Epic Games ธุรกิจทำแพลตฟอร์มให้ นักพัฒนาเกม มูลค่าแสนล้าน /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงเกมประเภทหนีเอาตัวรอด หรือ Battle Royale ที่เป็นที่นิยมในช่วงที่ผ่านมา หลายคนก็น่าจะนึกถึง PlayerUnknown's Battlegrounds หรือ PUBG และ Fortnite
ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่ นับเป็นคู่แข่งกัน แต่เรื่องที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่รู้ก็คือทั้ง 2 บริษัทต่างถูกพัฒนาขึ้นบน Game Engine หรือ ซอฟต์แวร์ในการสร้างเกมตัวเดียวกัน ที่มีชื่อว่า “Unreal Engine”
ซอฟต์แวร์ดังกล่าว ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Epic Games ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสตาร์ตอัปยูนิคอร์น
ปัจจุบัน ถูกประเมินมูลค่าไว้มากถึง 9.5 แสนล้านบาท
ใครกันที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้
แล้วธุรกิจ Game Engine น่าสนใจขนาดไหน ?
ลงทุนแมนจะมาเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
สำหรับผู้ก่อตั้ง Epic Games นั่นก็คือ “Tim Sweeney”
Sweeney เกิดในปี ค.ศ. 1970 ที่เมือง Potomac รัฐ Maryland
ในวัยเด็ก เขามีความสนใจในการซ่อมแซมอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นการแยกส่วนเครื่องตัดหญ้า หรือลองประกอบรถโกคาร์ตด้วยตัวเอง
และอีกสิ่งหนึ่งที่ Sweeney สนใจไม่แพ้กันคือการเล่นเกมและการเขียนโปรแกรม
โดยเกมที่เขาชื่นชอบมากที่สุดคือเกม Adventure จากบริษัท “Atari” ผู้พัฒนาเกมชื่อดังในยุคนั้น
จนเมื่อเขาอายุได้ 11 ปี เขาได้รับ Apple II คอมพิวเตอร์ส่วนตัวจากพี่ชาย
ด้วยความที่หลงใหลในการเล่นเกม ทำให้เขาเริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดยเป้าหมายของ Sweeney ในตอนนั้นคือ เขาต้องการสร้างเกม Adventure ภาค 2 ขึ้นมาเอง
Sweeney บอกว่าเขาใช้เวลาเกินกว่า 10,000 ชั่วโมง ในการศึกษาขั้นตอนการเขียนโปรแกรม โดยใช้ข้อมูลจากกระดานข่าวออนไลน์
และแม้จะไม่สามารถสร้าง Adventure 2 สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้
แต่การศึกษาหาข้อมูลครั้งนั้นก็ได้กลายเป็นทุน
ที่ทำให้เขามีความสามารถในการเขียนโปรแกรมติดตัว
ปี ค.ศ. 1989 Sweeney ได้เข้าเรียนที่ University of Maryland ในสาขาวิศวกรรมเครื่องกล
โดยในระหว่างที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เขามีความคิดที่จะสร้างเกมขึ้นมาเพื่อขาย
เขาจึงได้ก่อตั้งบริษัท “Potomac Computer Systems” ขึ้นมา
หลังจากใช้เวลาอยู่ร่วม 9 เดือน เขาก็สามารถสร้างเกมแรกของเขาเองได้สำเร็จ โดยใช้ชื่อว่า “ZZT”
Sweeney เลือกใช้โมเดลในการขายเกมแบบ Shareware หรือการให้ทดลองเล่นก่อน
โดยเขาได้รับความช่วยเหลือจากคุณ Scott Miller ผู้ก่อตั้งบริษัท Apogee Software
ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการใช้โมเดลแบบ Shareware ในการทำการตลาด
มาถึงจุดนี้ Sweeney สามารถสร้างรายได้วันละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ จากการขายเกม
พอเริ่มเห็นว่าธุรกิจเกมที่เขาหลงใหลมาตั้งแต่เด็กไปได้สวย
เขาจึงตัดสินใจหยุดเรียนและเลือกเส้นทางนี้แบบจริงจัง
และได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Epic MegaGames” เพื่อให้ดูเป็นทางการมากขึ้น
หลังจากก่อตั้งบริษัท และดำเนินการมาได้ระยะหนึ่ง เขาพบว่าตัวเขาเองยังคงขาดทักษะบางอย่างในการสร้างเกม รวมทั้งยังขาดความสามารถในการบริหารบริษัท
ซึ่งจุดนี้ ทำให้เขารู้ว่าด้วยตัวเพียงคนเดียว ไม่สามารถทำให้บริษัทเติบโตได้
ส่งผลให้ในเวลาต่อมา Sweeney จึงรวบรวมคนเพื่อมาช่วยให้บริษัทเติบโตได้
และในปี ค.ศ. 1992 เขาก็ได้พบกับเพื่อนร่วมงานอีกคน นั่นก็คือ “Mark Rein”
การเข้ามาของ Rein ทำให้บริษัทเติบโตได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากการบริหารจัดการในบริษัทมีความเป็นระเบียบมากขึ้น
โดยที่ Rein จะคอยรับผิดชอบด้านการบริหารจัดการองค์กร
ซึ่งก็ทำให้ Sweeney สามารถโฟกัสการพัฒนาเกมได้อย่างเต็มที่
และหลังจากนั้นไม่นาน ไอเดียของ Sweeney ที่ต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์
สำหรับผู้พัฒนาเกมก็ได้เกิดขึ้น ซึ่งซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีชื่อว่า “Unreal Engine”
แล้วซอฟต์แวร์สำหรับพัฒนาเกม มันคืออะไร ?
