"หนังสือมึงแม่งสุดมากว่ะ ชอบ"
"ขอสั่งซื้อซัก 100 เล่มดิ"
เมื่อคืนก่อนนอน ผมเปิดเจอข้อความนี้ในกล่องข้อความ ใจเต้นตูมตามด้วยความดีใจ ผมมักพูดเสมอว่า ใครชอบผลงานของเรา เราก็ดีใจทั้งนั้น แต่ที่ดีใจที่สุดคือเวลาเพื่อนชอบ แถมนี่เป็นเพื่อนที่เป็นนักอ่านตัวกลั่น เป็นคนมีความสามารถขนาดนี้ จะไม่ให้ดีใจอย่างไรไหว กระนั้น ที่ดีใจที่สุดคือข้อความที่สองนั่นแหละ
ร้อยเล่ม! เชียวนะ!
ก็ใช่ครับ, จำนวนก็น่าดีใจ แต่ที่ดีใจมากๆ ก็คือ การที่มีใครสักคนซื้อหนังสือเราไปแจกคนอื่นที่เขารัก ย่อมหมายความว่ามันต้องมีคุณค่าพอสมควร ผมบอกแท็บ-รวิศ หาญอุตสาหะ ไปตรงๆ ว่าดีใจและขอบคุณมาก แท็บตอบกลับมาว่า
"หนังสือดีมาก เชื่อว่าจะเปลี่ยนชีวิตคนได้เลย"
---
เรื่องน่าดีใจสำหรับผู้เขียนก็คือ มีเจ้าของธุรกิจและผู้บริหารสั่งซื้อ "สิ่งสำคัญของชีวิต" เป็นจำนวนหลายสิบเล่ม และร้อยเล่มมาแล้วหลายชุด ดีใจจริงๆ ครับที่มีคนเห็นว่าหนังสือเล่มนี้เป็น "ของขวัญ" สำหรับคนอื่นได้
ยิ่งช่วงนี้ ใครกำลังมองหา "ของขวัญปีใหม่" อยู่ ก็จะดีใจครับ ถ้า "สิ่งสำคัญของชีวิต" ถูกมอบให้กันเป็น "ของขวัญ"
---
สุดท้ายนี้ ขอบคุณแท็บมากๆ สำหรับรีวิวเลอค่านี้ ผมหลับไปตอนห้าทุ่มกว่าหลังอ่านข้อความของแท็บ ตื่นมาเจอสเตตัสยาวเฟื้อยนี้ อยากถามเขามากๆ ว่า "มึงไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน"
แต่นี่แหละครับ, No condition > Do it now!
---
ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอห้อยท้ายโฆษณาเลยก็แล้วกันครับ, สำหรับท่านที่สนใจสั่งซื้อจำนวนมาก (จะได้ส่วนลดพิเศษ) สามารถติดต่อได้ที่สำนักพิมพ์ KOOB โทร. 0639911075 ครับผม
สั่งออนไลน์ได้ที่ m.me/koobbooks
ชวนอ่านรีวิวนี้ครับ แท็บเขียนได้ทรงพลังมาก :)
สิ่งสำคัญของชีวิต
.
.
.
บอกตรงๆว่าทุกครั้งที่หยิบหนังสือของ “นิ้วกลม” ขึ้นมาอ่าน ผมอดทึ่งไม่ได้ว่าเพื่อนสมัยเด็กๆที่จำภาพได้แต่เรื่องไม่ค่อยมีสาระที่เราทำด้วยกัน จะเติบโตมากลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดที่คมคายและถ่ายถอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเพียงนี้
.
วันก่อนผมไปทานข้าวเย็นกับเพื่อนๆมา เลยได้หนังสือเล่มนี้จากเอ๋ด้วยตัวเองเลย วันนี้เลยอยากมาเล่าให้ฟังครับว่า ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง
.
