Ford ปะทะ Ferrari ศึกชิงความเป็นใหญ่ ในวงการรถสปอร์ต /โดย ลงทุนแมน
การแข่งขันระหว่างบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน ถือเป็นเรื่องปกติของวงการธุรกิจ
แต่ถ้าพูดถึงการแข่งขันที่กลายเป็นตำนานเรื่องเล่าขานนั้น คงมีไม่มาก
เหตุการณ์ศึกชิงความเป็นใหญ่ในวงการรถสปอร์ตระหว่าง Ford และ Ferrari
ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์การแข่งขันหนึ่งที่ดุเดือด ที่หลายคนน่าจะเคยได้ยิน
แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนที่ทั้งสองจะกลายเป็นคู่แค้นคู่อาฆาตกันนั้น
ทั้ง Ford และ Ferrari เคยเกือบจะควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน
แล้วเพราะเหตุใดจึงทำให้ทั้งสองแตกหักกันและบทสรุปนั้นเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 1960
เมื่อ Ford เจ้าใหญ่แห่งวงการรถยนต์กำลังเสื่อมความนิยมลง
จากผลิตภัณฑ์ช่วงหลังที่ล้มเหลวมาโดยตลอด อย่างเช่น โมเดลรถยนต์รุ่น Edsel
ซึ่งสวนทางกันกับคู่แข่งอย่าง GM และ Chrysler ที่กำลังได้กระแสตอบรับที่ดี
Henry Ford II ซีอีโอ ณ ขณะนั้น ซึ่งเป็นหลานชายคนโตของผู้ก่อตั้งบริษัท จึงต้องคิดหาวิธีกู้สถานการณ์ให้ Ford กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง
นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจไปปรึกษาหารือกับ Lee Iacocca ผู้จัดการฝ่าย ซึ่งก็ได้คำแนะนำกลับมาว่า ถึงเวลาแล้วที่ Ford ต้องลงไปลุยวงการรถสปอร์ต
เนื่องจากเวลานั้นเป็นช่วงที่การบริโภคของกลุ่มประชากร Baby Boomer ถือเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้มองเหมือนคนรุ่นก่อนที่ต้องการเพียงรถยนต์สำหรับขับขี่ได้เท่านั้น
แต่ต้องการรถยนต์ที่ส่งมอบความเร็วและประสิทธิภาพที่สูง
ซึ่งภาพลักษณ์ของ Ford ยุคนั้น
คนวัย Baby Boomer มองว่าเป็นรถยนต์ที่คร่ำครึ ไม่ทันสมัย
จึงทำให้กลุ่มคนวัยนี้ไม่นิยมซื้อรถยนต์แบรนด์ Ford
ดังนั้น โจทย์ที่ตามมาก็คือ หากดึงดูดกลุ่มลูกค้านี้มาได้
มันก็มีโอกาสที่จะทำให้ยอดขายของ Ford กลับมาเติบโตอีกครั้ง
แต่ปัญหาใหญ่สำหรับ Ford ก็คือ บริษัทไม่มีรถสปอร์ตอยู่ในไลน์การผลิตของตัวเองเลย
และที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น บริษัทยังไม่ได้มีแผนที่จะสร้างอีกด้วย
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้เหล่าผู้บริหารต้องมองหาทางออกใหม่และก็ได้คำตอบคือการซื้อบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตโดยตรงเลย
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่ Ferrari ค่ายรถสปอร์ตจากอิตาลี กำลังมองหาพันธมิตรใหม่อยู่พอดี
เพราะมีปัญหาเรื่องรายได้ของการขายรถยนต์โตไม่ทันค่าใช้จ่ายที่ลงไปกับงานแข่งขัน
จึงต้องการเงินสนับสนุนเพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้
ต้องบอกว่า Ferrari ถือเป็นราชาแห่งวงการรถยนต์สำหรับแข่งขันในยุคนั้น
แฟน ๆ รถยนต์ต่างพากันคลั่งไคล้ เพราะไม่ว่าจะลงแข่งรายการไหน
Ferrari ก็มักจะได้รางวัลอยู่เสมอ ซึ่งก็ดูตรงกับสิ่งที่ Ford ต้องการอย่างพอเหมาะพอเจาะ
ถึงตรงนี้ ก็ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะจบอย่างสวยงาม
เพราะต่างฝ่ายต่างสามารถเติมเต็มกันได้อย่างดี
แต่เรื่องราวหลังจากนี้ กลับไม่เป็นไปตามนั้น
เพราะ Ferrari กลับปฏิเสธข้อเสนอการขายหุ้นให้กับ Ford
เนื่องจากพวกเขามองว่าข้อตกลงไม่เป็นไปตามที่พูดคุยกัน
ทั้งการที่ Ford จะเป็นคนเข้ามาคอยควบคุมงบประมาณของบริษัท
การเสนอมูลค่าหุ้นที่ต่ำกว่าที่ตั้งไว้และที่เป็นปัญหาสำหรับ Ferrari ที่สุด คือการห้ามลงรายการแข่งขันรถยนต์อีกต่อไป
Ferrari ผู้มีใจรักการแข่งขันจึงหันไปขายหุ้นให้กับ Fiat ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลีแทน
นอกจากนี้ Enzo ผู้ก่อตั้ง Ferrari ยังบอกว่า ไม่มีทางขายหุ้นให้กับบริษัทที่น่าเกลียด ที่มีรถยนต์หน้าตาน่าเกลียดและถูกผลิตโดยโรงงานที่ดูน่าเกลียดอีกด้วย
