Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่ไม่ได้รวยจาก Twitter /โดย ลงทุนแมน
หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ “Jack Dorsey” หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Twitter
โดยปัจจุบัน เขายังคงดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของบริษัทแห่งนี้
Twitter ได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อปี 2013 ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้ Dorsey ก้าวขึ้นมาเป็น Billionaire หรือเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 33,000 ล้านบาท ได้เป็นครั้งแรก
ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน Dorsey มีทรัพย์สินกว่า 458,000 ล้านบาท ซึ่งหลายคนก็น่าจะคิดว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเขามาจากบริษัท Twitter
แต่ข้อเท็จจริง กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น..
เพราะจริง ๆ แล้ว Dorsey มีทรัพย์สินจากการถือหุ้น Twitter เพียง 37,000 ล้านบาท หรือราว 8% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามี ส่วนความมั่งคั่งอีกกว่า 419,000 ล้านบาท มาจากมูลค่าหุ้นของอีกบริษัทหนึ่ง
ซึ่งเขาก็เป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO เช่นกัน โดยบริษัทนั้น มีชื่อว่า “Square”
ทำไม Dorsey ถึงได้ก่อตั้งอีกบริษัทหนึ่งที่ทำให้เขามีความมั่งคั่งมากขึ้น
แล้ว Square ทำธุรกิจอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Twitter เปิดตัวในปี 2006 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 4 คน นั่นก็คือ Jack Dorsey, Evan Williams, Biz Stone และ Noah Glass ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็น CEO คนแรกของบริษัท ก็คือ Dorsey
แต่ในปี 2008 Williams และกรรมการบริหารได้ร่วมกันบังคับให้ Dorsey ออกจากตำแหน่ง CEO ด้วยเหตุผลที่ว่า Dorsey ทำตัวไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ เขาจึงถูกแต่งตั้งเป็นประธานแทน ซึ่งตำแหน่งนี้ทำให้เขาไม่มีอำนาจในการบริหารงาน
ในขณะที่คนที่รับตำแหน่ง CEO แทน Dorsey ก็คือ Williams
แต่สุดท้ายแล้วในปี 2010 Williams ก็ถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งเหมือนกัน
1 ปีหลังจากนั้น Dorsey จึงได้กลับมามีบทบาทที่ Twitter อีกครั้ง โดยการรับตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารที่ดูแลด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะกลับมาเป็น CEO อีกครั้งในปี 2015
แล้วในช่วงที่ Dorsey ไม่ได้บริหารงานที่ Twitter เขาทำอะไร ?
วันหนึ่งในช่วงต้นปี 2009 หลังจากที่ Dorsey เพิ่งโดนบังคับให้ออกจากการเป็น CEO บริษัท Twitter ได้ไม่นาน เพื่อนของเขาที่ชื่อ Jim McKelvey ก็ได้โทรศัพท์มาหา
McKelvey เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นศิลปินเป่าแก้ว ที่เปิดสตูดิโอเครื่องแก้วไปด้วย
McKelvey โทรศัพท์หา Dorsey เพื่อเล่าว่าเขาเพิ่งหัวเสียจากการพลาดโอกาสขายเครื่องแก้วมูลค่า 66,000 บาท เพราะลูกค้ามีแต่บัตรเครดิต แต่เขาไม่มีเครื่องรูดบัตรเครดิต
ทั้ง Dorsey และ McKelvey กำลังคุยโทรศัพท์กันด้วย iPhone และก็เป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ก็เริ่มมี iPhone พกติดตัวตลอดเวลา Dorsey เลยเกิดไอเดียว่าทำไมเราไม่ทำให้ iPhone กลายเป็นอุปกรณ์ใช้รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้
Dorsey และ McKelvey ที่เคยคุยกันมาสักพักแล้วว่าอยากหาโอกาสทำโปรเจกต์เจ๋ง ๆ ด้วยกัน
พวกเขาจึงได้ตกลงต่อยอดไอเดียนี้ร่วมกันทันที
ผ่านไปเพียง 1 เดือน ทั้ง Dorsey และ McKelvey ก็สามารถเปลี่ยนสมาร์ตโฟนให้เป็นเครื่องรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้
สิ่งที่พวกเขาสร้างมี 2 ส่วน อย่างแรกก็คืออุปกรณ์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก ที่มีแจ็กเพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนทางรูเสียบหูฟัง ซึ่งใช้สำหรับรูดบัตรเครดิต
อย่างที่สองก็คือ แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ที่ใช้เป็นระบบรับชำระเงิน ซึ่งการเซ็นชื่อจะใช้นิ้วมือเขียนบนหน้าจอสมาร์ตโฟนได้เลย ส่วนใบเสร็จจะเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ส่งเข้าไปที่อีเมล
พวกเขาจึงได้ตั้งชื่อบริษัท ตามรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสของอุปกรณ์ที่ใช้รูดบัตร ชื่อว่า “Square”
Square สามารถระดมทุนในรอบแรกได้ 330 ล้านบาท จากนักลงทุน เช่น
- Biz Stone ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter
- Marissa Mayer ที่เป็นอดีต CEO ของ Yahoo!