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือถ่ายถอดเรื่องเล่าของคุณมานิต อุดมคุณธรรม
.
คุณมานิตเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า PJ Jeans แบรนด์ S’fare เป็นผู้ก่อตั้งห้างโรบินสัน เป็นผู้ริเริ่มศูนย์การค้า Fashion Island, Future Park รังสิตและบางแค ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหาร Homepro และยังพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย
.
เรื่องที่ผมชอบที่สุดในหนังสือเล่มนี้เลยคือคำสอนของคุณมานิตที่ว่า
.
.
“No Condition”
.
.
“อย่าสร้างเงื่อนไขให้กับตัวเอง”
.
ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่สร้างเงื่อนไขให้กับตัวเอง คุณจะเป็นคนที่ศักยภาพสูงมาก
.
เรามาลองพิจารณาประเด็นนี้กันดูนะครับ
.
เวลาตั้งใจอย่าง”แน่วแน่” แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
.
เราตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่กินขนม แต่เราก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรน่าวันนี้เหนื่อย อยากกินของหวานๆ ขอเว้นซักวันละกัน
.
เราตั้งใจไว้แล้วว่าจะอ่านหนังสือทุกวัน แต่วันนี้เหนื่อยจัง ดูทีวีซักวันก็คงไม่เป็นไรนะ
.
เราตั้งใจไว้แล้วว่าจะออกกำลังกายอะไรก็ได้เล็กๆน้อยๆทุกวัน แต่เมื่อคืนนอนดึกจัง เว้นซักวันละกัน
.
เราตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่โมโหลูกอีก จะใช้ความเข้าใจแทน แต่วันนี้ขอซักวันละกันมันอดไม่ได้จริงๆ
.
เราตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ด่าลูกน้องอีก จะใช้การสอนแทน แต่วันนี้ขอซักวันละกันมันสุดเดือดจริงๆ
.
หรืออาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ครับ
.
เพราะอากาศมันร้อนไป ฉันวิ่งไม่ไหว
.
เพราะแอร์มันร้อนไป ฉันทำงานไม่ไหว
.
เพราะแอร์มันหนาวไป ฉันทำงานไม่ไหว
.
เพราะมันน่าเบื่อเกินไป ฉันทนอ่านไม่ไหว
.
เพราะการเดินทางมันเหนื่อย ฉันอ่านหนังสือไม่ไหว ขอนอนดู series ดีกว่านะ
.
.
เพราะ.... ฉันเลยต้อง...
.
.
ฯลฯ
.
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าเราต้องทำอะไรเยอะแยะนะครับ คนเราพักได้ แต่ไม่ควรผิดสัญญากับตัวเอง
.
อ่านเรื่องนี้แล้วผมนึกถึงคุณแต๋ม ศุภจี CEO ของเครือดุสิต ที่มีอยู่วันนึงที่เธอยุ่งมากๆทำให้ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย พอไปถึงสนามบินก็จะหมดวันแล้ว คุณแต๋มก็เลยวิ่งอยู่ใน terminal นั้นแหละครับ
.
คนที่จะทำอะไรจริงๆ จะไม่มีข้ออ้างให้กับตัวเอง ไม่ง่วง ไม่เหนื่อย ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่หิว ไม่อิ่ม
.
มีแต่ไม่อยากผิดสัญญาที่ให้กับตัวเอง
.
ม้นสะท้อนอะไรให้เราเห็นบ้างครับ
.
.
โลกนี้มีคนที่อยากทำอะไรให้สำเร็จมากมาย แต่เกือบทั้งหมดได้แค่ฝัน แค่นั้นจริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นนะ?
.
คนที่ทำฝันให้สำเร็จเขาเป็นยังไงกัน
.
คุณมานิตบอกว่าข้อแรกเลยต้อง “Do it now”
.