เมื่อข่าวนี้มาถึง Ford ทั้ง Henry Ford II และเหล่าผู้บริหารต่างพากันปรี๊ดแตก
พวกเขาจึงวางแผนใหม่ทั้งหมด เพื่อเตรียมตัวสำหรับการล้างแค้น
โดยแผนใหม่ที่ว่านั้นก็คือ Ford จะเข้าร่วมรายการแข่งขันรถยนต์ที่ชื่อว่า เลอม็อง 24 ชั่วโมง
ซึ่งเป็นการแข่งขันรถยนต์วิ่งรอบสนามต่อเนื่องกัน 1 วันเต็ม ซึ่งผู้ที่ทำระยะได้มากที่สุดเป็นผู้ชนะ
จากเป้าหมายของการแข่งขันเลอม็อง 24 ชั่วโมง ก็ถือเป็นรายการที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเกียรติยศ ที่ค่ายรถยนต์ทั่วโลกจะส่งรถยนต์ที่ดีที่สุดเพื่อมาพิสูจน์ว่าใครกันแน่
ที่เป็นอันดับ 1 ของรถยนต์ ทั้งในแง่ความเร็วและความทนทาน
และอย่างที่เราน่าจะพอคาดเดาได้
อันดับ 1 ที่ผ่านมาล้วนเป็นของค่ายรถยนต์อย่าง Ferrari
ซึ่งหาก Ford ชนะในการแข่งขัน จะเป็นการตบหน้า Ferrari ครั้งใหญ่
Ford ไม่รอช้า เปิดโปรเจกต์ใหม่ขึ้นมาชื่อว่า “Ferrari Killer” เป็นโปรเจกต์พิเศษสำหรับสร้างรถสปอร์ตที่จะสามารถมาคว้าชัยจากการแข่งขันนี้โดยเฉพาะและก็ได้ให้กำเนิดรถยนต์ Ford รุ่น GT40 ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม Ford GT40 ก็ยังไม่สามารถเอาชนะการแข่งขันได้
แม้ว่าจะทุ่มทรัพยากรไปมากเพียงใดก็ตาม ทั้งบุคลากรและเม็ดเงิน
แต่ Ford ก็ยังไม่สามารถสร้างรถยนต์ให้วิ่งจนจบรายการได้เลย
เมื่อ Ford ประเมินแล้วว่าตนไม่สามารถพัฒนารถยนต์ให้ดีขึ้นพอที่จะแข่งขันกับ Ferrari ได้
จึงตัดสินใจมอบทั้งโปรเจกต์นี้ให้ Carroll Shelby นักออกแบบรถยนต์ อดีตนักซิ่งที่เคยชนะการแข่งขันเลอม็อง เป็นคนดูแล
ซึ่ง Shelby ก็ได้เชิญชวนเพื่อนที่รู้ใจอย่าง Ken Miles นักขับและวิศวกรเครื่องกลเพื่อมาช่วยพัฒนารถยนต์ด้วยกัน
ทั้งคู่ร่วมด้วยวิศวกรจาก Ford นำ GT40 กลับมาพัฒนาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เพราะทั้งคู่เห็นว่าศักยภาพของ GT40 ยังต่อยอดให้กลายเป็นรถยนต์ที่ทรงพลังได้
และแล้วก็ได้ให้กำเนิดรถยนต์รุ่นต่อมาคือ GT40 Mk II
จากการทำงานหนักทั้งหมดของพวกเขา
โปรเจกต์ Ferrari Killer ก็เริ่มผลิดอกออกผล
จนในที่สุด รถยนต์ของ Ford ไม่เพียงชนะ Ferrari เท่านั้น
แต่ยังทำให้ค่ายรถยนต์จากอิตาลีต้องอับอาย
จากการที่ Ferrari ไม่มีรถที่ติดอันดับ 1 ใน 3 เลย
เพราะอีก 2 คันที่เหลือก็เป็นเจ้า GT40 Mk II เช่นกัน
รวมถึงรายการแข่งขันอื่น ๆ เช่น 12 ชั่วโมง ซีบริง และ 24 ชั่วโมงของเดย์โทนา
Ferrari ก็ไม่สามารถเอาชนะ Ford ได้เลย
ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับ Henry Ford II เป็นอย่างมาก
เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของ Ford เปลี่ยนแปลงไป
จากเดิมที่ผู้คนเคยมองว่าคร่ำครึ โบราณ กลับกลายเป็นรถยนต์ที่ทันสมัยอีกครั้ง
และ GT40 Mk II ได้กลายเป็นความภาคภูมิใจในวงการรถยนต์ของชาวอเมริกัน
รวมถึงเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Ford ที่มีราคาเกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย
น่าเสียดายที่เวลาต่อมา Miles เสียชีวิตก่อนที่เขาจะได้แข่งที่เลอม็องอีกครั้ง
เนื่องจากรถยนต์เสียการควบคุมขณะที่กำลังทดสอบ
แม้ว่า Ford จะสูญเสียบุคลากรสำคัญอย่าง Miles ไป
แต่หลังจากการแข่งขันครั้งนั้น ปี 1967 ถึง 1969 Ferrari ก็ยังไม่เคยกลับมาชนะได้อีกเลย
จนกระทั่งปี 1970 ที่ Ford ถอนตัวจากการแข่งขันไป Ferrari จึงกลับมาอีกครั้ง
จากเรื่องราวครั้งนี้ทำให้เห็นว่า Ford กับ Ferrari เคยเกือบควบรวมเป็นบริษัทเดียวกันมาก่อน
แต่ในเมื่อเจ้าของทั้ง 2 บริษัท มีความเห็นไม่ลงรอยกัน จึงได้นำไปสู่ความขัดแย้ง
แต่ก็ใช่ว่าความขัดแย้งซึ่งนำไปสู่การแข่งขันจะเป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป
เพราะหากเราดูจากเหตุการณ์ที่ทั้ง 2 บริษัท แข่งขันกันเพื่อเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์
