ฟอร์เวิดเมลมั่ว เก่าๆ กลับมาแชร์กันใหม่อีกแล้วนะครับ เรื่อง "ห้ามจ้องโทรศัพท์มือถือในที่มืด จะเป็นมะเร็งดวงตา" เป็นเรื่องไม่จริงครับ !!
รูปและเนื้อหาที่แชร์กันนี้ ไม่ได้มีที่มาอ้างอิงอะไรให้น่าเชื่อถือ แต่อ้างถึงคนไข้คนไหนก็ไม่รู้ และหมอคนไหนก็ไม่รู้
ประเด็นสำคัญคือ เรื่องนี้มั่วเกี่ยวกับมะเร็งดวงตา ครับ
"โรคมะเร็งจอประสาทตา (Retinoblastoma) " นั้น เป็นความผิดปกติที่มักพบตั้งแต่ในวัยเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี โดยมักทำให้เกิดอาการผิดปรกติ เช่น ตาเหล่ ม่านตาเปลี่ยนสี ตาแดงหรือแสงสีขาวสะท้อนจากภายในลูกตา เรื่องจากเป็นโรคทางพันธุกรรมที่มักจะเป็นตั้งแต่เด็กแรกเกิด (หรือจากการอักเสบในตาอย่างรุนแรงจนเป็นหนองในตา) ไม่ใช่เรื่องของการจ้องมองจอมือถือนานเกินไป
นอกจากนี้ ยังมีรายงานวิจัยในเยอรมันที่บอกว่า การใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ได้สัมพันธ์อะไรกับมะเร็งตาชนิด melanoma ด้วยครับ
งานวิจัยดังกล่าวได้ศึกษาอาสาสมัครกว่า 1,600 คน เป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวลาที่คนแต่ละคนใช้กับโทรศัพท์มือถือ เทียบกับโอกาสที่พวกเขาจะเกิดมะเร็งชนิด melanoma และตีพิมพ์ในวารสารวิจัย Journal of the National Cancer Institute
มะเร็งชนิด melanoma นั้น เกิดขึ้นในเซลล์ที่สร้างรงควัตถุที่เรียกว่า เมลานิน melanin ซึ่งเซลล์ชนิดนี้ นอกจากจะมีที่ผิวหนังเราแล้ว ยังมีภายในดวงตาเราด้วย ซึ่งอาจเกิดมะเร็งแบบมีขึ้นในดวงตาเราได้ แต่ไม่ค่อยจะพบกัน
ผลการศึกษาดังกล่าวนี้ ขัดแย้งกับผลงานวิจัยของพวกเขาเอง ที่เคยทำในกลุ่มประชากรที่เล็กกว่ามาก แล้วเคยทำให้เป็นกังวลกันว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจะมีผลต่อการเกิดมะเร็งในดวงตา ( จาก https://www.reuters.com/article/us-cancer-cellphones/study-sees-no-eye-cancer-risk-from-mobile-phones-idUSTRE50C7BG20090113 )
ดังนั้น แม้การใช้สายตาไปจอมือถือเป็นเวลานาน จะไม่ทำให้เกิดมะเร็ง แต่เราก็ควรถนอมสายตาด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ควรให้กล้ามเนื้อตาได้พักผ่อนบ้าง ด้วยการมองไปไกลๆ หรือหลับตาไว้สักครู่ เพราะหากใช้กล้ามเนื้อตาเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดรอบตา ปวดหัว หรือกระตุ้นไมเกรนขึ้นได้
ดังนั้น สรุปคือ การเล่นมือถือไม่ได้จะทำให้เป็นมะเร็งตา แต่ก็ทำให้ดวงตาเมื่อยล้า จึงควรพักผ่อนสายตาบ้างนะครับ