“เพราะ Do it now เป็นหัวใจของชีวิตที่ไม่มีเงื่อนไขเลย ชีวิตคนเรามันอยากๆเบื่อๆ เดี๋ยวอยากเดี๋ยวเบื่อ เดี๋ยวชอบเดี๋ยวไม่ชอบ เดี๋ยวมีความกระตือรือร้นน่าตื่นเต้น พอเลยไปซักพัก ความกระตือรือล้นมันก็คลายไป นิสัยแบบนี้มันทำลาย Integrity หรือความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูด เวลาชอบจะทำเลย แต่พอช้าหน่อยจะเลิกแล้ว โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายของเราคืออะไร”
.
“ Integrity คือตัวเรา คือคำพูดของเรา เราต้องให้เกียรติคำพูดตัวเอง เมื่อไรเราไม่ให้เกียรติคำพูดก็ไม่มีตัวเรา มันลึกขนาดนี้เลยนะ หมายความว่าตัวคุณมีอยู่เพราะคุณมี intetrity พูดอะไรรักษาคำพูด พูดอะไรทำหมด คุณเป็นคำพูดนั้น แต่เมื่อไรที่คุณไม่ทำ ตัวคุณไม่มีแล้ว ความน่าเชื่อถือของคุณหมดไป
.
ถ้าคุณเป็นคนคำไหนคำนั้นพูดแล้วทำ สิ่งที่คุณพูดจะศักดิ์สิทธิ์เลย พูดแล้วเป็นจริง พูดเงินได้เงิน พูดทองได้ทอง”
.
ของแบบนี้ต้องทำ 100% จะมาทำ 98% หรือ 95% ไม่ได้เพราะ 3% 5% ที่เรายอมหละหลวมอ้อนข้อให้กับตัวเองนั้นแหละ จะกลับมาทำให้ทั้งหมดล้มเหลว เพราะเมื่อเราขาดความมุ่งมั่น จิตใต้สำนึกของเราก็จะอ่อนแอ เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้อง 100% ไม่มีคำว่า 95%
.
“เมื่อไรเราไม่ให้เกียรติคำพูดก็ไม่มีตัวเรา มันลึกขนาดนี้เลยนะ “
.
.
ของแบบนี้ถ้าจะทำต้องเอาจริง
.
“Do it now, แล้วเราจะมีศักยภาพสูงมาก”
.
.
พูดง่าย ทำยาก แต่ถ้าอยากทำความฝันให้เป็นจริงต้องทำครับ
.
.
_______________________
.
.
"เนื้อแท้"
.
.
ความหมายที่ลึกซึ้งที่สุดของสิ่งที่มนุษย์ยึดถือ
.
“คำว่าเนื้อแท้ คือการหลุดจากหน้ากากตัวเอง หลุดออกจากการแสแสร้งทำ หลุดออกจากความดูดี เหลือแต่เนื้อแท้ที่ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ”
.
“มนุษย์เราอยากดูดี แสแสร้งแกล้งทำ และมีเงื่อนไขตัวอยากดูดีคือตัวที่น่ากลัวที่สุด”
.
“อย่างกรณีเขาเชิญไปพูดในที่สาธารณะ เราไม่กล้าไปเพราะอะไร บางคนคิดว่าฉันพูดไม่เก่ง เสียงในหัวเรามันจะบอกว่าเราพูดไม่เก่ง พูดไม่ดีแล้วจะขึ้นไม่ไปทำ หน้าแตกเปล่าๆ นี่แหละคือคำว่าดูดี มันมาจากจิตใต้สำนึกของความไม่เชื่อมั่นในตนเอง ความกังวล ความห่วงหน้าตา เลยไม่กล้าขึ้นเวที เพราะขึ้นไปแล้วไม่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร มันบล๊อกเราทุกทาง แต่ถ้าเราลองไม่คิดอะไรเลยแล้วขึ้นไปพูด มันจะพูดได้เลย”
.