เจ้าแห่งความเร็วและความอึดทนทาน ก็ทำให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถพัฒนารถยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Ford และ Ferrari ยังคงดำเนินธุรกิจมาอย่างแข็งแกร่งและยาวนานขนาดนี้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.forbes.com/wheels/news/ford-vs-ferrari-the-real-story-behind-the-most-bitter-rivalry-in-auto-racing/
-https://time.com/5730536/ford-v-ferrari-true-story/
-https://www.businessinsider.com/real-story-behind-ford-v-ferrari-oscars-2020-2
-https://en.wikipedia.org/wiki/Ferrari
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lee_Iacocca
同時也有12部Youtube影片,追蹤數超過2萬的網紅Fun With Oprah,也在其Youtube影片中提到,影片與BFFECT合作,折扣碼: Oprah 不得不說,BFFECT用了真的覺得簡單又有感 而且重點,價格會不會太划算了? 雖然我兩個月用幾乎要用光,但這個效果跟價格 完全可以立刻回購呀!!!推薦給大家!!! BFFECT X Fun With Oprah 🔗官網在這: https://bf...
「baby boomer」的推薦目錄:
- 關於baby boomer 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於baby boomer 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於baby boomer 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的精選貼文
- 關於baby boomer 在 Fun With Oprah Youtube 的最讚貼文
- 關於baby boomer 在 ななみつネイル Youtube 的精選貼文
- 關於baby boomer 在 Tina Yong Youtube 的最佳貼文
- 關於baby boomer 在 Brutalismus 3000 - Satan Was A Baby Boomer (DURCH) 的評價
- 關於baby boomer 在 Baby boomer... | By Estetica Indio - Facebook 的評價
baby boomer 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีผู้อพยพเข้าไป มากที่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
ทุก 1 ใน 4 ของประชากรผู้อพยพจากทั่วโลก มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
จนทำให้กลายเป็นประเทศที่มีผู้อพยพมากที่สุดในโลก..
ปี 2019 จำนวนผู้อพยพที่เข้ามาอาศัยในสหรัฐอเมริกาและยังมีชีวิตอยู่ มีจำนวน 51 ล้านคน
หรือประมาณ 15% ของจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศ
ทำไมสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีผู้อพยพเข้ามาอาศัยจำนวนมาก
แล้วสหรัฐอเมริกาได้ประโยชน์อะไรจากการมีผู้อพยพเข้ามาในประเทศ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ถ้าถามว่า จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์การอพยพของมนุษยชาติเกิดขึ้นมาเมื่อไร ?
คำตอบคือ เกิดขึ้นในช่วงประมาณ 70,000-100,000 ปีที่แล้ว เมื่อมนุษย์โฮโมเซเปียนส์เริ่มออกเดินทางจากทวีปแอฟริกา ไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง ก่อนจะค่อย ๆ แยกย้ายไปยังยุโรป เอเชีย อเมริกา และออสเตรเลียในที่สุด
ซึ่งการอพยพของมนุษย์ในยุคนั้นก็เพื่อหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เป็นภัยต่อการใช้ชีวิตและดำรงเผ่าพันธุ์ของตนเองไว้
แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเป็นหมื่นเป็นแสนปี แต่ทุกวันนี้การอพยพก็ยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ยังคงอยู่กับมนุษยชาติ ปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรที่อพยพรวมกันกว่า 272 ล้านคน หรือประมาณ 3% ของจำนวนประชากรโลกทั้งหมดไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศบ้านเกิด
ซึ่งการอพยพนั้น อาจเกิดมาจากความเต็มใจหรือถูกสถานการณ์บังคับ ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้น ต้องการอพยพเพื่อย้ายไปอยู่ในประเทศอื่นที่พวกเขาเชื่อว่า จะทำให้ชีวิตตนเองนั้นดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ปี 2019 ประเทศที่มีจำนวนผู้อพยพที่เข้ามาอาศัยในประเทศมากที่สุด 3 อันดับแรกของโลก คือ
1. สหรัฐอเมริกา 51 ล้านคน
2. เยอรมนี 13 ล้านคน
3. ซาอุดีอาระเบีย 13 ล้านคน
สำหรับสหรัฐอเมริกา..
ประเทศแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากการต่อสู้กับการกดขี่ข่มเหงของเจ้าอาณานิคม
ในวันที่ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ สิ่งที่อยู่ในคำประกาศอิสรภาพ
คือการปกป้องสิทธิในการใช้ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข
ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นหลักความเชื่อที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวอเมริกันทุกคน
ชาวอเมริกันจึงให้ความสำคัญกับเสรีภาพทางการคิด การพูด และการแสดงออกเป็นอย่างมาก ความคิดเห็นอะไรก็ตามที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ล้วนมีความเป็นไปได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นแรงดึงดูดให้นักคิด นักประดิษฐ์ นักผจญภัยจากทั่วโลก เข้ามาตั้งถิ่นฐาน และเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนให้สหรัฐอเมริกาก้าวขึ้นมาจนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน
ตัวอย่างของผู้อพยพจากทั่วโลกที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมอเมริกัน
ไม่ว่าจะเป็น..
ตระกูล Rockefeller ตระกูลนักธุรกิจชื่อดัง อพยพจากเยอรมนีเข้ามาสหรัฐอเมริกาช่วงต้นศตวรรษที่ 17 โดย John D. Rockefeller เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Standard Oil บริษัทน้ำมันที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
Nikola Tesla นักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ และวิศวกรชาวเซิร์บ อพยพเข้ามาสหรัฐอเมริกาในปี 1884 ผู้พัฒนาระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ผู้คิดค้นหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์และรีโมตคอนโทรล
Albert Einstein นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว อพยพเข้ามาสหรัฐอเมริกาในปี 1933 เขาเป็นคนนำเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติของแรงโน้มถ่วง
Sergey Brin ผู้อพยพชาวรัสเซีย อพยพเข้ามาสหรัฐอเมริกาในปี 1979 เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Google ซึ่งเป็น Search Engine อันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน
Jandali ผู้อพยพชาวซีเรีย ที่เข้ามาตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา บิดาของ Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วันนี้
สหรัฐอเมริกาคือดินแดนที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิต
รวมทั้งเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น ผู้อพยพหลายคนถึงกับตั้งฉายาให้กับประเทศแห่งนี้ว่า “Land of Opportunity”
เราลองมาดูว่า 50 ปีที่ผ่านมา มีผู้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกามากแค่ไหน ?
ปี 1970 จำนวนผู้อพยพ 12 ล้านคน เป็นสัดส่วน 5% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
ปี 2019 จำนวนผู้อพยพ 51 ล้านคน เป็นสัดส่วน 15% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
ปัจจุบัน โดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละปีจะมีผู้อพยพเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ขณะที่ในปี 2019 นั้น 3 ประเทศที่มีผู้อพยพเข้ามายังสหรัฐอเมริกามากที่สุดคือ เม็กซิโก จีน และอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 26% ของจำนวนผู้อพยพเข้าไปยังสหรัฐอเมริกาทั้งหมด
ทีนี้มาดูว่า แล้วทำไมในแง่ของสหรัฐอเมริกา จึงยังต้องการให้มีผู้อพยพเดินทางเข้าไปเรื่อย ๆ
เรื่องแรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
การมีแรงงานอพยพที่มากจะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจนั้นเติบโตทั้งในแง่ของการผลิตและการบริโภค โดยเฉพาะการบริโภคนั้นถือว่ามีความสำคัญเนื่องจากมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของ GDP สหรัฐอเมริกา
ในปี 2019 แรงงานในสหรัฐอเมริกา ที่เป็นผู้อพยพมีจำนวนเท่ากับ 28 ล้านคน หรือประมาณ 15% ของจำนวนแรงงานทั้งหมดของประเทศ
แรงงานอพยพ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หลายธุรกิจในสหรัฐอเมริกานั้นเติบโต ไม่ว่าจะเป็น
แรงงานที่ใช้ทักษะทั่วไปในภาคเกษตรกรรม ภาคบริการ รวมทั้งงานที่คนอเมริกันไม่ต้องการทำ
แรงงานที่ใช้ทักษะขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ วิศวกร ซึ่งแรงงานเหล่านี้ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยทำให้สหรัฐอเมริกาคงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลกได้ในอนาคต
ที่ลืมไม่ได้เลยคือ แรงงานที่เป็นผู้อพยพนั้น ถือเป็นแหล่งรายได้จากการเก็บภาษีที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ข้อมูลสรรพากรของสหรัฐอเมริการะบุว่า ในปี 2017 แรงงานอพยพในสหรัฐอเมริกาจ่ายเงินภาษีรวมกันกว่า 13 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นขนาดที่เกือบเท่า GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศเลยทีเดียว
ซึ่งเงินภาษีเหล่านี้ ถือเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญสำหรับกองทุนประกันสังคมและกองทุนที่ใช้ในโครงการประกันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
การย้ายถิ่นฐานของแรงงานอพยพ ยังช่วยชดเชยการลดลงของกำลังแรงงานของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากคนอเมริกันในยุค Baby Boomer หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทยอยเข้าสู่วัยเกษียณไปเรื่อย ๆ
ขณะที่ในปี 2020 บริษัทชั้นนำ 500 อันดับของสหรัฐอเมริกา หรือฟอร์จูน 500 นั้น เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยกลุ่มผู้อพยพ มีสัดส่วนถึง 44%..