Game Engine เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสร้างและพัฒนาเกม
โดยทุก ๆ เกม จะต้องถูกสร้างผ่าน Game Engine ต่าง ๆ ที่มีอยู่
หากเปรียบเทียบ เกมเป็นเหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง
Game Engine ก็เปรียบเสมือน “เครื่องยนต์” ที่ทำให้รถคันนั้นขับเคลื่อนได้
โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถแบ่งประเภทของ Game Engine ออกได้เป็น 2 กลุ่มด้วยกัน
1. In-house Engine
คือ Game Engine ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับเกมในค่ายตัวเองเท่านั้น
ไม่มีการเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้ เช่น Rage Engine ที่ใช้ในเกม Rockstar GTA
2. Game Engine ที่เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้
โดยมีทั้งรูปแบบฟรี เสียค่าบริการรายเดือน หรือคิดค่าบริการ
ตามรายได้ที่เกมนั้น ๆ สามารถทำได้ ตัวอย่างซอฟต์แวร์ประเภทนี้ในตลาด ก็เช่น
- Unity ที่ใช้ในการสร้างเกม Among Us
- Source 2 ที่ใช้สร้างเกม Dota 2
- Unreal Engine ของทาง Epic Games
โดยเกมแรกที่ได้นำซอฟต์แวร์ของ Sweeney ไปใช้มีชื่อว่าเกม “Unreal” เป็นเกมแนว FPS หรือเกมยิงปืนที่เรารู้จักกัน เช่น Counter-Strike
โดยเกม Unreal ถือว่าเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากสะท้อนให้เห็นจากยอดขาย 1.5 ล้านแผ่นในปี 2002
หลังจากประสบความสำเร็จจากเกม Unreal
Sweeney ก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทอีกครั้ง
จาก Epic MegaGames มาเป็น “Epic Games” ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนี้
อีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของทาง Epic Games คือการสร้างเกม Gears of War หลังจากเปิดตัวภาคแรกไปในปี ค.ศ. 2006 ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
ทางบริษัทพัฒนาเกมมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีด้วยกันมากถึง 5 ภาคและมีภาคเสริมอีก 3 ภาค
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2017 ทาง Epic Games เองได้ทำการเปิดตัว Fortnite
เกมนี้เอง ก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก
เพราะหลังจากเปิดตัวได้เพียง 2 ปี Fortnite ได้กวาดรายได้ไปกว่า 56,000 ล้านบาท
ซึ่งนับเป็นรายได้จากเกม ที่มากที่สุดในโลก
สำหรับจิกซอว์ตัวสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเกมเหล่านี้
แน่นอนว่าก็คือซอฟต์แวร์สำหรับพัฒนาเกมอย่าง Unreal Engine
เรามาดูกันว่าผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ให้คนอื่นนำไปผลิตเกม หาเงินอย่างไร ?
โดย Unreal Engine มีลักษณะแบบเปิดให้ใช้งานได้ฟรี
แต่มีเงื่อนไขคือ หากเกมที่ใช้ Unreal Engine สามารถสร้างรายได้
เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32 ล้านบาท
ผู้พัฒนาจะต้องเสียค่าบริหาร 5% ของรายได้ ให้กับทาง Epic Games
ปัจจุบัน Unreal Engine ได้พัฒนามาถึงเวอร์ชันที่ 5 หรือเรียกว่า Unreal Engine 5
และถือเป็น Game Engine อันดับต้น ๆ โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 13%
ซึ่งซอฟต์แวร์ตัวนี้ได้กลายมาเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของเกมทั่วโลก
ยกตัวอย่างเช่น Final FANTASY VII Remake ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีก่อน
หรือแม้แต่เกม PUBG ซึ่งถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Fortnite ก็ใช้ Unreal Engine เช่นเดียวกัน
แล้วเรื่องราวของ Epic Games สะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง ?
Sweeney สะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะหลงใหลในอะไรก็ตาม
เราสามารถใช้มันเป็นจุดตั้งต้นของการก่อตั้งธุรกิจได้ทั้งนั้น
อย่างตัวเขาเอง ที่ชื่นชอบในการเล่นเกม
แทนที่เขาจะเป็นผู้เล่นเพียงอย่างเดียว
เขากลับมองว่าสักวันจะต้องพัฒนาเกมของตัวเองให้คนอื่น
และในปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา Epic Games มีรายได้อยู่ที่ 166,700 ล้านบาท
และถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 948,300 ล้านบาท
นั่นจึงทำให้ตัวผู้ก่อตั้งอย่าง Tim Sweeney ได้กลายมาเป็นมหาเศรษฐี
ที่มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 240,000 ล้านบาท นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://marketeeronline.co/archives/184107
-https://en.wikipedia.org/wiki/Epic_Games
-https://www.valuecoders.com/blog/technology-and-apps/unreal-engine-vs-unity-3d-games-development/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tim_Sweeney_(game_developer)
-https://en.wikipedia.org/wiki/Fortnite_Battle_Royale
-https://kotaku.com/the-quiet-tinkerer-who-makes-games-beautiful-finally-ge-5865951
-https://www.gamedeveloper.com/design/from-the-past-to-the-future-tim-sweeney-talks
-https://www.unrealengine.com/en-US/faq
-https://www.businessofapps.com/data/fortnite-statistics/
-https://www.longtunman.com/23889
-https://en.wikipedia.org/wiki/Gears_of_War
-https://www.cnbc.com/2021/04/13/fortnite-creator-epic-games-valuation-jumps-to-29-billion.html
同時也有224部Youtube影片,追蹤數超過361萬的網紅Dan Lok,也在其Youtube影片中提到,Watch For Dan Lok's Top Advice If You Are Young! Then, Start To Further Your Skills With Dan's Courses From The Dan Lok Shop: https://adviceforyoungen...