- Shawn Fanning ผู้ร่วมก่อตั้ง Napster
หลังจากนั้น Square ก็ได้เปิดตัวในปี 2010 โดยเริ่มจากการขายผลิตภัณฑ์ ผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง และบริการจัดส่งสินค้าให้ฟรี
จุดเด่นของ Square ก็คือ เมื่อสมาร์ตโฟนใช้เป็นเครื่องรูดบัตรเครดิตได้ ก็ทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่แม้จะเป็นเพียงรถเข็นขายไอศกรีมหรือพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัด ก็สามารถรับบัตรเครดิตได้ เช่นกัน
ที่สำคัญก็คือ Square คิดค่าธรรมเนียมร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ต่ำกว่าเครื่องรับบัตรเครดิตจากสถาบันการเงิน นั่นจึงทำให้ร้านค้าขนาดเล็กที่เคยลังเลกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการรับบัตร หันมาเลือกใช้ Square
ด้วยจุดเด่นเหล่านี้ ก็ได้ทำให้ Square ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่ถึงปี Square สามารถขายอุปกรณ์รูดบัตรเครดิตไปได้กว่า 50,000 ชิ้น
ความสำเร็จนี้ ก็ทำให้ Square ได้รับเงินลงทุนจนสามารถเป็นยูนิคอร์นสตาร์ตอัป หรือบริษัทที่ถูกประเมินมูลค่ามากกว่า 33,000 ล้านบาท ได้ในปี 2011 หรือหลังจากเริ่มขายสินค้าเพียงปีเดียว
แต่ความนิยมของ Square ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในกลุ่มเจ้าของร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น
เพราะกลายเป็นว่าธุรกิจขนาดใหญ่ก็หันมาใช้ระบบรับบัตรเครดิตของ Square เช่นกัน
ในปี 2013 Square จึงได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์สำหรับร้านค้า โดยใช้ชื่อว่า Square Stand
ที่เป็นการเปลี่ยน iPad ให้เป็นเครื่องรับชำระเงินตามร้านค้าหรือที่เรียกว่า “POS”
โดย Square Stand เป็น POS ที่ใช้รูดบัตรเครดิตได้ในตัว ไม่ต้องซื้อเครื่องรูดบัตรเครดิตแยก
และสิ่งที่ทำให้ Square Stand ได้รับความนิยมสูงมาก ก็คือซอฟต์แวร์ที่มากับเครื่อง POS
POS ของ Square มีระบบที่แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่จำเป็นต่อร้านค้า เช่น ผลกำไรขาดทุน ประเภทสินค้าที่ขายดี และข้อมูลทางสถิติอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์ จึงทำให้ร้านค้า สามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจตัวเอง ในมุมมองที่กว้างขึ้นและสามารถปรับตัวได้เร็ว
เรื่องดังกล่าวก็ได้ทำให้ Square มีฐานลูกค้าตั้งแต่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก อย่างเช่น คีออสก์ขายกาแฟ ไปจนถึงเชนร้านกาแฟที่ใหญ่สุดในโลกอย่าง Starbucks
อีกบริการที่มีส่วนสำคัญกับรายได้ของ Square ก็คือ Square Capital หรือการปล่อยสินเชื่อก้อนเล็ก ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก
โดย Square เข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ แต่ Square จะประเมินการให้สินเชื่อด้วยข้อมูลยอดขายจาก POS ของร้านค้าที่ใช้ Square Stand กับโมเดล AI ที่บริษัทพัฒนาเอง
นอกจากนั้น Square ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการจ่ายคืนหนี้ให้กับร้านค้า โดยอิงกับยอดการรูดบัตรเครดิตผ่าน Square Stand นั่นคือถ้ายอดขายดี ก็จะให้ร้านค้าจ่ายคืนหนี้จำนวนมากขึ้น ถ้ายอดขายลดลงก็จ่ายคืนหนี้น้อยลงได้ตาม
ทั้งหมดนี้ ก็ทำให้ Square เป็นระบบนิเวศที่มีบริการครอบคลุมความต้องการของร้านค้าอย่างครบวงจร ซึ่งนอกจากจะทำให้ Square ได้รับความนิยมมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ร้านค้าที่คิดจะเปลี่ยนบริการจาก Square ไปใช้เจ้าอื่นก็ทำได้ยากขึ้นด้วย
นอกเหนือจากระบบรับชำระเงินของร้านค้าแล้ว Square ยังได้ต่อยอดไปทำแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “Cash App” ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนกว่า 30 ล้านคน
โดย Cash App เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ให้ผู้ใช้งานผูกบัญชีส่วนตัวเข้ากับบัญชีธนาคาร เพื่อใช้ชำระเงิน โอนเงิน หรือจ่ายบิลได้
ซึ่งลูกค้าที่ใช้ Cash App ชำระสินค้าผ่านร้านที่ใช้ POS ของ Square ก็จะมี Reward ให้ด้วย
รวมถึงผู้ใช้งาน Cash App ยังได้บัตรเดบิตที่เรียกว่า Cash Card ไปใช้ฟรีด้วย
