คีย์บอร์ด RK860/RK100 Mechanical Bluetooth Keyboard ปุ่มครบ ๆ ที่เชื่อมต่อ BT ได้ 3 อุปกรณ์, มี USB C และ ต่อแบบ Wireless แถมปุ่มแบบ Hot Swap เปลี่ยนปุ่มเมื่อเสียเป็นบางปุ่ม หรือเปลี่ยนลักษณะปุ่มได้ ที่ลองซื้อมาแบบ Red Switch แล้วใช้งานชินแล้วทำให้เข้าใจว่าเป็นคีย์บอร์ดสายซิ่งพิมพ์เร็วนี่เอง (เนื้อหานี้ก็พิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดตัวนี้เช่นกัน)...
ช่วง 9.9 ผมสั่งคีย์บอร์ดตัวนี้ส่งมาจากจีน สาเหตุก็คือ เดือนก่อนซื้อแบบ Mechanical Blue Switch มาใช้แล้วชอบ ตอบโจทย์ความพิมพ์สนุกมาก ๆ ก็เลยอยากลองแบบ Red Switch บ้างว่าเป็นอย่างไร แต่ก่อนจะไปเรื่องนั้นมาลองดูประสบการณ์หลังจากใช้งานมา 5 วันจนชิน แบบยังไม่ปรับแต่งก่อนครับ...
ตัว RK100 เป็นคีย์บอร์ดแบบ สายปุ่มเยอะ มีทั้งแถวบนที่เป็น Esc F1 - F12 และ ปุ่มฝั่ง Numpad ที่มีปุ่มตัวเลขไว้คีย์ได้สะดวก เรียกว่าถ้าคนที่ชอบปุ่มเยอะ แต่อยากให้มันมีขนาดเล็กกว่าแบบ Full Size หน่อย ก็คงมาเป็นแบบนี้แหละครับ...
สัมผัสแรกของการแกะกล่องมาใช้พบว่า ตัวคีย์บอร์ดมันมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก ส่วนนึงน่าจะเพราะแบตเตอรี่ที่ใส่มา 3,750 mAh ซึ่งถึอว่าเยอะพอใช้งานเป็นอาทิตย์ได้แม้จะเปิดไฟบนคีย์บอร์ดด้วยก็ตาม และส่วนที่ดีคือน้ำหนักที่มากคือการเกาะโต๊ะไม่เคลื่อนเมื่อโดนชนโดยบังเอิญ นอกจากนี้ในกล่องยังมีสาย USB C to A สำหรับต่อกับคอมฯ และคีมหนีบที่หนีบได้ทั้ง Keycaps และตัวสวิตซ์คีย์บอร์ด...
ระบบไฟของคีย์บอร์ดตัวนี้ เป็นไฟสีขาว ปรับรูปแบบอนิเมชั่นของไฟได้หลายแบบ และปรับความเร็วของอนิเมชั่นได้ รวมถึงปิดไฟได้ด้วยถ้าไม่ได้ต้องการใช้งาน จากบนคีย์บอร์ดเลย ซึ่งเท่าที่ลองดูในห้องที่เปิดไฟก็รู้สึกว่าต้องปิดไฟ หรือเอามือบังนิดนึงแสงถึงจะออกมาให้เห็นชัดขึ้น...
ตัวปุ่มลองแกะออกมาดู สามารถใช้คีมที่ให้มาหนีบได้เลยทั้ง Keycaps ที่เป็นฝาปุ่มกด และตัวสวิตซ์คีย์บอร์ด เพื่อเปลี่ยนสวิตซ์แบบที่ต้องการได้ หรือเปลี่ยนแทนปุ่มที่เสียก็ได้เช่นกัน...
ผมเลือกสวิตซ์ปุ่มมาแบบ Red Switch ซึ่ง สาเหตุที่เลือกก็คือตอนใช้ Blue Switch มีเสียงดัง ก็เลยลอง Red Switch บ้าง เพราะมันเป็นแบบเสียงเบา ซึ่งพอลองเอามาพิมพ์ก็พบว่า เสียงต่างกันมาก จากที่เคยพิมพ์ดังต๊อกแต๊ก ๆ กลายเป็น แกร่ก ๆ เบา ๆ เท่านั้นเอง (เบาหูไปเยอะเลย) และขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าแรงที่ใช้กดมันน้อยลง ทำให้ช่วงที่ใช้งานแรก ๆ รู้สึกว่ากดง่ายจนลั่นปุ่มไปหน่อยเวลาลงนิ้ว (ความรู้สึกคือไม่เฟิร์มต้องลงจังหวะแน่น ๆ เหมือนฝั่ง Blue Switch) แรก ๆ พิมพ์ไปก็รู้สึกว่ามันเร็วไปไหม...