ideas software 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
เจ้าของสตาร์ตอัปยูนิคอร์น ใหญ่สุดในโลก คือใคร ? /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงบริษัทเทคโนโลยีในจีน หลายคนคงนึกถึง Alibaba หรือ Tencent
แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกบริษัทเทคโนโลยีจากจีนที่กำลังมาแรง
ถึงขนาดที่ก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ตอัปยูนิคอร์น ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้
บริษัทนั้น ก็คือ “ByteDance” เจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok
ที่มีมูลค่าประเมินล่าสุดอยู่ที่ 14.0 ล้านล้านบาท
โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของยูนิคอร์นตัวนี้ คือ “จาง อี้หมิง”
แล้วกว่าจะมาเป็นวันนี้ จาง อี้หมิง และ ByteDance ผ่านอะไรมาบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จาง อี้หมิง เกิดในปี ค.ศ. 1983 ที่เมือง Longyan จังหวัด Fujian ประเทศจีน ปัจจุบันมีอายุ 38 ปี
แม้เขาจะเกิดและเติบโตในครอบครัวธรรมดา ฐานะปานกลาง แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือครอบครัวของจาง ค่อนข้างให้อิสระกับเขา ไม่ได้มีกฎเกณฑ์หรือมีระเบียบเคร่งครัด ต่างจากครอบครัวชาวจีนในสมัยนั้น
นอกจากนี้ ทั้งพ่อและแม่ของจางก็ยังสนับสนุนให้เขาลองผิดลองถูกอยู่เสมอ
เรื่องนี้เอง ก็ได้ทำให้เขาเติบโตมาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์
และมีความกล้าที่จะลองอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2001 เขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Nankai ในสาขา Microelectronics
ต่อมาก็ได้เปลี่ยนมาศึกษาในสาขาวิชา Software Engineer
หลังจากจบการศึกษา จางก็ได้เริ่มธุรกิจของตัวเองเป็นครั้งแรก ร่วมกับรุ่นพี่ที่รู้จักกันจากมหาวิทยาลัย
โดยธุรกิจที่เขาก่อตั้งขึ้นนั้น เป็นธุรกิจที่ทำระบบจัดการข้อมูลและการเข้าถึงสำหรับองค์กร
แต่ในตอนนั้นด้วยความที่ยังไม่มีประสบการณ์ จึงทำให้เขาทำผิดพลาดในหลายเรื่อง
เช่น การวางตำแหน่งทางการตลาดที่ไม่ดี สุดท้ายเขาก็ต้องล้มเลิกกิจการไป ภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว
ในปี ค.ศ. 2006 เขาได้เข้าทำงานกับสตาร์ตอัป Kuxun ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม ที่ให้บริการสำหรับการจองตั๋ว เช่น เครื่องบิน โรงแรม และรถไฟ คล้าย ๆ กับ Agoda, Booking, Traveloka
ในช่วงที่เขาได้เข้ามาทำงานที่นี่ บริษัทยังถือว่ามีขนาดเล็กและมีพนักงานเพียงไม่กี่คน
เล็กในระดับที่เขา เป็นพนักงาน Software Engineer คนแรกขององค์กร
หลังจากผ่านไปได้เพียง 2 ปี Kuxun ที่ตอนแรกเป็นเพียงสตาร์ตอัปขนาดเล็ก
ก็ได้เติบโตขึ้นกลายเป็นบริษัทที่มีพนักงานกว่า 40 คน
และด้วยความสามารถที่โดดเด่นของจาง ทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิค
แต่แน่นอนว่าตำแหน่งหัวหน้าย่อมต้องมีเรื่องการบริหารเข้ามาเกี่ยวข้อง
ด้วยความที่เขารู้สึกว่าตนเองยังไม่เก่งเรื่องการบริหารและทำได้ไม่ค่อยดี
เขาจึงอยากพัฒนาและต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารมากกว่านี้
เขาจึงมีเป้าหมายว่าต้องการเรียนรู้วิธีการบริหารจากบริษัทระดับโลก
ซึ่งนั่นก็นำไปสู่การเดินทางออกนอกประเทศบ้านเกิดในปี ค.ศ. 2008 เพื่อไปร่วมงานกับ Microsoft
แต่จางก็ทำงานที่นี่ได้ไม่นาน เพราะเขารู้สึกว่าบริษัทแห่งนี้ มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดเกินไป
หลังจากลองผิดลองถูกและสะสมประสบการณ์มาพอสมควร
เขาก็ได้ตัดสินใจลาออกจาก Microsoft เพื่อกลับไปลองก่อตั้งบริษัทของตนเองอีกครั้ง
ชื่อว่า “99fang” แพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
หลังจากก่อตั้งได้เพียง 6 เดือน 99fang ก็สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้
จนแพลตฟอร์มของเขาเติบโตจนมีผู้ใช้งานมากถึง 1.5 ล้านบัญชี
และได้ก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอสังหาริมทรัพย์ของจีนอันดับต้น ๆ ในเวลานั้นเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน เขาเริ่มเห็นว่าผู้คนมีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟนมากขึ้น
ทำให้เขามองว่าการใช้อินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟนจะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคต
เขาจึงมองไปที่ตลาดที่ใหญ่กว่าตลาดในประเทศจีน นั่นก็คือ “ตลาดโลก”
จาง อี้หมิง ในวัย 29 ปี จึงได้ตัดสินใจจ้างผู้บริหารมารับไม้ต่อในการบริหาร 99fang
เพื่อที่เขาจะได้มาโฟกัสในธุรกิจใหม่ ในตอนนั้นเขาจึงก่อตั้ง “ByteDance” ขึ้นมา
โดยครั้งนี้เขาต้องการสร้าง แพลตฟอร์มโซเชียลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เป็นหลัก
แม้จะมีไอเดียที่ดี แต่ในตอนนั้นแทบไม่มีใครเชื่อมั่น และให้เงินสนับสนุนกับเขาเลย
ถึงขนาดว่าในช่วงเริ่มต้น ByteDance ถูกปฏิเสธจาก Venture Capital หรือผู้ให้เงินระดมทุนกว่า 30 ครั้ง