ธุรกรรมที่ทำผ่าน Cash App เกือบทั้งหมดจะให้บริการฟรี แต่จะคิดค่าธรรมเนียมบางกรณี อย่างเช่น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากร้านค้าที่รับชำระด้วย Cash Card หรือค่าธรรมเนียมฝากถอนโอนเงินแบบด่วน
นอกจากนี้ Cash App ยังได้เริ่มให้บริการเกี่ยวกับการลงทุน โดยให้บริการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีได้แล้วด้วย
ในปี 2015 หลังจากที่ Dorsey กลับไปเป็น CEO ของ Twitter ได้ไม่นาน Square ก็จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งจนถึงปัจจุบันราคาหุ้น Square ก็เพิ่มขึ้นมากว่า 27 เท่า
นั่นจึงทำให้มูลค่าหุ้น Square ที่ Dorsey ถืออยู่ มีมูลค่า 419,000 ล้านบาท
ซึ่งคิดเป็นเกือบทั้งหมดของมูลค่าทรัพย์สินที่ Dorsey มีกว่า 458,000 ล้านบาท
ขณะที่มูลค่าหุ้นของ Twitter ที่ Dorsey ถืออยู่ มีมูลค่า 37,000 ล้านบาท
จากเรื่องทั้งหมดนี้ ก็อาจทำให้เราคิดได้ว่า
ในวันที่เราถูกบังคับให้ออกจากสิ่งที่เราคิดว่าดี
แต่ในความเป็นจริง เราอาจพบกับสิ่งที่ดีกว่าหลังจากนั้นก็ได้
เหมือนกรณี Dorsey ที่ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเขาในวันนี้ มาจากบริษัทชื่อ Square ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมา หลังจากที่ Dorsey โดนบีบให้ออกจากบริษัท Twitter ในวันนั้น นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.cnbc.com/2019/10/10/how-square-became-26-billion-dollar-company.html
-https://www.businessinsider.com/fabulous-life-of-billionaire-jack-dorsey-taking-square-public
-https://www.businessinsider.com/how-jack-dorsey-came-to-invent-square-and-twitter-2012-9
-https://www.fool.com/investing/2018/11/21/square-stock-history-a-complete-timeline.aspx
-https://sec.report/Document/0001140361-21-014943/
-https://sec.report/Document/0001140361-21-012582/
-https://www.sec.gov/Archives/edgar/data/1418091/000119312513390321/d564001ds1.htm
-https://www.forbes.com/profile/jack-dorsey/?sh=570cdf2b2372
-https://finance.yahoo.com/news/rich-twitter-ceo-jack-dorsey-172600709.html
-https://squareup.com/us/en/about
同時也有4部Youtube影片,追蹤數超過38萬的網紅台灣1001個故事,也在其Youtube影片中提到,How far, or perhaps how close, are the endemic leopard cats to life and death? This time, “Orphans of the Earth” joins three orphaned baby leopard cat...
「cash cash history」的推薦目錄:
cash cash history 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
รู้จัก บริษัทผลิตธนบัตร ใหญ่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่าเกือบ 90% ของธนบัตรทั่วโลก ถูกพิมพ์โดยหน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารกลางหรือกระทรวงการคลัง เหมือนกับธนบัตรของประเทศไทย ที่พิมพ์โดยธนาคารแห่งประเทศไทย
แต่ไม่ใช่ทุกประเทศที่มีโรงพิมพ์ธนบัตรเป็นของตัวเอง
ประเทศเหล่านั้นจึงยังต้องสั่งพิมพ์ธนบัตรจากบริษัทในต่างประเทศอยู่
โดยบริษัทที่ทำธุรกิจรับผลิตธนบัตรที่ใหญ่สุดในโลก เป็นบริษัทจากประเทศอังกฤษ ที่มีชื่อว่า “De La Rue” ซึ่งก่อนที่ไทยจะมีโรงพิมพ์ธนบัตรเป็นของตัวเอง ก็เคยสั่งพิมพ์ธนบัตรจาก De La Rue มาก่อนเช่นกัน
เรื่องราวของบริษัท De La Rue มีความเป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ประเทศไทยเริ่มใช้ “ธนบัตร” เป็นครั้งแรกในปี 1902 (พ.ศ. 2445) หรือตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5
แต่ประเทศไทยเริ่มพิมพ์ธนบัตรเองเป็นครั้งแรกในปี 1941 (พ.ศ. 2484) โดยกรมแผนที่ทหารบก
ก่อนที่เราจะมีโรงพิมพ์ธนบัตรเป็นของตัวเองในปี 1969 (พ.ศ. 2512) ซึ่งอยู่ในความดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย
ก่อนที่ประเทศไทยจะเริ่มพิมพ์ธนบัตรเอง ธนบัตรรุ่นแรก ๆ ของไทยพิมพ์มาจากบริษัทในประเทศอังกฤษที่ชื่อ “De La Rue” อ่านว่า เดอ ลา รู
De La Rue เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนมาตั้งแต่ปี 1947