เรียกได้ว่า ผู้อพยพกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอเมริกันไปแล้ว
พวกเขาไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจของประเทศ
แต่ยังทำให้เกิดความหลากหลายทางด้านสังคมและวัฒนธรรมอีกด้วย
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศพัฒนาแล้วไม่กี่ประเทศ ที่ถูกคาดว่าจะมีประชากรเพิ่มขึ้นในปี 2050 ซึ่งจะเพิ่มขึ้นราว 50 ล้านคน จากประชากร 330 ล้านคนในปี 2020
โดยสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นก็มาจากผู้อพยพนั่นเอง
เรื่องนี้ตรงกันข้ามกับประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป ที่ประชากรมีแนวโน้มที่จะลดลงในอนาคต
จีน ที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญของสหรัฐอเมริกาก็พบกับปัญหาที่ประชากรมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวเช่นกัน เพราะจีนไม่ได้เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติซึ่งไม่สามารถดึงดูดผู้อพยพได้เท่าไรนัก
หรือแม้แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยเอง ที่มีผู้อพยพจากประเทศใกล้เคียงอยู่จำนวนหนึ่ง ก็ยังเจอปัญหาประชากรที่มีแนวโน้มลดลงในอนาคตเช่นกัน
การอพยพของมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานตั้งแต่ยุคโบราณ จนมาถึงวันนี้และน่าจะมีต่อไปในอนาคต
แต่การที่มนุษย์จะอพยพไปที่ไหนนั้น
ก็คงตอบได้ว่า เป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีโอกาสรอบด้านที่จะทำให้ตัวเขา รวมไปถึงลูกหลานของเขาอยู่รอดปลอดภัย และอยู่ดีกินดี นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.migrationpolicy.org/article/frequently-requested-statistics-immigrants-and-immigration-united-states-2020#:~:text=How%20many%20immigrants%20reside%20in,of%204.7%20percent%20in%201970.
-https://www.un.org/sites/un2.un.org/files/wmr_2020.pdf
-https://mullin.house.gov/news/documentsingle.aspx?DocumentID=612#:~:text=Since%20its%20beginning%2C%20America%20has,own%3A%20an%20opportunity%20to%20succeed.
-https://www.khanacademy.org/humanities/world-history/world-history-beginnings/origin-humans-early-societies/a/where-did-humans-come-from#:~:text=Between%2070%2C000%20and%20100%2C000%20years,35%2C000%20and%2065%2C000%20years%20ago.
-https://www.sapiens.org/biology/early-human-migration/#:~:text=from%20SAPIENS&text=In%20a%20study%20published%20today,just%20over%20100%2C000%20years%20ago.
-https://www.bls.gov/opub/ted/2020/foreign-born-workers-made-up-17-point-4-percent-of-labor-force-in-2019.htm
-https://www.sandiegouniontribune.com/business/economy/story/2020-02-28/does-the-u-s-need-more-legal-immigration
- https://americasvoice.org/blog/immigration-101-immigrant-taxes/
-https://www.thebalance.com/components-of-gdp-explanation-formula-and-chart-3306015
-https://data.newamericaneconomy.org/en/fortune500-2020/#exploratory_tool
-https://citizenpath.com/countries-with-the-most-immigrants/
-https://www.populationpyramid.net/united-states-of-america/2050/
baby boomer 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的精選貼文
4 เรื่องของโลกอนาคตที่ธุรกิจไทยต้องรู้ทันและปรับตัว Kongstory
.
โลกอนาคต กับคนทำธุรกิจในยุคดิจิตอล จะต้องเข้าใจว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้โลกและพฤติกรรมของคนนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างไร คนทำธุรกิจควรที่จะรู้เรื่องและปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ อายุน้อยร้อยล้านขอยก 4 เรื่องที่สำคัญกับนักธุรกิจไทย ที่ถ้าคุณรู้ตอนนี้แล้วปรับตัวได้ก่อน คุณคือคนที่กำลังวางแผนในอนาคตจต่อจากนี้ไป
.
1. เทรนด์ Bitcoin
กระแสร้อนแรงของเหรียญเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เหรียญที่มีมูลค่า โดยเฉพาะ "Bitcoin" ที่ราคาเทรดพุ่งสูงถึง 2 ล้านบาท และมีราคาผันผวนอยู่หลายครั้ง แต่ก็มีผู้นำธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลกเปิดให้ใช้ Bitcoin ในการทำธุรกรรมได้แล้ว
.