ก็จะมีแต่ Susquehanna International Group ซึ่งเป็นบริษัทด้านการค้าและเทคโนโลยีระดับโลก
ที่ได้ให้เงินสนับสนุนกับจางราว 155 ล้านบาท
หลังจากที่ได้เงินสนับสนุนมา ในปีเดียวกันบริษัท ByteDance ได้เปิดตัว Toutiao ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม
ที่ให้บริการแจ้งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ซึ่งจุดเด่นของ Toutiao คือจะนำเสนอเนื้อหาตามความชอบ
โดยใช้ AI ในการวิเคราะห์ หลังจากเปิดตัวได้ 2 ปีมีผู้ใช้งานสูงถึง 13 ล้านบัญชีต่อวัน
จุดนี้เอง ก็ได้เริ่มทำให้เหล่าบริษัทขนาดใหญ่เริ่มให้ความสนใจและให้เงินสนับสนุน
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง SoftBank รวมถึง Sequoia Capital ที่เคยปฏิเสธจางไปในครั้งแรก
ก็ได้กลับมาให้เงินสนับสนุนมากถึง 3,200 ล้านบาทในปี ค.ศ. 2014
ต่อมา จางยังได้สังเกตเห็นว่าผู้คนมีแนวโน้มที่จะดูคลิปวิดีโอสั้นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
นั่นจึงเป็นไอเดียที่ทำให้ในปี ค.ศ. 2016 ByteDance ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นในจีน
ชื่อว่า “Douyin” หรือในเวอร์ชันสากลที่เรารู้จักกันคือ “TikTok” นั่นเอง
TikTok เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างและรับชมวิดีโอสั้น ซึ่งจะมีฟีเชอร์เสริมที่สามารถใส่เพลงประกอบได้
โดยในตอนแรกจะมีความยาวของวิดีโอเพียง 15 วินาทีเท่านั้น แต่ในภายหลังได้เพิ่มให้วิดีโอสามารถมีความยาวได้ถึง 3 นาที
และแน่นอนว่า TikTok ก็มีระบบแนะนำวิดีโอที่เราชอบหรืออาจจะสนใจ โดยการใช้ AI
ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท ซึ่ง TikTok ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
เร็วในระดับที่หลังจากเปิดให้บริการได้เพียง 1 ปี TikTok มียอดผู้ใช้งานทั่วโลกสูงถึง 54 ล้านบัญชี
และเติบโตต่อเนื่อง จนปัจจุบันยอดผู้ใช้งานของ TikTok ได้กลายเป็น 732 ล้านบัญชีทั่วโลก
แล้วที่ผ่านมา ByteDance มีผลประกอบการเป็นอย่างไร ?
ปี 2018 มีรายได้ 230,000 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 650,000 ล้านบาท
ปี 2020 มีรายได้ 1,200,000 ล้านบาท
รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด
และปัจจุบัน ByteDance ได้กลายเป็นบริษัทเนื้อหอม ที่มีแต่ผู้เข้ามาให้เงินระดมทุนมหาศาล
จนล่าสุดบริษัท ถูกประเมินมูลค่าอยู่ที่ 14.0 ล้านล้านบาท
และด้วยมูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นนี้เอง จึงทำให้ตัวเจ้าของอย่างจาง มีมูลค่าทรัพย์สินสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท
ขึ้นแท่นเป็นคนที่รวยที่สุดอันดับ 9 ของจีน และอันดับ 39 ของโลก
แล้วถ้าถามว่าเคล็ดลับความสำเร็จของจาง อี้หมิง คืออะไร ?
เราก็น่าจะนำมาสรุปแบ่งได้เป็น 2 ข้อ นั่นก็คือ
1. เขากล้าที่จะคิดในสิ่งใหม่ ๆ และลงมือทำอย่างจริงจัง
เหมือนตอนที่เขาตัดสินใจจ้างผู้บริหารใหม่มาดูแล “99fang” ทั้ง ๆ ที่บริษัทกำลังไปได้ดี
เพื่อจะมาทำตามความฝัน โดยการก่อตั้ง “ByteDance”
ที่ในตอนแรกแทบไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะทำได้
2. เขายอมรับข้อเสียของตัวเอง เพื่อที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
เหมือนกับในช่วงที่เขาลาออกจาก Kuxun เพื่อที่จะเข้าไปเรียนรู้การบริหารในบริษัทที่ใหญ่กว่าอย่าง Microsoft และเมื่อกลางปีที่ผ่านมา จาง อี้หมิง เพิ่งประกาศว่าจะลงจากตำแหน่ง CEO ของ ByteDance โดยให้เหตุผลว่า “เขายังคงขาดทักษะบางอย่าง ในการเป็นผู้บริหารที่ดี”
แม้ว่าวันนี้ จาง อี้หมิง จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง
แต่เขายังคงถ่อมตน ไม่หลงตัวเอง คอยมองหาข้อผิดพลาดเพื่อที่จะแก้ไขและเรียนรู้อยู่เสมอ
ด้วยแนวคิดนี้ เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม ByteDance ภายใต้การบริหาร
ของจาง อี้หมิง ได้ก้าวขึ้นมาเป็น ยูนิคอร์นที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Zhang_Yiming
-https://www.youtube.com/watch?v=kqxbO067y4g
-https://en.wikipedia.org/wiki/ByteDance
-https://www.businessinsider.com/bytedance-cofounder-zhang-yiming-steps-down-as-ceo-report-2021-5
-https://forbesthailand.com/news/global/zhang-yiming-เจ้าของแอปฮิต-tiktok-บริจาค-10.html
-https://www.forbes.com/profile/zhang-yiming/?sh=686eec81993c
-https://www.businessofapps.com/data/tik-tok-statistics/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Toutiao
-https://en.wikipedia.org/wiki/TikTok
-https://www.longtunman.com/31622
-https://2.flexiple.com/founders/zhang-yiming
-https://asia.nikkei.com/Business/36Kr-KrASIA/TikTok-creator-ByteDance-hits-425bn-valuation-on-gray-market#:~:text=BEIJING%20%2D%2D%20The%20valuation%20of,stakes%20for%20sale%20in%20ByteDance.