แต่หลังจากใช้มา 5 วันต่อเนื่อง จนชินพบว่า ถ้าสายที่ชอบพิมพ์เร็ว พิมพ์สัมผัสแม่นยำ กดคำเรียงตัวอักษรเป็นคอมโบ มันตอบโจทย์มาก ๆ หลาย ๆ คำที่พิมพ์คล่อง ๆ พิมพ์เร็วกว่าแบบ Blue Switch มากมาย คือจังหวะลงนิ้วมันจะต่อเนื่องกันได้เร็วมากกว่า เพราะต้องรับแรงกดที่น้อยกว่า ทำเวลาพิมพ์ได้เร็ว แต่ถ้าพิมพ์สำผัสไม่แม่น มือไปก่อนก็จะเผลอกดตัวอักษรที่พลาดได้ไวเช่นกัน (พอพิมพ์เร็ว ๆ เป็นประโยคยาว ๆ ต่อเนื่องได้จะสนุกกับปุ่มลักษณะนี้)...
จุดเด่นอีกอย่างนึงที่ชอบมากของคีย์บอร์ดฝั่ง RK ที่พัฒนาจากรุ่นก่อน ๆ ในตัวนี้ก็คือ มันสามารถสลับการใช้งานระหว่าง Windows และ Mac ได้ แต่ต้องกดสลับเอง ข้อดีคือตรงปุ่ม Command, Option และ Control มันจะกดได้ถูกตำแหน่งของมัน (ใน Mac จะตั้งค่าตรงนี้สลับได้ถ้าไม่มีตัวสลับ) ทำให้ใช้งานกับ iPad ที่ไม่สามารถตั้งค่าให้ปุ่มสลับได้ราบรื่นเหมือนกับบน Mac ได้เลย...
พูดถึงจุดที่ดีไปเยอะหลายอย่างแล้ว มาลองดูจุดสังเกตกันบ้าง...
คีย์บอร์ดตัวนี้เป็นการเอาปุ่มแบบ Full Size มาย่อรวมให้กระชับพื้นที่มากขึ้น ผลก็คือเวลาที่ผมเลือกกดตัวอักษรแล้วจะมากดลูกศรล่างขวามือเพื่อควบคุมทิศทางมันจะวืดไปโดนปุ่มตัวเลข Numpad บ่อยมากในวันแรก ๆ ที่ใช้ (เพราะมันเป็นคีย์บอร์ดสายซิ่ง เวลาพิมพ์ตัวอักษรความเร็วมือมันจะไปไวมากจนเลื่อนมากดลูกศรหรือ Numpad พลาดง่าย)...
ก็เลยแก้ปัญหาโดยการ เอาปุ่ม Keycaps ที่มีความสูงต่างกัน มาใส่ตรงตัวปุ่มลูกศรขึ้นลงซ้ายขวา, ปุ่ม Enter และปุ่มที่มักจะเผลอกดเลยให้สูงขึ้นแทน ผลทำให้เวลาเลื่อนมือไปสัมผัสปุ่มนอกเลย์เอาท์ตัวอ้กษรสามารถคลำผ่านเวลาเลื่อนมือขวาไปสัมผัสได้ง่ายขึ้นนั่นเอง...
อีกส่วนที่รู้สึกก็คือ ขนาดของมันมีความกว้างและสูงที่เยอะกว่า ตัวรุ่น 61 หรือ 68 ปุ่มพอสมควร (ก็ปุ่มมันเยอะขึ้น) ทำให้รู้สึกว่าเวลาวางบนโต๊ะแล้วมีความกินพื้นที่ ดูโต๊ะแน่นขึ้นมาหน่อยนึงเลย...
ในเรื่องของ Keycaps ที่เปลี่ยน สาเหตุก็คือ ผมถนัดปุ่มคีย์บอร์ดแบบ ปุ่มต่ำมาก่อน ทำให้เวลาพิมพ์ก้าวนิ้วไม่ชอบยกนิ้วสูงมาก และคีย์บอร์ดแบบ Mechanical มันเปลี่ยนตัว Keycaps ได้ ซึ่ง Keycaps แบบที่ลดความสูงไปได้ นั่นก็คือ Keycaps แบบ XDA Profile (มีรูปประกอบเท่ียบความสูงอยู่) ซึ่งปุ่มทุกปุ่มจะมีความสูงเสมอกันและต่ำกว่าแบบปกติที่มากับตัวคีย์บอร์ด ทำให้พิมพ์ถนัดขึ้น และการวางมือและความคุ้นเคยเหมือนกับการใช้คีย์บอร์ดฝั่ง Blue Switch ที่เปลี่ยน Keycaps แบบเดียวกันไปก่อนหน้า...
