล์ส คุกคามทางเพศนักข่าวสาวในบริษัทแลกผลประโยชน์ตอบแทนอย่างไร
• แน่นอนว่ากระแสต่อต้านการคุกคามทางเพศจากผู้มีอำนาจในยุคปัจจุบัน มันต้องพูดถึงการนิ่งเฉยของคนส่วนใหญ่ที่เอื้อให้เกิดวัฒนธรรมปิดปากเงียบ ทำให้คนมีอำนาจลอยนวลอยู่นาน อันที่จริงมันต้องพูดถึงเจ้าขององค์กรในระบบทุนนิยมที่ตัดเนื้อร้ายออกแต่วัฒนธรรมการคุกคามทางเพศยังคงอยู่ด้วย
• อาจจะรู้สึกไปเองแต่คิดว่าหนังค่อนข้างยั้งมือไม่ถล่ม Fox News ในฐานะองค์กร แต่โฟกัสแค่พฤติกรรมของ โรเจอร์ ไอล์ส ทั้งที่เรามองว่าเจ้าขององค์กรเองก็ปิดหูปิดตาแลกกับผลประโยชน์ที่ได้จากความสามารถของโรเจอร์ ซึ่งทำให้เรื่องแต่งเพียว ๆ แบบซีรีส์ The Morning Show มันเข้มข้นกว่า
-------------------------------------
จะว่าไปแล้ว Bombshell มันดูเป็นส่วนผสมของความสามารถในการสร้างช่องข่าวให้ประสบความสำเร็จของ 'โรเจอร์ ไอล์ส' (John Lithgow) ซึ่งแน่นอนว่ากลวิธีของเขาช่างไม่ตรงกับภาษิตขององค์กรที่ว่า We report. You decide. เพราะเราได้เห็นทั้งการเรียกเรตติ้งช่องข่าวช่วงคนดูน้อยด้วยการให้นักข่าวสาวนุ่งสั้นโชว์เรียวขาแบบจงใจ, มีรายการที่นักข่าวชายจาบจ้วงนักข่าวหญิงออกหน้าออกตา, สร้างความขัดแย้งและใช้ประโยชน์จากข้อถกเถียงกรณีโดนัลด์ ทรัมป์ กับนักข่าวหญิงของช่องตัวเอง คือแทบจะไม่มีตรงไหนเป็นจรรยาบรรณการนำเสนอข่าวแต่เขากลับเรียกเรตติ้งสร้างรายได้ให้ Fox News ได้เป็นอย่างดี
.
ส่วนผสมต่อมาคือการโยงให้เห็นการเอื้อประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และช่อง Fox News อันที่จริงช่องข่าวกลายเป็นกระบอกเสียงให้ผู้สมัครประธานาธิบดีแบบที่เห็นในหนัง จากมุมมองของเราคิดว่ามันเกิดขึ้นจากการที่คนดูให้ความสนใจโดนัลด์ ทรัมป์เป็นจำนวนมาก มากเกินกว่าที่ทรัมป์และโรเจอร์จะคาดคิด ซึ่งก็เริ่มต้นมาจากเคสความขัดแย้งระหว่าง 'เกรทเช่น คาร์ลสัน' (Nicole Kidman) กับทรัมป์ในหนังนั่นเอง คนดูส่งเมลและจดหมายถล่มด่านักข่าวมากเป็นประวัติการณ์ จนโรเจอร์ตระหนักทันทีว่าฐานคนดูช่อง Fox News คือฐานคนที่สนับสนุนทรัมป์ แล้วช่องก็เลือกจะหาประโยชน์ด้วยการทำข่าวที่มีแนวโน้มว่าคนชอบทรัมป์จะให้ความสนใจ ผู้บริหารก็สนับสนุนพรรคของทรัมป์เต็มตัว นึกถึงช่องข่าวไหนในบ้านเราไหม?
.
แต่ทั้งสองส่วนผสมมันเป็นแค่น้ำจิ้มที่คลุกเตรียมไว้ราดลงบนวัตถุดิบหลัก ผู้กำกับบรรจงวางวัตถุดิบชิ้นสำคัญคือการคุกคามทางเพศโดยใช้อำนาจในองค์กรเข้ามาพร้อมเสิร์ฟด้วยรสชาติแซ่บสะเด็ด เป็นการผสมทั้งสามส่วนที่กลมกล่อมมาก หนังดำเนินเรื่องโดยแสดงให้เห็นถึงคนที่ลุกออกมาพูดคนแรกอย่างเกรทเช่น ใช้ตัวละคร 'เคย์ลา' (Margot Robbie) แต่งขึ้นมาเพื่อทดแทนการเล่าถึงประสบการณ์ของผู้หญิงหลายคนที่ถูกคุกคามทางเพศ และปิดด้วยการให้ 'เมกีน' (Charlize Theron) ตัวแทนของคนนิ่งเงียบลุกขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงให้เหยื่อ
.
หนังแบบ Bombshell และซีรีส์ The Morning Show แสดงให้เห็นจุดร่วมกันอย่างหนึ่งว่าคนที่สร้างผลตอบแทนให้องค์กรมากพอจะสะสมอำนาจถึงระดับแตะต้องไม่ได้นั้น จะก่อให้เกิดวัฒนธรรมปิดปากเงียบขึ้นมา คนส่วนใหญ่กลัวตกงานหากเปิดปากพูด หรือหากจะเปิดปากพูดก็กลัวจะไม่มีคนสนับสนุน เพราะหลายคนอาจจะเห็นเป็นโอกาสซ้ำเติมหรือถีบหัวส่งด้วยการเอาใจนายใหญ่ทันที เลยกลายเป็นการนิ่งเฉยเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งยิ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้อำนาจเหล่านั้นแตะต้องไม่ได้ขึ้นไปอีก หนังในยุคปัจจุบันหลายเรื่องก็เริ่มสร้างทัศนคติใหม่ขึ้นมาว่า การนิ่งเฉย ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการกระทำผิด ล่าสุดเช่นใน Better Days ที่คนในโรงเรียนจำนวนไม่น้อยรับรู้การกลั่นแกล้งเพื่อนจนนำไปสู่การฆ่าตัวตาย แต่ทุกคนเลือกจะอยู่เฉยไม่เข้าไปยุ่งเพราะห่วงเรื่องสอบมากกว่าเรื่องคนอื่น เราคิดว่าสังคมต้องค่อย ๆ ขับเคลื่อนให้คนรู้สึกผิดกับการนิ่งเฉยแบบนี้แหละ มันถึงจะมีโอกาสนำไปสู่สังคมที่ดีขึ้นได้
.
ซึ่งการมีหนังแบบ Bombshell ก็เป็นตัวแทนที่ดีของการต่อต้านการคุกคามทางเพศจากผู้มีอำนาจ
Director: Jay Roach (ผู้กำกับ Austin Powers: International Man of Mystery, Trumbo, Meet the Parents)
screenplay: Charles Randolph (เขียนบท The Big Short, Love & Other Drugs, The Interpreter)
Genre: biography, drama
7.5/10
#หนังโปรดของข้าพเจ้า
#ดูอะไรต่อดี
The Morning Show (2019), The Loudest Voice (2019)