โดยธุรกิจหลักของบริษัทแห่งนี้ ก็คือบริการที่เกี่ยวกับการผลิตธนบัตรแบบครบวงจร ทั้งการรับออกแบบธนบัตร พิมพ์ธนบัตร รวมไปถึงขายเครื่องพิมพ์ธนบัตรและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แม้ว่าจะมีบริษัทที่รับพิมพ์ธนบัตรเหมือนกับ De La Rue เช่น
บริษัท Crane ในประเทศสวีเดนและสหรัฐอเมริกา
บริษัท Canadian Bank Note ของแคนาดา
หรือบริษัท Giesecke & Devrient ของเยอรมนี
แต่ในปัจจุบัน De La Rue เป็นบริษัทที่พิมพ์ธนบัตร มากที่สุดในโลก
โดยมีการประเมินว่า ทั่วโลกจะมีธนบัตรพิมพ์ใหม่ประมาณ 1.7 แสนล้านฉบับโดยเฉลี่ยต่อปี
คิดเป็นธนบัตรที่พิมพ์โดยบริษัทรับจ้างพิมพ์ธนบัตร 1.9 หมื่นล้านฉบับ หรือราว 1 ใน 10
ในจำนวนนั้น จะเป็นธนบัตรที่พิมพ์โดย De La Rue ราว 7 พันล้านฉบับ คิดสัดส่วนมากถึง 1 ใน 3
โดยลูกค้าของ De La Rue ส่วนใหญ่ คือธนาคารกลาง รวมถึงหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่พิมพ์ธนบัตร ในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมักเป็นประเทศขนาดเล็ก ยกตัวอย่างเช่น ประเทศคูเวต, เฮติ, กาตาร์, เปรู และนิการากัว
ประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่มีโรงพิมพ์ธนบัตรเป็นของตัวเอง เพราะการผลิตธนบัตรที่มีคุณภาพ ปลอมแปลงได้ยาก มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง รวมถึงเครื่องพิมพ์ธนบัตร 1 เครื่อง ก็จะมีกำลังการผลิตที่สูงเกินกว่าความต้องการใช้ธนบัตรในประเทศเหล่านี้มาก เรียกได้ว่าไม่คุ้มที่จะผลิตธนบัตรเองในประเทศ
การจ้างบริษัทต่างประเทศเพื่อพิมพ์ธนบัตร จึงคุ้มค่ากว่าและมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ซึ่ง De La Rue ก็ถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ธนบัตรของโลก
สำหรับจุดเริ่มต้นของบริษัท De La Rue ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 200 ปีก่อน
ในปี 1821 ที่ประเทศอังกฤษ ชายที่ชื่อว่า “Thomas de la Rue” ได้ก่อตั้งโรงงานสิ่งพิมพ์เล็ก ๆ โดยโรงพิมพ์ของเขาเริ่มมีชื่อเสียงจากการพิมพ์ไพ่ด้วยเทคนิคเคลือบมัน
ต่อด้วยการคิดค้นเครื่องพับซองจดหมาย ซึ่งได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของรูปแบบซองจดหมายมาตรฐานที่ใช้กันในปัจจุบัน รวมไปถึงการผลิตอากรสแตมป์
จนกระทั่งในปี 1860 บริษัท De La Rue เริ่มพิมพ์ธนบัตรเป็นครั้งแรกให้กับประเทศมอริเชียส
ซึ่งประเทศแห่งนี้เป็นหนึ่งในประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ก่อนที่ในเวลาต่อมา บริษัทจะเริ่มพิมพ์ธนบัตรให้ธนาคารกลางอังกฤษในปี 1914
ก่อนหน้าที่ De La Rue จะผลิตธนบัตรให้กับธนาคารกลางอังกฤษนั้น
ธนาคารอังกฤษเคยพิมพ์ธนบัตรกับบริษัท Portals มาก่อน
ในภายหลัง De La Rue ได้เข้าซื้อกิจการ Portals
De La Rue จึงกลายเป็นบริษัทเดียวที่พิมพ์ธนบัตรให้ธนาคารกลางอังกฤษ แบบในปัจจุบัน
De La Rue รวมถึง Portals ก็ถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับธนบัตร ยกตัวอย่างเช่น ในปี 1957 De La Rue เริ่มผลิตเครื่องนับธนบัตรขาย เป็นครั้งแรกของโลก
ในด้านเทคโนโลยีการผลิตธนบัตร ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1720 Portals ถือเป็นบริษัทแรกที่นำเทคนิคการพิมพ์แบบลายน้ำมาใช้กับธนบัตร
ซึ่งเทคนิคการพิมพ์ลักษณะนี้จะทำให้เนื้อกระดาษหนาบางไม่เท่ากัน มีลายนูน
ส่งผลให้ปลอมแปลงยาก เหมือนที่เรานำธนบัตรไปส่องกับแสงเพื่อดูว่าเป็นของจริงหรือปลอม
ส่วนเทคโนโลยีการผลิตธนบัตรที่ทำจากพอลิเมอร์ แม้จะถูกคิดค้นที่ประเทศออสเตรเลียในปี 1988 แต่ De La Rue ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เทคโนโลยีนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
ซึ่งในปัจจุบัน De La Rue เป็นเพียง 1 ใน 2 บริษัท ที่ขายพอลิเมอร์สำหรับทำธนบัตร และเป็นบริษัทเดียวในโลกที่ขายพอลิเมอร์ทำธนบัตร และรับพิมพ์ธนบัตรพอลิเมอร์ควบคู่ไปด้วย
การเป็นผู้นำเทคโนโลยีการพิมพ์ธนบัตร รวมถึงการสร้างความน่าเชื่อถือตลอด 200 ปีที่ผ่านมา เลยเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ De La Rue เป็นหนึ่งในบริษัทรับผลิตธนบัตร ที่เป็นผู้นำของโลก มาอย่างยาวนาน
มาถึงตรงนี้ อาจเกิดคำถามว่า โลกที่หมุนเข้าสู่สังคมไร้เงินสด
กระทบกับบริษัท De La Rue หรือไม่ ?
