ประเทศไทยยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด –19 ได้ดี แต่ผลคาดการณ์เศรษฐกิจกลับแย่ที่สุดเอเชีย
ประเทศไทยได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นประเทศที่ได้รับความสำเร็จในการยับยั้งการระบาดของไวรัส โดยผ่านมาแล้วกว่า 50 วัน ที่ไม่มีการแพร่เชื้อในโควิด -19 ในประเทศแต่มุมมองทางเศรษฐกิจนั้นมืดมนที่สุดในเอเชีย
.
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาคาดการณ์อีกครั้งเมื่อ ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ว่า GDP ของประเทศจะหดตัวลง 8.1% ในปี 63 นี้ เพิ่มจากที่ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าจะลดลง 5.3%
.
นับว่านี่เป็นตัวเลขที่เลวร้ายยิ่งกว่าการคาดการณ์ GDP ของเหล่าประเทศที่กำลังเติบโตในด้านเศรษฐกิจทั่วเอเชีย และครั้งนี้อาจจะได้นับว่าจะเป็นการหดตัวของ GDP ที่มากที่สุดของประเทศไทยในรอบ 20 ปี จากที่เคยลดลงหนักที่สุด 7.6% ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง
.
สาเหตุแรกเนื่องมาจากประเทศไทยนั้น 15 % ของ GDP มาจากการท่องเที่ยว ซึ่งในเวลานี้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของ ปี 2562 ที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 39.8 ล้านคน แต่สำหรับในปี 2563 บลูกเบิร์ก คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาแค่ 8 ล้านคน และในปี 2564 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา 16.3 ล้านคน แม้จะทางภาครัฐจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ อย่างโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักมาตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่พบว่ามีการใช้สิทธิ์จองห้องพักไปประมาณ 132,000 สิทธิ์เท่านั้น ซึ่งก็เป็นไปได้ว่ากว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาช่วยให้ GDP ไทยเติบโตขึ้นได้ก็อีกว่า 2 -3 ปีเลยทีเดียว
.
อีกสาเหตุมาจากภาคการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่อง มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยหดตัวที่ 23.6% เนื่องมาจากความต้องการสินค้าของประเทศคู่ค้านั้นลดน้อยลง
.
รวมถึงผลจากมาตรการเคอร์ฟิว การล็อกดาวน์กิจการ กิจกรรมต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้เกิดการลดลงของการใช้จ่ายเพื่อทำการค้าในภาคธุรกิจ และในภาคครัวเรือนเองก็ลดการใช้จ่ายลงเช่นกัน ผลจากการลดลงของความต้องการด้านอุปสงค์ทำให้ภาคการลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศลดลงไปด้วย
.
นอกจากนี้ยังมีค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถึงร้อยละ 6 ในช่วงสามเดือนแรกของปี จนเป็นลำดับที่สองของเอเชียก็เป็นอุปสรรคต่อทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
.
จะเห็นได้ว่าการคาดการณ์สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น ผกผันกับความพยายามแก้ไขปัญหาโรคระบาด ที่ประเทศไทยนั้นติดอันดับ 2 จาก 189 ประเทศที่ดีที่สุด โดยเป็นรองแค่ประเทศเดนมาร์คที่ได้อันดับ 1 ในการฟื้นตัวจากโควิด-19 จากข้อมูลดัชนีโควิด-19 ระดับโลก (Global COVID-19 Index) ซึ่งจัดทำโดยองค์กรระดับต้นๆ ของมาเลเซียและองค์การอนามัยโลก
.
ในขณะที่ประเทศอินเดีย ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด – 19 สะสมมากที่สุดในเอเชีย กลับมีการคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ลดลงอยู่ที่ 3.2% และประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงที่สุดในอาเซียน ก็มีอัตราการเติบโตของ GDP ลดลงอยู่ที่ 1%
.
ที่มา
https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-07-06/here-s-why-thailand-s-dire-economic-outlook-is-the-worst-in-asia?
https://www.bot.or.th/App/BTWS_STAT/statistics/ReportPage.aspx?reportID=409&language=th
https://covid19.pemandu.org/?fbclid=IwAR2f9-Nj-0oZp5ZvuDdiFXe1nmO-bOlhVju-Ilj66innaR4ShwREc9GJ_IU
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#GDP #เศรษฐกิจ #ไวรัสโคโรน่า2019
「gdp การท่องเที่ยว 2562」的推薦目錄:
gdp การท่องเที่ยว 2562 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
10 อันดับประเทศผู้นำด้านการท่องเที่ยวของโลก!
สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) สรุปภาพรวมตลาดการเดินทางและการท่องเที่ยวของโลก ปี 2562 พบว่า ปี 2562 เป็นอีกหนึ่งปีของการเติบโตที่แข็งแกร่งสำหรับภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยค่าเฉลี่ยการเติบโตของ GDP การเดินทางและการท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่ที่ 3.5% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ 2.5% ติดต่อกันเป็นปีที่ 9 ทั้งนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าภาคธุรกิจการท่องเที่ยว มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการสร้างงานให้ผู้คนทั่วโลก
.
สำหรับในด้านของประเทศไทย อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนับว่าเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจอื่นๆ ในประเทศ ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 14 ของมูลค่า GDP ด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8% โดยกลายเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากที่สุดถึง 71% อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีการจ้างงานในสายงานด้านการท่องเที่ยวทั้งหมด 8 ล้านตำแหน่ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก
.
อย่างไรก็ตามในปี 2562 ถือว่าเป็นปีทองของภาคธุรกิจการท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ในปัจจุบัน กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว ทั้งที่ระยะเวลาห่างกันเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ลุกลามไปทั่วโลก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างหยุดชะงักการเดินทาง ซึ่งผลที่ตามมาคือ ภาคธุรกิจท่องเที่ยวทรุดตัวหนัก เนื่องจากไม่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวเข้ามาจุนเจือในธุรกิจ แน่นอนว่ากระทบกับภาคธุรกิจอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
.
สำหรับปี 2563 สถานการณ์โดยรวมของการแพร่ระบาดมีแนวโน้มดีขึ้น ภาคธุรกิจต่าง ๆ ก็กลับมาเปิดให้บริการได้ แต่จะหวังให้ธุรกิจฟื้นตัวเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับปีที่แล้วคงเป็นไปได้ยาก สิ่งที่ทุกคนทำได้ในตอนนี้ คือช่วยกันสนับสนุนภาคธุรกิจทั้งการท่องเที่ยวและภาคส่วนอื่นๆ ให้เกิดการซื้อขายหรือจับจ่าย เพื่อเป็นการช่วยขับเคลื่อนให้ภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวและเติบโตขึ้นได้อีกครั้ง
ที่มา : https://wttc.org/Research/Economic-Impact?fbclid=IwAR3ygZtqLrgOBa5Cb50HJwUBzWwEyU6WlYqZaGedG3lu7lATSObqIisjtpQ
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#การท่องเที่ยว #ท่องเที่ยวไทย #WTTC #GDP