เพราะการใช้เงินดิจิทัล สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อย่างไร้พรหมแดน โอนเงินซื้อขายได้ทั่วโลก และเสียค่าธรรมเนียมในการโอนค่อนข้างต่ำมาก ๆ เพราะไม่จำเป็นต้องโอนผ่านบริษัทบัตรเครดิตหรือผ่านธนาคาร โดยที่เสียค่าธรรมเนียมและใช้ระยะเวลาในการทำธุรกรรมค่อนข้างนาน
.
ยกตัวอย่าง
Paypal ประกาศรับ เงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แล้ว คนที่มีบัญชี กว่า 300 ล้านบัญชี สามารถซื้อขาย Bitcoin ได้ และทำให้ร้านค้าจากทั่วโลกใน Paypal สามารถรับชำระเงินดิจิทัลได้อีกด้วย
.
ประโยชน์ของเงินดิจิทัล (Cryptocurrency )
✅ ซื้อ-ขาย หรือทำธุรกรรมการเงินข้ามประเทศได้ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องโอนผ่านบริษัทบัตรเครดิตหรือผ่านธนาคาร ทำให้เสียค่าธรรมเนียมในการโอนค่อนข้างต่ำมาก ๆ ในปัจจุบันมีบริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่ง และในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังศึกษาระบบชำระเงินดิจิตอล เพราะจะทำให้การซื้อ การชำระเงินผ่อน หรือการเช่าคอนโดเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงแค่ 30 นาที ก็สามารถโอนเงินข้ามประเทศได้เลย
✅ ระดมทุนหาเงินได้ทั่วโลก ยกตัวอย่าง งานกุศลระดมทุนเพื่อหาเงินช่วยเหลือ ก็สามารถทำระบบ QR Cord สำหรับโอนเงินระบบดิจทัลได้ทั่วโลก
✅ สร้างรายได้ สร้างอาชีพได้ทั่วโลก เป็นโอกาสสำหรับคนที่ทำงานข้ามประเทศ เช่น Freelancer , Digital Nomad แต่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ แต่ไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารนอกประเทศไทย ก็สามารถทำงานแล้วรับเงินค่าจ้างเป็นเงินดิจิทัลได้ทั่วโลก
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/ZUuKON07vSw
2. โลกเปลี่ยนแปลงเร็วและดีกว่าที่คิด เพราะเทคโนโลยี
อดีตเป็นยุคของความอยู่รอด แต่อนาคตคือยุคของการเปลี่ยนแปลง
หากนับการเปลี่ยนแปลงตาม Generation ก็จะพบว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น นับตั้งแต่ยุค Baby Boomer และ Gen X ที่ทุกคนล้วนแต่คิดถึงการเอาตัวรอดจากสงคราม ภัยธรรมชาติ และอาหารที่ขาดแคลน แต่พอเข้าสู่ยุค Gen Y เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาท เป็นสิ่งที่ทำให้ในอดีตที่เคยขาดแคลนทั้งหมด กลับมาเข้าถึงได้กับคนทุกคนมากขึ้น
.
ในอดีตมนุษย์เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่คอยแจ้งเตือนภัยธรรมชาติเพื่อช่วยลดการเสียชีวิต หรืออาหารที่กำลังจะขาดแคลนเพราะจำนวนประชากรที่เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยในการแก้ปัญหา เช่น แฮมเบอร์เกอร์ที่ทำจากพืช
.
เทคโนโลยี เป็นสิ่งที่ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงและดีกว่าเก่า
การเป็นอยู่ของคนเราจะดีขึ้นได้เรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่เคยขาดแคลนมันจะไม่คลาดแคลนอีกต่อไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ เรื่องการสื่อสาร เมื่อก่อนการสื่อสารจากระยะไกลเป็นเรื่องที่ยากและมีราคาแพง แต่ปัจจุบันสามารถติดต่อกันได้ทั่วโลกด้วยอินเตอร์เน็ต
.
เตรียมตัวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตอย่างไร
อย่ายึดติดกับ Mindset แบบเดิม ๆ เพราะสิ่งที่เคยทำได้สำเร็จแล้วในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะสำเร็จในอนาคตเสมอไป สิ่งที่ต้องทำคือการปรับตัวที่จะ Unlearn ไม่ยึดติดกับความสำเร็จแบบเดิม ๆ แล้วหันมา Relearn สิ่งใหม่ ๆ ที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในอนาคต หลายธุรกิจอยู่ไม่รอดเพราะกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/GjV79amTI30
3. ผู้ชนะ คือคนที่เข้าใจเทคโนโลยีและนำมาเปลี่ยนแปลง
โลกอนาคต คือยุคของ "The Internet Century" โลกที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้าถึงคนทุกคน และเป็นตัวแปรสำคัญในการทำธุรกิจ คนที่เรียนรู้และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ คือผู้ชนะในโลกธุรกิจ หรือที่เรียกกันว่า Exponential Winner
.
เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่กำลังทำให้คนทั่วทุกมุมโลกใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ทุกคน และเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด The Internet Century
✅ SpaceX – โครงการดาวเทียมอินเทอร์เน็ตที่ชื่อว่า Starlink ด้วยการยิงอินเตอร์เน็ตตากดาวเทียม
✅ Google – โครงการชื่อ Google Loon Project บอลลูนที่ปล่อยสัญญานอินเตอร์เน็ตรอบโลก
✅ Facebook – โครงการชื่อ Internet.org ติดสัญญานอินเตอร์เน็ตไว้ครับโดรน
.
หากอินเตอร์เน็ตสามารถใช้งานได้ทั่วทุกมุมโลก ในอนาคตจะมีกลุ่มคนอยู่ 2 กลุ่ม คือ Exponential Winner คนที่เข้าใจเทคโนโลยีและสามารถนำมาเพิ่มความสามารถทางธุรกิจได้ กับ Exponential Loser คนที่ไม่สามารถปรับตัวกับเทคโนโลยีทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ
.
ยกตัวอย่าง Exponential Winner
ในทุก 10 วินาที บริษัท Apple สามารถทำงานได้1.7 ล้านบาท จากเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ต หรือ บริษัท Google สามารถทำเงิน 700,000 บาท ในทุก 10 วินาที เช่นกัน
.
ยกตัวอย่าง Exponential Loser
ค่าเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ทำเงินได้เพียง 6 สตางค์ ในทุก 10 วินาที เพราะยังไม่เข้าใจเทคโนโลยีใหม่ จนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/AWM0Xj6YxbI
4. Disruption VS Innovation ปลาฉลาด กินปลาโง่
สมัยก่อนคนเรามักจะพูดถึง Innovation การพัฒนาสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ดียิ่งขึ้นไป แต่เมื่อเทคโนโลยีเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โลกจึงเข้าสู่ยุคของ Disruption คือการสร้างสิ่งใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมาทดแทนสิ่งเก่า ยกตัวอย่าง พลังงานไฟฟ้าที่ให้ความสว่างมากกว่า ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเทียนไข ต่อให้มีเทียนไข 1,000 แท่ง ก็สู้ไฟฟ้าไม่ได้
.
เพราะฉะนั้น ในโลกอนาคตที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงและถูกการ Disruption ที่ดีกว่าอยู่เสมอ ควรให้ความสำคัญ
.
Disruption เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนให้เปลี่ยนไป
✅ Facebook ก็เป็นการ Disruptionของการสื่อสาร ทำให้คนเปลี่ยนวิธีการพูดคุย หรือแชร์ข้อมูลผ่านทางออนไลน์ แทนการคุยโทรศัพท์
✅ รถยนต์พลังไฟฟ้าที่มีระบบ AI จะส่งผลต่อการ Disruption กับคนขับรถยนต์ในอนาคตเช่นกัน เพราะเทคโนโลยีจะทำให้กลายเป็นรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งเป็นการมาแทนที่อาชีพของคนขับรถได้
.
และสิ่งที่สำคัญที่สุดในยุค Disruption นั้นก็คือ “Data” ใครที่รู้ข้อมูลและ insight ลูกค้ามากกว่า จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่า และเป็นผู้ชนะในเกมธุรกิจ
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/VDiHOzrTbqE
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS #อายุน้อยร้อยล้าน #Business #100NEWS #technology #Bitkub
baby boomer 在 Fun With Oprah Youtube 的最讚貼文
影片與BFFECT合作,折扣碼: Oprah
不得不說,BFFECT用了真的覺得簡單又有感
而且重點,價格會不會太划算了?
雖然我兩個月用幾乎要用光,但這個效果跟價格
完全可以立刻回購呀!!!推薦給大家!!!
BFFECT X Fun With Oprah
🔗官網在這: https://bfc.cool/IFIaH
※輸入折扣碼 Oprah 就可以享滿 699免運 和 滿1200折百元👍🏻
※有問題可以私訊找小編:m.me/BFFECT
讓BFFECT做您 開啟好肌膚的第一支精華
🔗Music by HOAX - Moon Moon Baby - https://thmatc.co/?l=BB7CE458
🔗Music by Vincent Liou - Boomer Humor - https://thmatc.co/?l=45DF5E14
🔗Music by Fiji Blue - Only When I Look into Your Eyes - https://thmatc.co/?l=15484799
🤎
baby boomer 在 ななみつネイル Youtube 的精選貼文
▼無料ネイル講座はこちら▼
https://next2-asp.net/lp/az1/4156
(※1タップで無料受講できます。)
家事で「また浮いた!」とお悩みのセルフネイラーさんへ
●剥げない
●浮かない
●取れない
3ヵ月以上輝くジェルが持続する「プロも知らない」ダイヤモンドネイルを、プロのネイリストを育成するネイルスクールナナミルク講師「すずなな」が教えます!
・・・・・・・・・・・・・
【この動画の詳細】
夏にピッタリ!3色グラデーションがかわいい❤️🧡💛
ダズリングパウダーに奥行きを出す方法!
簡単にクラックを入れる技をアートのあきが伝授していきます!
グラデーションの時短テクニックも必見💅
カラーを変えれば雰囲気もガラリと変わる不思議なデザイン多色グラデーションが簡単にできる❗夏だ❗Summerだ❗グラデーションだ❗
・・・・・・・・・・・・・
★ななみつネイルチャンネルへようこそ!