ถ้าให้สรุปสำหรับคีย์บอร์ดตัวนี้ ก็คงเป็นเรื่องการที่มีปุ่มที่เพิ่มมากขึ้น เหมาะกับคนที่ยังต้องกดสลับภาษาด้วยปุ่ม Grave Accent ( ` ) , ยังคงต้องใช้ปุ่ม F1 - F12 อยู่ และยังต้องใช้ปุ่มตัวเลขฝั่ง Numpad ก็ยังสามารถใช้ได้เหมือนเดิม โดยขนาดเล็กลงกว่าแบบ Full Size 104 Keys แบบมาตรฐาน...
ถ้าพูดถึงเรื่องความคล่องหลังจากที่ลองมา 3 วันก่อน อาจจะรู้สึกว่าแบบ Blue Switch จะพิมพ์ได้เฟิร์มกว่า แต่หลังจากที่ลองจนพิมพ์ได้คล่องก็พบว่า แบบ Red Switch ก็พิมพ์ข้อความรวบคำได้่รวดเร็วและลื่นไหลกว่าเช่นกัน ดังนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนแล้วล่ะครับ ว่าชอบแบบไหน แต่ที่แน่ ๆ เรื่องความเงียบของการพิมพ์สัมผัสแบบเร็ว ๆ นั้นตอบโจทย์แน่ ๆ และยังคงความเด้งของปุ่มที่ทำให้พิมพ์สนุกด้วย...
Mechanical Gaming Keyboard Royal Kludge RK860/RK100 แบบ Hotswap เปลี่ยนปุ่มได้ ผมสั่งมาจาก Shopee ร้าน sxztech > https://shp.ee/uifkfe7
คีย์บอร์ดเลือกสีขาวและดำได้ รวมถึงสวิตซ์ก็เลือกได้ทั้งแบบ Blue Switch, Brown Switch และ Red Switch เช่นกัน...
> https://shp.ee/gax7hn7 (1,733.- เท่ากันทุกแบบ)...
ส่วน Keycaps แบบ XDA Profile ครั้งนี้ ผมลองเปลี่ยนร้านให้ถูกลงกว่าร้านเดิม > https://shp.ee/z9s37st (572.-) มาเป็นอีกร้าน ก็ส่งจากจีนมาถึงไทยไวพอ ๆ กับคีย์บอร์ดครับ...
> https://shp.ee/sjm9n2j (499.-)
*Disclosure: เนื้อหานี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใด ๆ ...
同時也有249部Youtube影片,追蹤數超過10萬的網紅BETHNI Y,也在其Youtube影片中提到,今日的vlog都係一些日常生活的片段,但係希望可以帶到點正能量俾大家吧❤️ Instagram: http://instagram.com/bethniy Facebook - http://facebook.com/bethniblog Blog - http://www.bethni...
full disclosure 在 Facebook 的最佳解答
กล้อง webcam IMILAB 1080p ราคา 699 ต่อได้ทั้ง PC และ Mac มีไมค์ในตัว ความละเอียด Full HD 1080p ใช้ทำงานอะไรได้บ้าง???
สำหรับยุคปัจจุบันการเรียน, ทำงานที่บ้าน, ประชุมออนไลน์ หรือนำเสนองาน กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว บางคนใช้ PC ที่ไม่มีกล้อง หรือ หรือโน๊ตบุ๊คพีซี และ Mac ในการทำงานแล้ว ประสิทธิภาพไม่เป็นไปตามที่ต้องการ...
หรือปัญหาในการนำเสนองานผ่านกล้องติดจอโน๊ตบุ๊คแล้วไม่ชัด ทำให้ไม่สามารถนำเสนองานประสิทธิภาพได้ (โดยเฉพาะงานที่ต้องแสดงผลงานให้ดูเป็น Hardcopy หรือโมเดลต่าง ๆ ) กล้อง Webcam ที่มีคุณภาพดีจึงอาจจะเป็นตัวเลือกในการใช้งาน...