“เราต้องทลายกำแพงนั้นลง กำแพงเล็กๆที่สะสมมาจากประสบการณ์ของเรา มาจากการขาดความเชื่อมั่น คิดว่าตัวเองมีปมด้อย แล้วพูดย้ำถึงข้อบกพร่องกับตัวเองอยู่แบบนั้น จำไว้ว่าเสียงในหัวไม่เคยให้ประโยชน์เลย เพราะมันมาจากจุดที่อ่อนแอของเรา แล้วมันจะตอกย้ำข้อบกพร่องของเรา แนะนำให้ก้าวข้าม เลือที่จะไม่รับฟังเสียงในหัว มันบงการอยู่ตลอด ถ้าทลายกำแพงนี้ทิ้งไปได้ คุณยังทำอะไรได้อีกเยอะเลย พลังข้างในยังเหลืออีกเยอะ พอลงมือทำ เราจะเปลี่ยนพลังนั้นเป็นความคิดสร้างสรรค์ กระตือรือร้น ต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ พอก้าวข้ามคำว่า “ทำไม่ได้” พ้นแล้ว คุณจะอยากทำต่อ”
.
ส่วนตัวผมเคยมีประสบการณ์แบบนี้เลยครับ พอผมทลายกำแพงเล็กๆของผมลงไปได้ ต้องบอกว่าเหมือนได้เกิดใหม่เลย เหมือนเราทิ้งตัวตนบางอย่างของเราไป แล้วได้เจอกับเราในอีก version นึงที่เราเองก็ไม่เคยคิดว่าจะทำได้
.
พอทำได้ครั้งนึงแล้วมันจะอยากทำอีกครับ
.
ที่สำคัญคือต้องกล้าที่จะสู้กับความกลัว และลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่างที่มันค้างคาใจคุณให้ได้ครับ
.
.
________________________
.
.
ใจที่แข็งแรง
.
5 เดือนคือเวลาที่คุณมานิตใช้ฟื้นฟูตัวเองจากการป่วยเป็นโรคร้ายแรงอย่างเส้นเลือดในสมองแตก ให้กลับมามีสุขภาพร่างกายที่ปรกติสมบูรณ์ได้
.
12 เดือนคือเวลาที่จากคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย ”แม้แต่น้อย” เตรียมตัวจนวิ่งจบมาราธอน
.
แค่สองประโยคนี้ก็ทำให้เรื่องราวในการดูแลร่างกายและจิตใจของตัวเองของคุณมานิตน่าสนใจมากๆแล้ว
.
คุณมานิตเล่าเรื่องตอนป่วยว่า
.
“ตอนนั้นคุณหมอบอกว่าไม่มีทางรักษาเลย นอกจากว่าเราจะต้องใช้เวลาหาวิธีที่จะพัฒนากายของเราให้ได้ ก็แนะนำว่าถ้ามีเวลา 6 เดือน ให้ 3 เดือนแรกต้องฟื้นให้ได้ 90% เราก็คิดตามว่า ถ้าปล่อยให้สมองมันเฉาอย่างนี้ สี่-ห้าเดือน ไม่มีทางเลยที่จะดึงกลับขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นในสามเดือนเราจะพยายามทำให้มันขึ้นมาเท่าเดิมให้ได้”
.
“กายภาพบำบัดเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องเชื่อฟังหมอและมีวินัยไปทำ เพราะมันเป็นการกระตุ้นเซลล์ที่ตายให้ตื่นตัว แต่บ่อยครั้งที่คนป่วย คิดว่าตัวเองเป็นคนป่วยก็ล้าแล้ว พอจะออกกำลังอะไร รู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก นี่คืออุปสรรคอันแรกเลยนะ คนมักไปกายภาพบำบัดด้วยความเซ็งและเบื่อ เพราะทรมาน แต่ผมไปด้วความกระตือรือร้น มันไม่เหมือนกัน
.