このチャンネルでは
私たち夫婦ネイリスト「ななみつ」がネイルスクール講師と、スクール卒業生でサロンを開業しているプロの人気ネイリストが、初心者の方からプロのネイリストまで楽しめるよう、いまさら聞けない基本的なデザインから最新のデザインや複雑なアートまで、分かりやすく、丁寧に、誰でも簡単にできちゃうように解説している動画を配信しています。
今後は「ネイルサロンを開くにはどうしたらいいの?」「お客さんが来なくて困ってます」などで悩んでいる方のために、ネイルサロン開業や運営、集客について、私たち夫婦の経験をもとにアドバイスしていく動画や、実際に自宅ネイルサロンを開業したスクールの生徒さんや卒業生への実体験インタビュー動画なども配信していきます!
★関連動画
【夏ネイル★ヤシの木ネイルアート palm tree nail art designs】夏ネイルは夕日のグラデーションでサンセットネイルを!南国ネイルでリゾート気分!パームツリーの簡単なやり方のコツ!
https://youtu.be/s6yw9BwGLnY
ミラーで作るグラデーションネイル【マグネットパウダー活用術★バタフライネイル Mirror nail】ミラーネイルがagehaマグパウダーとICE GELアイシンクジェルで蝶ネイルに!鏡面粉使いに注目
https://youtu.be/10C5Z92dsbM
【ベイビーブーマーネイル Baby Boomer Nails Gel】筆一本!白グラデーションの最高峰IKKOネイル!ベービーホワイトグラデーションネイルはアート要らずの美甲デザイン
https://youtu.be/4nQFTrJyip0
★『ヴィジョントップジェル Vision TOP GEL』
・特徴と使い方の説明はこちら→https://youtu.be/EdZy8GD1ZvU
・ご購入はこちら→https://nanamilkvisiononline.com/vision-top-gel/
#ななみつネイル #グラデーションネイル #夏ネイル
baby boomer 在 Tina Yong Youtube 的最佳貼文
Hello my loves! Today I'm showing you how to do a french fade / baby boomer gel manicure at home.
If you're living for these "Tina Nails It" videos, please hit like and subscribe! ? https://bit.ly/2JFCtDr
Follow:
Tina Yong http://instagram.com/tina_yong
Products used:
Cure Cosmetics Cuticle Remover https://nailwonderland.com/products/cure-cosmetics-cuticle-remover
Nghia cuticle Pusher (1st one I used) https://amzn.to/2M59jAA
Professional Cuticle Pusher (2nd one I used) https://www.beautygarage.sg/default/10661gl.html
Cuticle Nippers https://www.beautygarage.sg/default/nn-0063n.html
Gradient Brush https://s.click.aliexpress.com/e/_9Iz41z
Angelpro #7 Gelly Polish http://www.angelpronail.com/onlineshop/index.php?route=product/product&path=59_60&product_id=60
Diami Pin Cure Light
Kiara Sky (Get 10% off with code TINAYONG)
Prep https://kiarasky.com/62e5a
Primer https://kiarasky.com/cd96b
Base Gel https://kiarasky.com/23918
Builder Gel https://kiarasky.com/fc08b
Top Coat https://kiarasky.com/6c1ee
"I do" Gel Polish https://kiarasky.com/6d2ff
“Milky White” Gel Polish https://kiarasky.com/91836
“Pure White” Polish https://kiarasky.com/a834d
Kiara Sky Portable Lamp https://kiarasky.com/a2e26
________________________________
Watch more nail videos:
How to Remove Gel /Acrylic Nails At Home Without Breakage
https://youtu.be/_k1aho8G5Go
Easy Ombre Gel Nail Art
https://www.youtube.com/watch?v=O21uqu_7QEY&t=483s
DIY Nail Extension For Beginners
https://www.youtube.com/watch?v=ZpOBkf_KYCk&t=5s
Simple Rainbow Nail Art Tutorial ?
https://www.youtube.com/watch?v=_u7cgRSSBF0&t=12s
Doing Dip Powder Nails At Home
https://www.youtube.com/watch?v=RjYMIZqZsUg&t=675s
____________________________
Shop my Lashes https://petitecosmetics.com
Get 20% off using code TINA20
Shop my Bags & Accessories https://markandscribe.com
________________________
Music from Artlist.io Music by Alexi Blue - Easy Love - https://thmatc.co/?l=309E20BB
*This video is not sponsored. Some links above are affiliate links which mean I do make a small amount if you chose to buy the products. This does not cost you any extra but it’s a great way to help support my channel.
baby boomer 在 Baby boomer... | By Estetica Indio - Facebook 的推薦與評價
Baby boomer... ... Baby boomer... Baby boomer... Stefy Pascucci 和其他14 人. 349 次觀看 · 15 · 2 · 1. 更多Estetica Indio 的文章. ... <看更多>
baby boomer 在 Brutalismus 3000 - Satan Was A Baby Boomer (DURCH) 的推薦與評價
The Brvtalist is pleased to premiere a new track from Brutalismus 3000. One of our favorite Berlin projects returns with a new track on the ... ... <看更多>