แม้ว่าทั่วโลกจะยังมีความต้องการใช้ธนบัตรอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะประเทศในทวีปเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง ที่ยังใช้จ่ายด้วยเงินสดเป็นหลัก
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
สะท้อนให้เห็นจากการใช้จ่ายทั่วโลกราว 20% ยังคงเป็นเงินสด
แต่สัดส่วนนี้ลดลงจาก 60% ในช่วง 10 ปีก่อนหน้า
ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายประเทศโดยเฉพาะประเทศที่เป็นผู้นำด้านการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่นประเทศในยุโรป แคนาดา และสิงคโปร์ กลับพบว่ามูลค่าธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่เป็นปัจจัยเร่งให้การใช้จ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุว่ามูลค่าธนบัตรหมุนเวียนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แม้แต่ในปี 2020 ก็ยังเพิ่มขึ้นได้ราว 8% ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ระบุว่าในปี 2020 มูลค่าธนบัตรหมุนเวียนเพิ่มขึ้นราว 11%
ซึ่งทางธนาคารกลางอังกฤษได้ให้เหตุผลว่า มูลค่าธนบัตรหมุนเวียนที่ยังคงเพิ่มขึ้นแม้การใช้จ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับความนิยมสูงขึ้น เป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่ยังมองว่าการเก็บเงินสดเป็นการเก็บของที่มีมูลค่าในตัวมันเองอยู่
จากข้อมูลเหล่านี้ เลยทำให้ผู้บริหาร De La Rue มองว่าความต้องการธนบัตร จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปได้ในอนาคต
แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจรับผลิตธนบัตรยังคงมีความเสี่ยงอีกหลายด้าน อย่างเช่น การที่ลูกค้าเป็นประเทศขนาดเล็กหรือเศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพ ความต้องการพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม จึงไม่แน่นอน
ในกรณีเลวร้ายกว่านั้นคือ สั่งพิมพ์ธนบัตรไปแล้วแต่กลับจ่ายเงินไม่ได้ อย่างกรณีของประเทศเวเนซุเอลา ที่ในปี 2018 บริษัท De La Rue ต้องบันทึกหนี้สูญ 800 ล้านบาท เพราะธนาคารกลางเวเนซุเอลาไม่สามารถจ่ายเงินค่าสั่งพิมพ์ธนบัตรได้
นอกจากนั้นแล้ว หลายประเทศที่เคยเป็นลูกค้า ก็หันมาสร้างโรงพิมพ์ธนบัตรของตัวเองกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทยที่เคยพิมพ์ธนบัตรกับ De La Rue แค่ช่วงแรก นอกจากนั้นก็มีฮ่องกงและอินเดีย โดยเฉพาะอินเดียที่เคยเป็นลูกค้ารายใหญ่ ก็หันไปพิมพ์ธนบัตรเองกันหมดแล้ว
แม้ว่า De La Rue จะไม่ได้มีธุรกิจผลิตธนบัตรอย่างเดียว แต่ยังมีธุรกิจผลิตพาสปอร์ต รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีการป้องกันไม่ให้ถูกปลอมแปลงอยู่ด้วย แต่รายได้หลักกว่า 70% ยังมาจากธุรกิจธนบัตร
แล้วผลประกอบการตามปีงบประมาณของ De La Rue ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2017 รายได้ 22,200 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 2,800 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 25,400 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 2,700 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 21,200 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 1,900 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 17,900 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 650 ล้านบาท
จากรายได้และกำไรจากการดำเนินงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็ได้สะท้อนมาที่มูลค่าของบริษัท De La Rue ในปัจจุบัน ที่มีมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปี 2017 กว่า 70%
ทำให้เราสรุปได้ว่าแม้แต่บริษัทผลิตธนบัตร ที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
ก็หนีไม่พ้นยุคแห่งความท้าทาย และการเปลี่ยนแปลง จากเทคโนโลยี เช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.ft.com/content/2585aaa7-6708-4ecc-ae60-6ddc407c6c95
-https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2019-11-26/world-s-biggest-banknote-maker-de-la-rue-is-running-out-of-money
-https://www.economist.com/business/2017/04/06/de-la-rue-rethinks-its-strategy
-https://www.bbc.com/news/business-50557097
-https://www.bbc.com/news/business-45272704
-https://www.bbc.co.uk/news/business-43807190
-https://www.forbes.com/sites/francescoppola/2020/01/30/why-is-a-company-that-prints-money-running-out-of-cash/?sh=43b903eb3b5d
-https://www.americanbanker.com/news/watermarks-an-appreciation-for-a-timeless-feature-of-currency
-https://www.delarue.com/about-us/our-history-orig
-https://www.delarue.com/investors/results-and-reports
-https://www.bot.or.th/Thai/Banknotes/HistoryAndSeriesOfBanknotes/Pages/All_Series_of_Banknotes.aspx
cash cash history 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
รู้จัก BIG3 แห่งวงการ ที่ปรึกษาธุรกิจ McKinsey BCG Bain /โดย ลงทุนแมน
บริษัทที่ปรึกษา นั้นมีอยู่หลายประเภท
แต่ถ้าพูดถึงผู้เชี่ยวชาญในเรื่อง การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ (Management Consulting)