แค่รถพยาบาลจะมาเข็นผม ผมยังบอกไม่ต้องมาเลย เพราะผมจะเดินไปเอง นี่ตัวที่หนึ่ง ตัวที่สองคือ ไม่มีใครรู้ดีกว่าตัวเรา เพราะฉะนั้นผมรู้เลยว่าขาขวาผมไม่มีแรง มือขวาผมไม่มีแรง ผมเอาถุงทรายมาถ่วงเพื่อให้ขามีแรงมากขึ้น อันนี้คือคิดเอง เราซื้อถุงทรายมาถ่วงทั้งสองข้างเลย ซ้ายห้ากิโล ขวาสิบกิโล ทำให้ขาขวาหนักกว่า แล้วเวลาเดินนี่ปกติถ้าเป็นอัมพฤกษ์ขามันจะเป๋ เพราะไม่มีแรงจะบิด เราก็บิดมันเลย ตอนนั้นบิดด้วยใจ ใช้ความรู้สึกบิดมัน เคยอยากแพ้นะ พอแพ้แล้วอีกหน่อยคุณก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป ก็ต้องฝืนให้ได้ ถ้าคุณไม่ฝินมัน ยอมให้มันผิดปรกติ ก็แสดงว่าชีวิตคุณต้องเป็นอย่างนี้แล้ว ลำบากหน่อย แต่ต้องชนะมันแล้วก็เดินเอง บังคับตัวเองให้เดินตรงๆ มือไม่มีแรงเวลาเดินก็ยกขึ้นเลย ถึงแม้มือนี้อ่อนแรงก็ใช้จิตเราฝึกดึงขึ้นมา คนป่วยถ้าไม่ใช้พลังจิตมันไม่มีทางเลย ถ้าเอาแต่คิดว่าฉันล้า ฉันเหนื่อย พลังจิตไม่ช่วยคุณเลย แต่อารมณ์ต่างหากทำให้คุณแพ้มัน”
.
.
“มาราธอนทำให้ผมเอาชนะสโตรกได้ เพราะว่าเราผ่านความลำบากของชีวิตที่ร่างกายไปไม่ได้เรายังชนะมันมาแล้ว ผมจบมาราธอนสามครั้ง มันสะสมสปิริตนี้ไว้ในตัว พอมาเป็นสโตรก ผมไม่เคยกังวลเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะพิการเลย คิดแต่ว่าตัวเองจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แล้วต้องฝึกเดินใหม่ ตอนรู้ว่าเส้นเลือดในสมองแตก ผมไม่ตกใจเลย บอกภรรยาว่าตอนนี้ฉันเป็นเด็กนะ ขอเวลา 4-5 วันที่จะให้ประคองเข้าห้องน้ำ แต่ต่อไปจะไม่ให้ประคองแล้ว ต่อให้ต้องคลานเข้าห้องน้ำก็ไม่ต้องมาช่วย เราต้องมุ่งมั่นระดับนั้น”
.
.
นี่คือหัวใจแห่งความมุ่งมั่นความมุ่งมั่นของเด็กชายที่เริ่มตัวด้วยจักรเย็บเสื้อผ้าเพียงสามตัวและเงินที่ยืมเพื่อนบ้านมาสองหมื่นบาท จนกลายมาเป็นเจ้าสัวหมื่นล้านในวันนี้
.
ผมไม่แปลกใจในความสำเร็จของคุณมานิตจริงๆครับ
.
.
ทันทีที่เขียนบทความนี้จบผมทักเอ๋ไปใน messenger ว่า ขอสั่งหนังสือมาแจกครอบครัว เพื่อน และน้องๆที่ทำงาน
.
อยากให้คนรอบๆตัวผมได้อ่านสิ่งดีๆ
.
เพราะตอนอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วให้ความรู้สึก เหมือนตอนอ่านหนังสือของ Tina Seelig เรื่อง “what i wish I knew when I was 20”
.