ideas software 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 1 /โดย ลงทุนแมน
เราก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่เปลี่ยนโลกของการสื่อสารไปตลอดกาล
การเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน อินเทอร์เน็ต ไปจนถึงโซเชียลมีเดีย
ล้วนค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราไปทีละน้อย
ท้ายที่สุด แทบทุกแง่มุมในชีวิตของเรากับโลกไอที ก็ล้วนข้องเกี่ยวจนราวกับเป็นโลกใบเดียวกัน
ซึ่งประเทศที่มีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้มากที่สุด จะเป็นที่ไหนไม่ได้
นอกจาก “สหรัฐอเมริกา”
สหรัฐอเมริกาส่งออกบริการด้านไอทีคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของโลก
บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับ Top 5 ของโลก เป็นบริษัทไอทีสัญชาติอเมริกันถึง 4 แห่ง
และศูนย์รวมอุตสาหกรรมไอทีอย่าง “ซิลิคอนแวลลีย์”
คือยอดเขาแห่งเทคโนโลยี ที่คนทั้งโลกจับตามอง..
เส้นทางอุตสาหกรรมไอทีของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างไร ?
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ?
“การเน้นการศึกษา” คือคุณสมบัติสำคัญที่สุดที่ผู้ตั้งรกรากในยุคอาณานิคมหล่อหลอมให้กับชาวอเมริกัน
นับตั้งแต่เข้ามาตั้งรกรากในศตวรรษที่ 17
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สหรัฐอเมริกาจะมีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง
ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาก่อนการตั้งประเทศด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยเยล หรือมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
นอกจากการศึกษา ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกสั่งสมมาควบคู่กันก็คือ “การทำงานหนัก”
การมุ่งเน้นด้านการศึกษา ทำให้มีองค์ความรู้ที่พร้อมสำหรับการต่อยอด
ส่วนการทำงานหนัก เป็นการปลูกฝังว่า ใคร ๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จ
และสั่งสมความมั่งคั่ง จนเปลี่ยนฐานะเป็นคนร่ำรวยได้ ถ้ามีความพยายามมากพอ..
คุณสมบัติทั้งหมดล้วนหล่อหลอมให้ผู้อพยพที่เข้ามายังดินแดนแห่งเสรีภาพนี้
มีความเชื่อมั่นในความพยายาม มองโลกในแง่ดี และมั่นใจในอนาคต
ซึ่งเป็นคุณสมบัติของชาวอเมริกันที่โดดเด่นเหนือใคร และยังคงมีอยู่มาจนถึงยุคปัจจุบัน
แม้สหรัฐอเมริกาจะตามหลังประเทศในยุโรปในการปฏิวัติอุตสาหกรรม
แต่ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอุตสาหกรรมของโลกได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 100 ปี
การเป็นศูนย์รวมของผู้อพยพที่มีความคิดก้าวหน้า กล้าเสี่ยง
เปี่ยมไปด้วยความพยายามและความรู้ มีรัฐบาลที่สนับสนุนในเรื่องสิทธิบัตร
ทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์มากมายที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
และก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์
โดยเฉพาะโลกของการสื่อสาร..