คนส่วนใหญ่ คงต้องนึกถึง บริษัทยักษ์ใหญ่ 3 ราย
ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “BIG3” ของวงการ
BIG3 บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
บริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19
และเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น หลังเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา หรือ Great Depression ที่เกิดขึ้นช่วงปี 1929-1933
สาเหตุเนื่องจาก หลายบริษัทต้องการความช่วยเหลือ ทั้งด้านทิศทางกลยุทธ์, การบริหารจัดการต้นทุน รวมไปถึงการลงทุน เพื่อเร่งฟื้นตัวจากวิกฤติในขณะนั้น
เวลาผ่านไปเกือบร้อยปี สถานการณ์ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้นและตลอดเวลา
ก็ยิ่งทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องการที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือ มาช่วยให้สามารถก้าวตามทันตลาดหรือคู่แข่งได้
ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทที่เป็นกลุ่มผู้นำของวงการที่ปรึกษาธุรกิจ ประกอบไปด้วย 3 ราย ได้แก่
- McKinsey & Company
- Boston Consulting Group
- Bain & Company
บริษัทที่อายุมากสุดในกลุ่ม คือ “McKinsey & Company”
McKinsey ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1926 โดยคุณ James McKinsey
ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนบัญชี แต่เกิดไอเดียทำธุรกิจที่ปรึกษา โดยนำหลักการทางบัญชีมาวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเสนอแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัท
ต่อมา McKinsey ก็ได้พัฒนาองค์ความรู้เฉพาะทาง เกี่ยวกับธุรกิจประเภทต่าง ๆ เพิ่มเติม
ทำให้บริษัทมีชื่อเสียง ในเรื่องการมีผู้เชี่ยวชาญ ครอบคลุมแทบทุกอุตสาหกรรม
นอกจากนั้น บริษัทได้ใช้นโยบายที่เรียกว่า One-Firm Partnership
ซึ่งสำนักงานทุกสาขา จะใช้วัฒนธรรมองค์กรเดียวกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ
ทำให้พนักงานของ McKinsey มีมาตรฐานสูง ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในประเทศใดก็ตาม
ปัจจุบัน McKinsey มีพนักงานทั้งหมดราว 30,000 คน ใน 130 เมืองทั่วโลก
โดยอดีตพนักงาน McKinsey ที่เราอาจคุ้นชื่อกัน เช่น
คุณ Sundar Pichai ปัจจุบันเป็น CEO ของ Google
คุณ Sheryl Sandberg ปัจจุบันเป็น COO ของ Facebook
บริษัทต่อมา คือ “Boston Consulting Group” หรือ BCG
BCG ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1963 โดยคุณ Bruce Henderson
ซึ่งเดิมทีทำงานอยู่บริษัทที่ปรึกษา ชื่อว่า Arthur D. Little แต่ต่อมาตัดสินใจออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง
BCG เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง จากการใช้ข้อมูลปัจจัยภายนอก มาแนะนำกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด ซึ่งแตกต่างจากที่ปรึกษารายอื่นในอดีต ที่ส่วนใหญ่วิเคราะห์จากปัจจัยภายในของบริษัทเป็นหลัก
ตัวอย่างเครื่องมือที่ BCG คิดค้นขึ้น และหลายคนอาจเคยใช้งาน คือ Growth-Share Matrix
ซึ่งช่วยให้บริษัทเลือกจัดสรรทรัพยากร ไปในธุรกิจที่น่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่า
โดย BCG แบ่งประเภทธุรกิจ เป็นตาราง 4 ช่อง ตามอัตราการเติบโตของตลาด และส่วนแบ่งตลาด ดังนี้
- Cash Cows ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูง แต่ตลาดเติบโตต่ำ
- Stars ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูง และตลาดเติบโตสูง
- Question Marks ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดต่ำ แต่ตลาดเติบโตสูง
- Dogs ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดต่ำ และตลาดเติบโตต่ำ
ปัจจุบัน BCG มีพนักงานทั้งหมดราว 22,000 คน ใน 90 เมืองทั่วโลก
โดยอดีตพนักงาน BCG ที่ประสบความสำเร็จ เช่น
คุณ Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของประเทศอิสราเอล
คุณ Indra Nooyi อดีต CEO ของ PepsiCo
บริษัทสุดท้าย คือ “Bain & Company”
Bain ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1973 โดยคุณ Bill Bain
ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงของ BCG ที่ออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง
Bain มีชื่อเสียงในเรื่องคำปรึกษาด้านการลงทุน และดีลเข้าซื้อกิจการ
โดยมีลูกค้ากองทุน Private Equity ที่เน้นลงทุนในบริษัทที่ยังไม่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 75% ของตลาด
ซึ่ง Bain ถือเป็นที่ปรึกษารายแรก ๆ ที่คิดค่าบริการตามผลลัพธ์ของโครงการ ทำให้บริษัทสามารถร่วมประสบความสำเร็จไปกับลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว จนได้รับงานอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน Bain มีพนักงานทั้งหมดราว 9,000 คน ใน 59 เมืองทั่วโลก
โดยอดีตพนักงาน Bain ที่หลายคนน่าจะรู้จัก เช่น
คุณ Mitt Romney อดีตผู้ท้าชิง ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจากพรรครีพับลิกัน ในปี 2008 และ 2012
คุณ Susan Wojcicki ซึ่งเป็น CEO ของ YouTube
แล้วทำไมทั้งสามบริษัท ถึงครองตำแหน่ง BIG3 ได้ ?