.
คือใครได้อ่าน ถือเป็นโชคดี
Important things of life
.
.
.
Honestly, every time I pick up the book of "round fingers" I can't read that my friends when I was young, but the things that we didn't have a lot of sense that we did together will grow up to become an adult with a sharp mind and take it off. How awesome is this?
.
I went to dinner with my friends the other day. I got this book from Ae. Today I want to tell you how I read this book.
.
This book is a book to take off the story of Mr. Manit Udomvirtue.
.
Mr. Manit is the owner of PJ's clothing brand. S ' fare brand, is the founder of Robinson mall. Fashion Island, Future Park Rangsit and Bangkhae. Now he is now as the President of Homepro and also developing many real estate projects.
.
My favorite thing in this book is Mr. Manit's teaching
.
.
“No Condition”
.
.
"Don't create the conditions for yourself"
.
If you are a person who doesn't create conditions for yourself, you will be a very high potential.
.
Let's try to consider this issue.
.
Time is "determined" so what happened?
.
I intended not to eat snacks, but I told myself that it's okay. I'm tired today. I want to eat dessert. Let me have a day.
.
I intended to read a book every day, but today I'm tired. I watch TV for a day. It's okay.
.
I intended to exercise anything every day. But last night I slept late.
.
I intended not to be angry with my kid again. I will use understanding instead. But today, I want one day. I can't help it.
.
I intended not to scold my crew again. I will use teaching instead. But today I want one day. It's really hot.
.
Or it could be like this.
.
Because the weather is too hot I can't run
.
Because the air conditioner is too hot I can't work
.
Because the air conditioner is too cold I can't work
.
Because it's too boring. I can't stand to read.
.
Because the journey is tiring. I can't read books. Let me sleep and watch the series.
.
.
Because.... so I have to...
.
.
etc.
.
All of these are not that we have to do a lot of things. We can rest, but we shouldn't break ourselves.
.
After reading this, I thought of Mr. Tam Supaji, CEO of Dusit group. One day she was very busy. She didn't have time to exercise. When I arrived at the airport, it was almost over. So Khun Tam is running in terminal. That's it.
.
Those who really do something will have no excuse for themselves. Not sleepy, not tired, not hot, no cold, no hungry, not full.
.
I only don't want to break my promise that I give myself.
.
What do you reflect on us?
.
.
There are many people who want to accomplish things in this world, but most of them can only dream. Why is that?
.
How is the one who completes the dream?
.
Mr. Manit said first thing must be "Do it now"
.
" Because Do it is the heart of life that is unconditional. Life wants to be bored. I want to be bored. I will be bored. I won't like it. I won't like it. I will be enthusiastic. When I will be exciting. When I go for a while. This kind of habit destroys Integrity or responsibility for what you say. When you like to do it. But when I'm slow, I will quit without care what our goal is "
.
" Integrity is our words. When we have to honor our own words, we don't honor the words, we don't have ourselves. It's so deep. It means that you exist because you have intetrity. What do you say, keep your words. You are words. That's when you don't do it, you don't have it anymore. Your credibility is gone.
.
If you are a person, the word, then do what you say will be holy. Say it and it is true. Speak money, money, gold, get gold
.
This kind of stuff has to be done. 100 % can't do 98 % or 95 % because 3 % that we are willing to loose. I beg for myself. I will come back to make it all because when we lack commitment. Our subconscious will be weak. So everything must be 100 % there is no 95 %
.
" When we don't honor words, we don't have myself. It's so deep
.
.
This kind of stuff. If you want to do it, you
.
"Do it now, then we will have a lot of potential"
.
.
Easy to say, difficult to do, but if you want to make your dream come true, you must
.
.
_______________________
.
.
"Real meat"
.
.
The deepest meaning of what man holds.
.
" The word true texture is to fall off the mask. Fall out of pretending to fall out of the good looking good. But the real texture that I like. I like. Don't like, don't like it
.