หลังจากที่ได้ลอง IMILAB webcam แล้วก็พบว่า เป็นกล้องที่แม้ราคาจะถูก แต่เรื่องความละเอียดและความคมชัดถึงระดับ Full HD นั้น ทำได้ในระดับที่พอใจ มีไมค์ในตัวให้เสียงที่ชัด สามารถติดตั้งได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะวางบนโต๊ะ หรือสิ่งของต่าง ๆ หรือวางบนสันจอคอม แม้กระทั่งหมุนเกลียวกับขากล้องก็สามารถทำได้เช่นกัน...
นอกจากนี้แล้วยังสามารถที่จะเสียบเข้าคอมทั้ง PC และ Mac และมองเห็นเป็น USB Camera ใช้งานได้เลย โดยเข้าโปรแกรมต่าง ๆ ที่ใช้งานประชุมหรือเรียนออนไลน์ หรือวิดีโอคอล แล้วเลือกกล้อง หรือไมค์ให้เป็น USB Camera ก็สามารถใช้งานได้แล้ว...
ข้อดีคือไม่ต้องลงไดร์เวอร์หรือโปรแกรม ก็สามารถใช้งานกับโปรแกรมที่มีอยู่ได้เลย...
เท่าที่ลองดูคุณภาพของภาพพบว่า ชัดขึ้นมากเมื่อเทียบกับกล้องติดจอโน๊ตบุ๊ค รวมถึงภาพให้มุมที่ค่อนข้างดีในเหมาะแกการนำเสนอผลงานที่ต้องการความชัด และมุมกล้องที่กว้างได้อีกด้วย เป็นตัวช่วยในการทำงานออนไลน์ หรือประชุมออนไลน์ได้เป็นอย่างดี...
ส่วนคนที่นำไปใช้เพื่อการสตรีมเกม หรือแคสเนื้อหาต่าง ๆ ผ่านทางออนไลน์ ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงเช่นกัน...
กล้อง IMILAB webcam ราคา 699 บาท ตัวกล้องประกัน 15 เดือน เสียเปลี่ยนตัวใหม่ มีจำหน่ายแล้วที่ imilab thailand official ทั้ง 3 แพลตฟอร์มได้แก่...
Shopee : https://shp.ee/tgmqpxa (699 บาท)
Lazada : https://bit.ly/3fncuz4 (679 บาท)
JD Central : https://u.jd.co.th/tVt8WZf (678 บาท)
ตอนนี้ imilab Webcam จะมีลดราคาเพิ่มอีกหน่อยในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ผ่าน IMILAB Brand Day
IMILAB Webcam จะเริ่มตอน 12.00 - 18.00 น. ใช้โค้ดตามช่วงเวลาลดเหลือ 509.- > https://shp.ee/4pzrgsd ใครเล็งไว้ก็กดให้ทันครับ...
*Disclosure: เนื้อหานี้ ได้รับการสนับสนุนกล้องวงจรปิดมาเพื่อให้ทดลองรีวิวจาก IMILAB Thailand Official
full disclosure 在 Facebook 的精選貼文
กล้องวงจรปิด imilab c20, c21 และ c30 ต่างกันอย่างไร??? วันนี้มาลองให้ดูแล้วครับ...
สำหรับกล้องวงจรปิดในบ้านนั้น สำหรับหลาย ๆ คนแม้แต่ตัวผมเองก็งง เวลาจะเลือกกล้องแต่ละตัวเข้าบ้าน ส่วนนึงก็เพราะสเปคที่ยาว และมีฟังชั่นการทำงานงานหลายอย่างจนเลือกไม่ถูกว่าจะเอาอันไหน พอดีผมมีอยู่ในมือ 3 ตัว ก็เลยเอามาลองให้ดูครับ...
สำหรับกล้อง c20 นั้น ราคาต่ำสุด 790 บาท, c21 1290 บาท และ c30 1390 บาท...
เอาง่าย ๆ ผมเอาตัว c20 เป็นพื้นฐานเลยละกันจะมีฟังชั่นการทำงานพื้นฐานที่ครบถ้วนแล้วครับ...