จุดแข็งของ McKinsey, BCG และ Bain
คือ เครดิตความน่าเชื่อถือ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน
ทำให้พวกเขามีฐานลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่จำนวนมาก
และสามารถคิดค่าบริการได้ค่อนข้างสูงกว่าตลาด
พอเป็นเช่นนี้ บริษัท BIG3 จึงสามารถจ่ายเงินเดือนได้ในระดับสูง
ทำให้พนักงานเก่ง ๆ จากทั่วทุกมุมโลก อยากสมัครเข้าทำงานด้วย
ส่งผลให้ บริษัทมีผลงานที่ดีต่อเนื่อง และได้รับการยอมรับจากลูกค้าเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก
จนยากที่ผู้เล่นรายอื่น จะเข้ามาแย่งชิงตำแหน่ง BIG3 ไปได้
ซึ่งลักษณะธุรกิจที่อาศัยความได้เปรียบจากชื่อเสียงและการได้รับการยอมรับ ก็จะคล้าย ๆ กับกรณีของ “Big4” ในวงการตรวจสอบบัญชี อย่าง EY, PwC, KPMG และ Deloitte
เรามาลองดูรายได้ของแต่ละบริษัท เมื่อปี 2019
- McKinsey มีรายได้ 325,000 ล้านบาท
- BCG มีรายได้ 266,000 ล้านบาท
- Bain มีรายได้ 133,000 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กลุ่มที่ปรึกษาธุรกิจ BIG3 จะมีรายได้สูงติด 20 อันดับแรกของตลาดเลยทีเดียว
จากเรื่องนี้ เราอาจพอสรุปได้ว่า
ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ เป็นต้นทุนทางธุรกิจที่มีความสำคัญมาก
ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ย่อมมีโอกาสเสนอขายสินค้าหรือบริการได้มากกว่า
ซึ่งทำให้บริษัทเติบโต และครองส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง
เหมือนกรณีของ BIG3 ที่ปรึกษาธุรกิจ ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง
และเป็นผู้นำของตลาด มานานหลายสิบปี
หรือกระทั่งบางราย เกือบร้อยปีแล้ว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://strategycase.com/the-big-3-consulting-firms-mckinsey-bcg-bain/
-https://igotanoffer.com/blogs/mckinsey-case-interview-blog/big-3-consulting-firms-mbb
-https://en.wikipedia.org/wiki/Big_Three_(management_consultancies)
-https://www.mckinsey.com/about-us/overview
-https://www.bcg.com/about/about-bcg/overview
-https://www.bain.com/about/what-we-do/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Management_consulting#History
cash cash history 在 台灣1001個故事 Youtube 的最讚貼文
How far, or perhaps how close, are the endemic leopard cats to life and death? This time, “Orphans of the Earth” joins three orphaned baby leopard cats and records how they have been looked after, trained and released back to the wilds. Spanning over two years for shooting, this documentary also follows the first-ever release and track project of leopard cats in the history of animal conservation efforts in Taiwan. When Duyan the leopard cat fell to death in a well, we were there with the conservation experts, climbing up and down in the difficult paths and picking the bones of leopard cats. The life and death of leopard cats would instantly take us into the cruel world of leopard cats.
The documentary team also joined the latest research project on roadkill leopards, which were dissected, and parasites carefully examined; we also followed up with the cash incentive program of “leopard cat friendly farms”. With this documentary, it is our hope to enhance deeper understanding, compassion and eventually more conservation efforts for leopard cats, the only surviving feline species native to Taiwan. When the habitats are degraded and threats emerge as roadkill, canine-kill, poisons and illegal hunting, the leopard cats are pushed back to crueler survival games when they are released into the wild. It’s estimated by experts that this last native feline specie might disappear in Taiwan within 20 years.