นับตั้งแต่วันที่ Alexander Graham Bell เป็นผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์
สิ่งที่เปลี่ยนสัญญาณเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และเดินทางไปไกลตามสายไฟฟ้า
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัท AT&T ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
ด้วยความที่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศกว้างใหญ่ การจะส่งเสียงจากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
ข้ามทวีปไปยังฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก จำเป็นจะต้องมีสิ่งที่ช่วยขยายสัญญาณไฟฟ้า
นำมาสู่การประดิษฐ์ “หลอดสุญญากาศ” หรือ หลอดอิเล็กตรอน
ซึ่งมีหลักการคือการให้กระแสไฟฟ้า ผ่านไส้หลอดที่เป็นโลหะ จนไส้หลอดร้อน และเกิดการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน ความสามารถในการควบคุมการไหลของอิเล็กตรอนนี้เอง
ทำให้สามารถขยายสัญญาณอ่อน ๆ ให้แรงขึ้น และส่งสัญญาณไปได้ไกลกว่าเดิม
การสื่อสารผ่านโทรศัพท์ทางไกลครั้งแรก เกิดขึ้นในปี 1915 ระหว่างนครนิวยอร์ก เมืองใหญ่ทางตะวันออก กับซานฟรานซิสโก เมืองท่าที่กำลังเติบโตทางฝั่งตะวันตก
หลอดสุญญากาศนี้เองที่เป็นรากฐานและจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรม “อิเล็กทรอนิกส์”
ที่ปฏิวัติโลกของอุปกรณ์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีการสื่อสาร
องค์ความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์จุดประกายให้เกิดการวิจัยและพัฒนา
ในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนั้นคือมหาวิทยาลัยในเมืองพาโล อัลโต
บริเวณหุบเขาทางตอนใต้ของอ่าวซานฟรานซิสโก ที่ชื่อว่า “มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด”
มหาวิทยาลัยที่เพิ่งก่อตั้งในปี 1891 แห่งนี้ จะเป็นผู้พลิกโฉมบริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก
หรือเรียกว่า “เบย์แอเรีย” จากย่านที่เต็มไปด้วยสวนผักและสวนผลไม้
ให้กลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
โดยบุคลากรคนสำคัญที่มีส่วนผลักดันก็คือ ศาสตราจารย์ Frederick Terman
คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ได้ชักชวนเพื่อนนักวิจัยด้านอิเล็กทรอนิกส์
ให้มาร่วมงานที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ และบุกเบิกการเรียนการสอนอย่างเข้มข้น
พร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ ด้วยการจัดตั้ง
Business Incubator for SMEs ที่ช่วยบ่มเพาะให้ลูกศิษย์ก่อตั้งบริษัทอิเล็กทรอนิกส์
เป็นของตัวเอง โดยใช้บ้านพักของอาจารย์ที่ยังว่างอยู่เป็นที่จัดตั้งบริษัท
แล้วความพยายามก็ประสบผลสำเร็จในปี 1939
เมื่อศิษย์เก่าวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Bill Hewlett และ David Packard ได้นำหลอดสุญญากาศมาพัฒนาเป็น
Electronics Oscillator จนประสบความสำเร็จ และได้ก่อตั้งบริษัท Hewlett Packard หรือ HP ขึ้นที่โรงรถในเมืองพาโล อัลโต โดยลูกค้าคนสำคัญที่ซื้ออุปกรณ์นี้ไปทำภาพยนตร์ก็คือ Walt Disney Production
Hewlett Packard นับเป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์แห่งแรก ๆ ที่ลงหลักปักฐานในย่านเบย์แอเรีย
หลังจากบริษัทได้ทำสัญญากับกองทัพสหรัฐฯ ดึงดูดเม็ดเงินจากการลงทุนให้สะพัดไปทั่วย่านแห่งนี้
หลอดสุญญากาศยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย รวมไปถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรก ๆ แต่หลอดสุญญากาศก็มีข้อเสีย
การต้องให้ความร้อนแก่โลหะจึงจะมีการปล่อยอิเล็กตรอน
ทำให้หลอดต้องใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาล และมีราคาแพง
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง จึงมีการประดิษฐ์สิ่งที่จะมาทดแทนหลอดสุญญากาศ
เรียกว่า “ทรานซิสเตอร์”
ทรานซิสเตอร์ถูกประดิษฐ์ขึ้นในห้องทดลองของบริษัท AT&T ที่รัฐเวอร์จิเนีย ทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา มีคุณสมบัติเป็นสารกึ่งตัวนำ หรือ Semiconductor ทำให้ปล่อยสัญญาณไฟฟ้าที่อ่อนกว่า และควบคุมสัญญาณได้ดีกว่าหลอดสุญญากาศ
หนึ่งในผู้ประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลก็คือ William Shockley ได้ออกมาตั้งบริษัทของตัวเองเพื่อพัฒนาทรานซิสเตอร์ให้ดียิ่งขึ้น ใช้ชื่อว่า Shockley Semiconductor
และก็เป็น ศาสตราจารย์ Frederick Terman แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ได้ชักชวนให้ Shockley มาเลือกทำเลที่ตั้งของบริษัทอยู่ในย่านเบย์แอเรีย ซึ่งก็คือเมืองเมาน์เทนวิว
ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จึงทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างภาคเอกชนกับนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย
Shockley ได้ตัดสินใจจ้างวิศวกรปริญญาเอก 8 คน จากมหาวิทยาลัยชื่อดังฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ทั้งฮาร์วาร์ดและ MIT ให้มารวมตัวกันในบริษัทที่เมาน์เทนวิว
นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เบย์แอเรียเริ่มมีนวัตกรรมที่ก้าวล้ำนำหน้าภูมิภาคอื่น ๆ ของสหรัฐอเมริกา
ในช่วงแรกสารกึ่งตัวนำที่นิยมใช้ก็คือธาตุเจอร์เมเนียม (Ge) ซึ่งหายาก และมีราคาสูง
แต่ต่อมาพบว่ายังมีธาตุอีกชนิดหนึ่งซึ่งสามารถนำมาทำสารกึ่งตัวนำได้ดี และพบได้ง่ายกว่าเจอร์เมเนียมมาก ธาตุนั้นก็คือ ซิลิคอน (Si)
การใช้ซิลิคอนมาทำสารกึ่งตัวนำนี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หุบเขาย่านเบย์แอเรีย
ถูกเรียกว่า “ซิลิคอนแวลลีย์” ในเวลาต่อมา..