- ความละเอียด 1080p
- เชื่อมต่อสัญญาณ Wifi 2.4G
- หมุนรอบตัวได้ 360 องศา และบนล่าง
- ไฟล์วิดีโอแบบ H265 ไฟเล็กภาพชัด
- มีฟังชั่นตามคนที่เคลื่อนไหวในห้อง
- มีฟังชั่นจับภาพสีแม้แสงน้อยมาก
- ตัวกล้องเปิดส่ายสายตาไปรอบ ๆ ห้อง
- ทำงานในที่มืดสนิทได้ (Night Vision)
- แจ้งเข้าตัวแอปเมื่อมีเสียงร้องเสียงแหลม
- บันทึกทั้งภาพและเสียง
- โทรไปยังตัวกล้องเพื่อคุยได้
- ดึงภาพและเสียงเข้าเซฟเข้ามือถือทันที
แต่ c21 จะมีเพิ่มมาคือได้ความละเอียดของวิดีโอ 2.5K (2560x1440p) ที่ละเอียดและชัดกว่า และมี Low light full colour ที่ให้ภาพที่มีสีเมื่อมีแสงน้อย แม้แต่จากแหล่งกำเนิดไฟเล็ก ๆ เพียงดวงเดียว...
ส่วนใน c30 นั่น จะเพิ่มมาจากสองตัวบนก็คือ รองรับ Wifi 5G ด้วยทำให้ ส่งภาพแบบ realtime ได้เร็วกว่า และเพิ่มฟังชั่นสแกนรอบ ๆ ตัวคนที่เคลื่อนไหวในภาพนอกจากการจับภาพที่ตัวบุคคลอย่างเดียวเท่านั้น (AI Criuse)
พอสรุปตามข้างบนก็พอจะเห็นภาพได้ง่ายขึ้นใช่ไหมครับ เพราะที่เหลือคือการจ่ายเพิ่มเติมกับฟังชั่นที่เติมเข้ามานั่นเอง...
ส่วนเท่าที่ผมใช้งานหลังจากที่ใช้กล้องวงจรปิดรุ่น 2-4 ปีที่แล้วในบ้าน ก็พบว่า ภาพมันชัดขึ้นมาก รวมถึงเสียงที่ได้จากในกล้องนั้น เก็บเสียงมาได้ดี แม้แต่เสียงที่พูดคุยสนทนาก็ยังฟังออกชัดเจน และความสดของสีภาพก็ทำได้ดีมาก ๆ ...
นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปบันทึกภาพ หรือวิดีโอ จากกล้องวงจรปิดด้วยแอป imilab homeในมือถือได้ทันที และเซฟลงมือถือโดยไม่ต้องรอดึงไฟล์จากก้องมา...
การตามตัวบุคคลในห้องนั้น เมื่อเปิดโหมด Human Tracking นอกจากกล้องจะส่ายไปมา แล้ว เมื่อไปเจอคนที่ขยับ กล้องก็จะแพนกล้องไปที่ตัวคนที่เคลื่อนไหวทันที โดยไม่ยอมปล่อยให้หลุดจากสายตาของกล้องเลย (ส่วนรุ่น C30 จะมี AI Cruise ที่ช่วยแพนกล้องสังเกตรอบ ๆ ตัวคนที่ขยับอยู่ด้วย ว่ามีอะไรรอบ ๆ ตัวคนที่ขยับนั้นอยู่หรือเปล่า)...
ส่วนการบันทึกวิดีโอ สามารถบันทึกทับวนต่อไปได้ ส่วน SD Card ที่เลือกใช้ควรมีขนาด 64GB เพื่อจะได้เก็บหลักฐานข้อมูลได้นานมากขึ้น...
กล้องทุกตัวสามารถที่จะทำงานในห้องมืดได้โดยจะมี Night Vision ที่จะทำให้เห็นภาพเป็นขาวดำ และมีความชัดมาก...
ส่วนรุ่น c21 และ c30 จะมีฟังชั่น Low light Full Color ที่จะให้ภาพเป็นสีเพียงแค่มีแหล่งกำเนิดแสงในห้องแค่นิดเดียว (ไม่มืดสนิท) ทำให้เก็บข้อมูลหลักฐานได้ดียิ่งขึ้น...
