"ระวังการแชร์ข้อความที่อ้างรายงานของ VAERS ไปบิดเบือน ว่ามีคนมากมายที่ป่วยและตาย จากการฉีดวัคซีนโรคโควิด"
มีการแชร์ข้อความ ที่แปลมาจากบทความในเว็บไซต์ต่างประเทศ อ้างอิงรายงานของ VAERS (Vaccine Adverse Events Reporting System ของประเทศสหรัฐอเมริกา) ถึงผลข้างเคียงที่พบในคนหลังจากที่ฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 โดยอ้างว่าเป็นผลจากการฉีดวัคซีน ที่ทำให้เจ็บป่วยกันอย่างรุนแรง จนถึงเสียชีวิต นับพันราย !?
แต่เวลาอ่านรายงานทำนองนี้ ต้องระวังดีๆ นะครับ เพราะมันคือการเก็บข้อมูลสถิติของผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น "หลังจาก" การฉีดวัคซีน แต่ไม่ได้แปลว่ามัน "เกิดขึ้น" จากการฉีดวัคซีน !!
1. ประเทศสหรัฐอเมริกามีระบบ Vaccine Adverse Events Reporting System (หรือ VAERS) ที่ช่วยให้ทั้งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณชน สามารถรายงานอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับวัคซีน เพื่อที่จะได้เป็นระบบเตือนภัยสำหรับปัญหาใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดวัคซีน นำไปสู่การสอบสวนพิสูจน์กันต่อไปว่าเกิดจากวัคซีนจริง
2. แต่ข้อมูลจากระบบ VAERS บอกเราเพียงแค่ว่า มีรายงานผลกระทบเชิงลบเกิดขึ้นจริงหลังจากที่ฉีดวัคซีน โดยไม่ได้เป็นตัวพิสูจน์ว่า วัคซีนเป็นสาเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงนั้น
3. ตัวอย่างเช่น บทความที่เผยแพร่โดย Children’s Health Defense (ดูในรูปประกอบ) ซึ่งเป็นองค์กรที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน ได้อ้างว่าเกิดผลข้างเคียงขึ้นหลายพันราย รวมถึงการเสียชีวิตด้วย จากการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 โดยอ้างอิงถึงรายงานของ VAERS .. ซึ่งบทความทำนองนี้ได้รับความสนใจ และแชร์ต่อกันไปอย่างรวดเร็ว ในสื่อสังคมออนไลน์ทั่วโลก
4. ซึ่งอย่างที่อธิบายไปแล้วข้างต้น ว่าบทความทำนองนี้เป็นการนำเอาข้อมูลของ VAERS ไปใช้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม และทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะผลกระทบเชิงลบที่อยู่ในรายงานนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดจากการฉีดวัคซีน แต่เป็นเพียงแค่ผลที่บันทึกไว้ว่าเกิดขึ้น หลังฉีดวัคซีน
- ตัวอย่างเช่น ในรายงาน VAERS ก็ระบุเอาไว้ถึงจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจรหลังจากฉีดวัคซีน ทั้งที่มันก็ไม่น่าจะเกิดจากผลของการฉีดวัคซีน
- ดังนั้น ถ้าบทความที่เผยแพร่กัน มีการอ้างว่า “ในเดือนธันวาคม VAERS มีรายงานผลกระทบเชิงลบที่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด 3,916 ราย ซึ่งรวมถึงเสียชีวิต 13 ราย" ... จะทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นผลข้างเคียงมาจากวัคซีน ทั้งๆ ที่ VAERS ยืนยันว่า ข้อมูลของตนนั้นไม่ได้เป็นตัวพิสูจน์ว่าวัคซีนก่อให้เกิดผลข้างเคียงนั้นๆ
(เค้าอุปมาไว้ว่า "ไก่ขันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น" ไม่ได้แปลว่า "พระอาทิตย์ขึ้นเพราะไก่ขัน")
- หรืออย่างที่บทความพวกนี้ ชอบเขียนว่า ผลกระทบเชิงลบหลายอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนโรคโควิดแล้ว เช่น อาการแพ้ (allergic) อาการ Bell’s palsy (ใบหน้าเป็นอัมพฤกษ์ชั่วคราว) และการเสียชีวิต นั้นเป็น "ผลข้างเคียงของวัคซีน" ก็เป็นการทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดได้ ว่าวัคซีนมีอันตราย ไม่ปลอดภัย
- ทั้งๆที่ คนที่มีอาการแพ้เพราะการฉีดวัคซีน(จริงๆ)นั้น มีเป็นจำนวนน้อยมากๆ ส่วนใหญ่เป็นแค่ผลข้างเคียงทั่วไปของการฉีดวัคซีนอยู่แล้ว .. ส่วนอาการ Bell’s palsy และการเสียชีวิต ที่พบหลังจากฉีดวัคซีน ก็อยู่ในระดับที่ไม่ได้มากไปกว่าที่พบกันได้ทั่วไป ตามปกติของประชากรที่ไม่เคยถูกฉีดวัคซีน ไม่ได้พุ่งสูงขึ้นหลังจากที่มีการระดมฉีดวัคซีน ... อาการดังกล่าวจึงน่าจะเกิดโดยบังเอิญ มากกว่าจะเป็นผลข้างเคียงจากตัวของวัคซีน
5. โดยสรุปแล้ว วัคซีนโรคโควิด 19 ที่ได้รับการรับรองให้นำมาฉีดฉุกเฉินในประเทศสหรัฐอเมริกา (หรือแม้แต่ประเทศไทยเราเองนั้น) ผ่านการศึกษาผลการวิเคราะห์วิจัยทั้งหมดแล้ว ว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพก่อนที่จะนำมาใช้งานจริง ซึ่งมันอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงชั่วคราวบางอย่าง เช่น ปวดเหมื่อย ตัวร้อนเป็นไข้ อ่อนเพลีย ฯลฯ แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ก็ยังคุ้มค่าที่จะฉีด เมื่อเทียบกับความเสี่ยงในการติดโรคโควิด และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตครับ
ข้อมูลจาก https://healthfeedback.org/claimreview/vaers-reports-alone-dont-demonstrate-that-the-covid-19-vaccines-caused-adverse-events-evidence-does-not-indicate-vaccines-caused-bells-palsy-and-deaths/
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...