หลังจากรวมตัวได้ไม่นาน วิศวกรทั้ง 8 คน ก็ตัดสินใจลาออกมาตั้งบริษัททรานซิสเตอร์ของตัวเองในปี 1957 ซึ่งต่อมาก็ได้บริษัทผลิตกล้องถ่ายรูป Sherman Fairchild เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน จึงใช้ชื่อบริษัทว่า Fairchild Semiconductor
การเข้ามาร่วมลงทุนของ Fairchild เป็นการปูทางให้นักลงทุนผู้มั่งคั่ง
เข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดเป็นธุรกิจเงินร่วมลงทุน
หรือ Venture Capital (VC) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนเหล่านี้
ก็มักจะนั่งในตำแหน่งคณะกรรมการบริหาร และคอยให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ แก่บริษัท
ถึงแม้จะดีกว่าหลอดสุญญากาศ แต่ทรานซิสเตอร์ยังจำเป็นต้องต่อกับส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น
ตัวต้านทาน และตัวเก็บประจุ
เหล่าวิศวกรใน Fairchild Semiconductor จึงเกิดความคิดที่จะวางทรานซิสเตอร์จำนวนมาก ๆ และส่วนประกอบอื่น ๆ ไว้ในแผ่นซิลิคอนเพียงตัวเดียว
ความคิดนี้บรรลุผลสำเร็จในปี 1959
และสิ่งนั้นถูกเรียกว่า “แผงวงจรรวม” (Integrated Circuit) หรือ “ชิป”
ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในอุปกรณ์
ให้สามารถติดต่อและรับส่งข้อมูลถึงกัน และทำงานประสานกันได้อย่างลงตัว
ต่อมาวิศวกรที่เคยทำงานที่นี่ทั้ง 8 คนก็ได้ออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง
ซึ่งความสามารถทางเทคโนโลยีจะทำให้เกิดธุรกิจย่อยขึ้นมาอีกกว่า 120 ธุรกิจ
2 ใน 8 คนก็คือ Robert Noyce และ Gordon Moore
ที่ได้ออกมาก่อตั้งบริษัทผลิตชิป ในปี 1968
โดยใช้ชื่อบริษัทว่า “Intel” โดยมีสำนักงานแห่งแรกในเมืองเมาน์เทนวิว
จำนวนแผงวงจรที่สามารถวางลงในชิปหนึ่งตัว เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในทุก ๆ 1 ปีครึ่ง
ทำให้ประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลของชิปทุก ๆ 1 ปีครึ่ง ถูกพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ซึ่งมีมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นผู้ผลักดันงานวิจัยร่วมกับบริษัทเอกชน
ในที่สุดก็เกิดชิปที่มีขนาดเล็ก และมีแผงวงจรรวมมหาศาลที่เรียกว่า “ไมโครโพรเซสเซอร์”
การพัฒนาไมโครโพรเซสเซอร์จะเปิดทางให้การผลิตคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงจนคนทั่วไปสามารถมีไว้ครอบครอง และถูกเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
หรือ PC (Personal Computer)
หนึ่งในผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ
คือผู้ช่วย 2 คน ที่เคยทำงานให้กับบริษัท Hewlett Packard
ผู้ช่วย 2 คนนั้นมีชื่อว่า “Steve Wozniak” และ “Steve Jobs”..
ติดตามซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 และอ่านบทความในซีรีส์นี้ย้อนหลังได้ที่ Blockdit - blockdit.com/download
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://atlas.cid.harvard.edu/explore?country=undefined&product=403&year=2018&productClass=HS&target=Product&partner=undefined&startYear=undefined
-https://www.forbes.com/sites/gilpress/2013/04/08/a-very-short-history-of-information-technology-it/?sh=82924872440b
-https://www.stanford.edu/about/history/
-https://www.capterra.com/history-of-software/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://www.businessinsider.com/silicon-valley-history-technology-industry-animated-timeline-video-2017-5
-https://historycooperative.org/history-of-silicon-valley/
-https://endeavor.org.tr/wp-content/uploads/2016/01/How-SV-became-SV.pdf
ideas software 在 Dan Lok Youtube 的精選貼文
Watch For Dan Lok's Top Advice If You Are Young! Then, Start To Further Your Skills With Dan's Courses From The Dan Lok Shop: https://adviceforyoungentrepreneurs.danlok.link
If you are a young entrepreneur, there are several things you want to be mindful of. In some cases, you might have to work twice as hard to prove yourself. Watch this video for Dan's top advice on how to make it as a young entrepreneur. Share this video with a fellow young entrepreneur.
? SUBSCRIBE TO DAN'S YOUTUBE CHANNEL NOW ?
https://www.youtube.com/danlok?sub_confirmation=1
? UNLOCK A Better Version Of Yourself, Check Out My Shop: https://shop.danlok.link ?
Check out these Top Trending Playlists -
1.) Boss In The Bentley - https://www.youtube.com/playlist?list=PLEmTTOfet46OWsrbWGPnPW8mvDtjge_6-
2.) Sales Tips That Get People To Buy - https://www.youtube.com/watch?v=E6Csz_hvXzw&list=PLEmTTOfet46PvAsPpWByNgUWZ5dLJd_I4
3.) Dan Lok’s Best Secrets - https://www.youtube.com/watch?v=FZNmFJUuTRs&list=PLEmTTOfet46N3NIYsBQ9wku8UBNhtT9QQ
Dan Lok has been viewed more than 1.7+ billion times across social media for his expertise on how to achieve financial confidence. And is the author of over a dozen international bestselling books.
Dan has also been featured on FOX Business News, MSNBC, CBC, FORBES, Inc, Entrepreneur, and Business Insider.
In addition to his social media presence, Dan Lok is the founder of the Dan Lok Organization, which includes more than two dozen companies - and is a venture capitalist currently evaluating acquisitions in markets such as education, new media, and software.
Some of his companies include Closers.com, Copywriters.com, High Ticket Closers, High Income Copywriters and a dozen of other brands.
And as chairman of DRAGON 100, the world’s most exclusive advisory board, Dan Lok also seeks to provide capital to minority founders and budding entrepreneurs.
Dan Lok trains as hard in the Dojo as he negotiates in the boardroom. And thus has earned himself the name; The King of Closing.