■台灣1001個故事 說不完的故事
每周日晚間9點,請鎖定東森新聞【台灣1001個故事】唷!
更多精彩內容鎖定《台灣1001個故事》
https://www.youtube.com/user/ettvtaiwan1001
#台灣1001個故事 #白心儀 #石虎
cash cash history 在 M&K Kamera Youtube 的最佳貼文
Leica Q 相機有乜咁好?
Leica一個將感性和理性完美結合的品牌,過往Leica頂級相機只有手動對焦,而這款Leica Q相機配備全畫幅傳感器和固定焦距,採用和頂級Leica SL相機同樣的CMOS,相片質素無可置疑,而且體積細小輕便,配置自動對焦和wifi手機操控功能。非常受Leica新手和舊有粉絲的歡迎。
相關產品可參考連結:
https://www.mkkcamera.com/leica-digital-cameras/?_bc_fsnf=1&Model=Leica+Q
相機規格:
2400 萬像全片幅、28mm f/1.7 大光圈鏡頭
35mm Full Frame
鏡片組合 Leica SUMMILUX 鏡頭, 9 組 11 片, 3 片非球面鏡
感光元件種類 CMOS
ISO 感光值 100 - 50000
Wifi 和手機連收功能
重量(含電池) 640 克
歡迎 Leica 相機/鏡頭 Trade in
接受Paypal、支付寶、信用卡分期、信用卡、EPS及現金付款
齊齊影攝影器材
主店地址:
香港九龍尖沙咀赫德道1-3A號,利威商業大廈1102室
電話:(+852)2712-6000
Whatsapp:(+852)66888290
星際分店地址: 旺角山東街47-51號星際城市3樓331舖
辦公時間:星期二至六 12:00 ~ 21:00
星期日、一及公眾假期12:00-20:00
電話:(+852)2650-0289
Whatsapp:(+852)66888310
辦公時間:星期一至六 11:30 ~ 20:00
星期日休息
Facebook page: www.facebokk.com/mkkcamera
Website: www.mkkcamera.com
#leica #leica_Q #28mm #handy #camera
Combine what is technically possible with what makes sense photographically.‘ A concept that has been epitomised by Leica since Oskar Barnack laid the foundations for 35 mm photography more than a hundred years ago, with the original Leica.
This concept has been central to our company’s philosophy - based on the art of engineering on one hand, and on visionary risk-taking on the other. A philosophy that leads to innovation, rewriting photographic history again and again. As it has with the new Leica Q, a camera which continues this groundbreaking Leica tradition with a full-frame sensor and a fixed focal length.
Welcome Leica Camera / Lens trade in
Accept Credit Cards, eps and cash payments
M&K Kamera
Main shop
Rm.1102 Lee Wai Commercial Building,
1-3A Hart Avenue, T.S.T., Kowloon, Hong Kong.
Business hour: Monday to Saturday 11:30 ~ 20:00
Public holidays 11:30 ~ 19:00, Sunday close
Tel : (+852)2712-6000
WhatsApp:(+852)6688-8290
M&K Kamera
SimCity Branch:
Shop 331, 3/F, Sim City, Nos.47-51 Shan Tung Street, Mong Kok, Kowloon, Hong Kong
Business hour: Tuesday to Saturday 12:00 ~ 21:00
Sunday, Monday, Public holidays 12:00 ~ 20:00
WhatsApp:(+852)6688-8310
Website: https://www.mkkcamera.com
Website: www.mkkcamera.com
https://www.youtube.com/mkkcameradotcom
https://www.facebook.com/mkkcamera
WeChat ID : mkkamera
Line ID : mkkamera
Instagram : mkkamera
cash cash history 在 pennyccw Youtube 的最讚貼文
On May 29, 1997, Utah Jazz point guard John Stockton hit a 3-point shot over Houston's Charles Barkley as time expired to send the Utah Jazz to the NBA Finals for the first time in NBA history.
"I don't think I can describe it," Stockton said after the game. "It was a tremendous feeling."
After losing Games 3 and 4 in Houston during the series, the Jazz were on the brink of losing Game 6 in that city before mounting a comeback to set up Stockton's game-winner.
Here is a recap of the events leading up to the shot in Deseret News sports writer Richard Evans' original game report:
"The Jazz had just 2.8 seconds to make their game-winning play, after Clyde Drexler's 16-foot bank shot was rebounded by (Karl) Malone, who quickly called timeout. As the teams lined up after the timeout, Houston guard Sedale Threatt said he'd take the first guard through. That was Jeff Hornacek, leaving Drexler on the much-smaller Stockton. Hornacek had told Russell to fake a pass to him, which he did, freezing the defenders for a moment. Malone set a pick on Drexler, allowing Russell to pass to an undefended Stockton, some 35 feet from the basket. Stockton dribbled once and fired, as Charles Barkley rushed at him."
Although Stockton himself said he was foggy on the details leading up to one of the most iconic plays in franchise history, teammate Antoine Carr said that as it unfolded, Stockton didn't miss a beat.
"As soon as I saw he was wide-open and he took that little dribble, it was money," said Carr. "That was pure cash."