"Humans want to look good, pretend to do it and have conditions. I want to look good is the scariest one"
.
" In case they invite you to speak in public. I don't dare to go. Why someone thinks that I'm not good at talking. The voice in my head will say that I'm not good at talking bad things. I won't go up and I won't break my face. This is the word good. It I don't believe in myself, worry, worry, so I don't dare to go on stage because I don't know what to say. It blocks me in every way. But if I try, I don't think about anything and say it, I will say
.
" We have to break down the wall that small wall that accumulated from our experience from the lack of confidence. Think we have inferiority and repeat the flaws to ourselves. Remember that the voice in our head never benefits because it comes from our weak point. It will remind our flaws. I recommend you to choose not to listen to the voice in the head. It's always manipulative. If you can still do a lot of power inside. We will change the power. That's creative. Keep getting more active. It's enough to cross the word " can't do it " and you will want to do it "
.
Personally, I have experienced this. When I broke down my small wall, I have to say that it seems like I have been reborn. It seems like I left something of our identity and met us in another version that I never thought I could do.
.
When I do it once, I will want to do it again.
.
The important thing is to fight fear and get up and do something that is in your heart.
.
.
________________________
.
.
Healthy heart
.
5 months is the time that Mr. Manit uses to restore yourself from being sick. It's a serious stroke. Let's get back to healthy.
.
12 months is the time from people who have never worked out "even" until the end of the marathon.
.
Just these two sentences make the story of taking care of your own body and mind. Manit is very interesting.
.
Mr. Manit told me when he was sick.
.
" At that time, the doctor said that there is no way to heal unless we have to figure out how to develop our body. It is recommended that if we have 6 months, we have 3 months, we have to revive 90 % we think. If you let the brain be like this for four-five months, there is no way to pull it back. So in three months we will try to make it up the same
.
" Physical therapy is important that you have to obey doctors and discipline because it is stimulates dead cells to stay awake. But often people think that they are sick people are sick people. When you are tired. When I feel very tiring. This is the first obstacle. People always go to physical therapy and bored because I'm suffering. But I go with enthusiasm is different.
.
Just an ambulance will push me. I still say no need to come because I will walk by myself. The second one is nobody knows better than me. So I know that my right leg has no energy. My right hand has no energy. I put sand bag to keep my legs. More powerful. This is thinking by myself. I bought a bag of sand. Both of them. Left is five kilograms. It makes the right. It makes the right leg heavier. When I walk, it's normal. If it's palsy, it's a bag because I don't have energy to With my heart, I used to lose. When you lose, you will be like this forever. If you don't have to eat it. It's wrong. It means your life must be a bit difficult but you have to win it. Walk by myself, force myself to walk straight. My hands have no energy. When I walk up. Even if this hand is weak, I use my mind. I practice pulling up. If I don't use psychic power, there is no way. If I'm tired, I'm tired. I'm tired Make you lose to it "
.
.
" Marathon makes me beat the stroke because we can't go through the struggle of life. We have won it. I finished three marathon. It accumulated this spirit in my body. When I never worry. I never thought I would be disabled. I only think about myself. I'm going back to be a kid again. I have to practice walking again. When I know that my stroke is not shocked. I told my wife that I'm a kid now. Give me 4-5 days to hold me to the bathroom. But I won't let you hold you anymore. Even if I have to Toilet don't have to help. We have to be that level of
.
.
This is the heart of determination of a boy who started with only three clothes and money borrowed for ten thousand baht to become ten thousand millions today.
.
I'm not surprised by Mr. Manit's success.
.
.
As soon as I finished writing this article, I greeted Ae in messenger that I would like to order a book to give away family, friends and
.
I want people around me to read good things.
.
Because when I finished reading this book, I feel like when I read Tina Seelig's book "what I wish I knew when I was 20"
.
.
Who has read it is luckyTranslated
Search