สำหรับกล้อง imilab c20, c21 และ c30 นั้น วางจำหน่ายแล้วที่
imilab Thailand Official ใน Shopee...
imilab c20 : https://shp.ee/6uwuhki (790.-)
imilab c21 : https://shp.ee/58trq3i (1,290.-)
imilab c30 : https://shp.ee/taq9szy (1,390.-)
imilab official บน Lazada
imilab c20 : https://bit.ly/3rLy5Xa (790.-)
imilab c21 : https://bit.ly/3jdFF8X (1,290.-)
imilab c30 : https://bit.ly/3jeyTQp (1,390.-)
imilab official บน JD Central
imilab c20 : https://u.jd.co.th/tstGC3T (790.-)
imilab c21 : https://u.jd.co.th/tmt8VgN (1,399.-)
imilab c30 : https://u.jd.co.th/tht8etY (1,490.-)
ส่วนรุ่นอื่น ๆ ดูได้ใน imilab shopee : https://shp.ee/hqmu6bi
ส่วนคนที่ชอบของลดราคาวันที่ 3 สิงหาคมนี้ จะมี imilab super brand day ลดราคา กล้องทุกตัวตามราคาดังนี้ครับ...
- imilab c20 ลดเวลา 12.00 - 18.00 น. ใช้โค้ด "ZTP88" เหลือ 509 บ.
https://shp.ee/evm49sq
- imilab pro A1 ลดเวลา 02.00 - 12.00 น. ใช้โค้ด "ZTP88" เหลือ 679 บ.
https://shp.ee/jjsaqvs
-imilab c21 ลดเวลา 18.00 - 21.00 น. ใช้โค้ด "ZTP88" เหลือ 849 บ.
https://shp.ee/fipe59a
-imilab ec3 กล้อง outdoo นอกบ้าน เริ่มลดเที่ยงคืนตรง 00.00 - 02.00 น. ใช้โค้ด "ZTP88" เหลือ 1,199 บ.
- https://shp.ee/sqxas22
-imilab c30 เริ่มลดเที่ยงคืนตรง 00.00 - 02.00 น. ใช้โค้ด "ZTP88" เหลือ 1,149 บ.
- https://shp.ee/9iqfvma
โดยโค้ดส่วนลดจะมีจำกัดนะครับ ดังนั้นอาจจะใส่ตระกร้าไว้ก่อนและถึงเวลาไปกดใช้โค้ดแล้วจ่ายน่าจะเร็วกว่าครับ...
*Disclosure: เนื้อหานี้ ได้รับการสนับสนุนกล้องวงจรปิดมาเพื่อให้ทดลองรีวิวจาก imilab thailand official
full disclosure 在 BETHNI Y Youtube 的最讚貼文
今日的vlog都係一些日常生活的片段,但係希望可以帶到點正能量俾大家吧❤️
Instagram: http://instagram.com/bethniy
Facebook - http://facebook.com/bethniblog
Blog - http://www.bethni.com
Business Inquiries Only:
info@bethni.com
m e n t i o n e d:
[全自購]
nutrition kitchen - nutritionkitchenhk.com
childsafe knives - https://amzn.to/2S01m2L
veryverysticky labels - www.veryverysticky.com
label printer - PTP300BT P-Touch - www.brotherhk.com
DISCLOSURE
This video does not include any paid partnerships.
Click here to read my full disclaimer: http://goo.gl/DATgO6
full disclosure 在 BETHNI Y Youtube 的精選貼文
❤️ Hope you guys like today's vlog! Wanted to go back to basics, capture more raw and real footages.. hope it's not too boring for you guys ?
Instagram: http://instagram.com/bethniy
Facebook - http://facebook.com/bethniblog
Blog - http://www.bethni.com
Business Inquiries Only:
info@bethni.com
DISCLOSURE
This video does not include any paid partnerships.
Click here to read my full disclaimer: http://goo.gl/DATgO6
full disclosure 在 BETHNI Y Youtube 的精選貼文
大家經常問我可唔可以拍Chanel Collection, 今日同大家分享我最常用至最少用嘅Chanel手袋,裝到幾多嘢 同埋大致嘅用後感~ 希望幫到大家!
你最鍾意邊一個呢?而邊一個袋你覺得可以放咗佢呢~?
♡ 影片只供參考,每個人膚質唔同,追求嘅野亦都唔同。請按返個人需要去決定一件產品到底適唔適合自己!
Instagram: http://instagram.com/bethniy
Facebook - http://facebook.com/bethniblog
Blog - http://www.bethni.com
Business Inquiries Only:
info@bethni.com
Black Classic Medium Single Flap - Patent - PHW
Navy Boy Chanel Medium - Lambskin - Shiny GHW
Nude Boy Chanel Medium - Lambskin - Matte GHW
Black Classic Flap Medium - Lambskin - GHW
Nude Square Mini - Lambskin - Matte GHW
Mini Vanity (Black & White) - Lambskin
DISCLOSURE
This video does not include any paid partnerships.
Click here to read my full disclaimer: http://goo.gl/DATgO6