If you want the no b.s. way to master your financial destiny, then learn from Dan. Subscribe to his channel now.
★☆★ CONNECT WITH DAN ON SOCIAL MEDIA ★☆★
YouTube: http://youtube.danlok.link
Dan Lok Blog: http://blog.danlok.link
Dan Lok Shop: https://shop.danlok.link
Facebook: http://facebook.danlok.link
Instagram: http://instagram.danlok.link
Linkedin: http://mylinkedin.danlok.link
Podcast: http://thedanlokshow.danlok.link
#DanLok #YoungEntrepreneurs #Advice
Please understand that by watching Dan’s videos or enrolling in his programs does not mean you’ll get results close to what he’s been able to do (or do anything for that matter).
He’s been in business for over 20 years, and his results are not typical.
Most people who watch his videos or enroll in his programs get the “how-to” but never take action with the information. Dan is only sharing what has worked for him and his students.
Your results are dependent on many factors… including but not limited to your ability to work hard, commit yourself, and do whatever it takes.
Entering any business is going to involve a level of risk as well as massive commitment and action. If you're not willing to accept that, please DO NOT WATCH DAN’S VIDEOS OR SIGN UP FOR ONE OF HIS PROGRAMS.
This video is about Dan Lok Gives Advice To Young Entrepreneurs.
https://youtu.be/hSE4tMi_UFs
https://youtu.be/hSE4tMi_UFs
ideas software 在 jeonsann Youtube 的精選貼文
#KPOPINPUBLICCHALLENGE #KPOPINPUBLIC #BRAVEGIRLS #ROLLIN
guys sometimes i don't know what's going on in my head at this point
this just popped up in my head and i was like *why not*
+ i have never been so loved by children right until this moment when i put on this poop costume it was so fun to film and see people just laugh
i'm now a piece of sh*t... literally lol
♡ follow me for updates ♡
↬ main channel: https://www.youtube.com/c/jeonsann
↬ idk what this channel is for anymore: https://www.youtube.com/c/sannie%EC%82%AC%EB%8B%88
↬ instagram: https://www.instagram.com/jeonsann/
↬ twitter: https://twitter.com/jeonsann
↬ spotify: https://spoti.fi/2WsIi9W
『 editing software 』
➳ final cut pro
『 filming equipment 』
➳ dji osmo pocket
『 friends 』
special thanks
@Giiovo being dah real mvp to go along with my crazy ideas and be embarrassing tgt
『 FTC: this video is not sponsored. 』
however I wish it was
I am poor pls give me that coin
ideas software 在 kelkeltan Youtube 的最佳貼文
hihi my loves, i have been so so bloated lately i wanna share this product with any of you who are suffering from constipation.
Naked Blend Peach Detox Glow is now available at Shopkelkeltan.com or Shopee.sg/shopkelkeltan
Free shaker bottle with every box:
https://shopkelkeltan.com/collections/naked-blend/products/naked-blend-peach-detox-glow
https://shopee.sg/-Instocks-Naked-Blend-Peach-Detox-Glow-(HALAL-GLUTEN-DAIRY-REFINED-SUGAR-FREE-KETO-VEGAN-FRIENDLY)-i.280322415.9530499729
#detox #juicecleanse #bloated #ibs #irritablebowelsymptoms
LET'S BE FRIENDS !
Instagram
https://www.instagram.com/kelkeltan/?hl=en
Twitter
https://mobile.twitter.com/kelkeltan
Tiktok
@kelkeltan_
BIZ
Business enquiries & PR events
Drop me a mail at :
Kelkeltansocial@gmail.com
SHOP MY BEAUTY PRODUCTS :
https://shopkelkeltan.com/
Refer a friend to get $10 OFF!
PRODUCTS MENTIONED :
FAQ
WHO AM I ?
I'm a Singaporean Chinese living in my homeland Singapore ??! I love makeup, skincare, traveling and etc!? I make beauty and lifestyle videos and upload 2 times every week (MON & FRI). If u like watching such content and if u have ANY questions/opinions/ideas, rmb to comment down below and SUBSCRIBE ❤️
TECH
Vlog camera : Canon G7x mark 2 / iPhone 11 camera
Tutorial camera : Canon 80D
Software for editing : Final Cut Pro X
SKIN TYPE?
I have combination, acne-prone, sensitive skin.
WATCH THIS TO FIND OUT HOW I CLEARED MY ACNE :
https://www.youtube.com/watch?v=-uFILZRGW6E&t=795s
BINGE WATCH THESE PLAYLISTS :
COLOURPOP : https://www.youtube.com/watch?v=JzukEsWe4lY&list=PLdOFpCwJxGJe6wkx8UhD0AJVX8GO1l6b6
FENTY BEAUTY : https://www.youtube.com/watch?v=3dEoBzWdRqU&list=PLdOFpCwJxGJd3omgbja4vfIO5Yx5q7DAo
BACK TO BASICS/HOW TO : https://www.youtube.com/watch?v=q2k26Lzpo58&list=PLdOFpCwJxGJeO10rN3Q_OiGwXH_5wf3OL
MAKEUP SWATCHES : https://www.youtube.com/watch?v=KAeIBldLUG8&list=PLdOFpCwJxGJfkwWFHIyTCdMmlwmiSpeuS
FASHION : https://www.youtube.com/watch?v=Dv-X_q9BaNU&list=PLdOFpCwJxGJdbtbj_RTJJ_cqUHSNivLMH
VLOGS : https://www.youtube.com/watch?v=QKoNY3AMIqU&list=PLdOFpCwJxGJdv2XN9e1_IxiKrlpnRLGzq
(^ω^)
This video is not sponsored and all opinions are my true and honest feedback.