ทุกอย่างมี 2 ด้านให้เราคิดเสมอ ..ลองอ่านดูนะ เค้าเขียนดี
การช่วยเหลือที่ถ้ำหลวงในครั้งนี้ จริงอยู่เราสูญเสียทรัพยากรมากมาย เพื่อกอบกู้ 13 ชีวิต
แต่ทำไมนะ ผมคิดว่าทุกอย่างที่เราเสียไป มันไม่ใช่เสียเปล่า แต่เราได้อะไรกลับคืนมา มากมายเหลือเกินจากเหตุการณ์นี้
1) ท่ามกลางปัญหา เราได้เห็นว่า ประเทศไทยมีคนที่ความสามารถในการจัดการได้ดี และมีความเป็นผู้นำสูงมาก อย่างท่านผู้ว่าฯเชียงราย เมื่อเกิดเหตุ ท่านวางแผน และจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นว่า คนที่จะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
2) เราได้เห็น ความเด็ดขาดของผู้ว่า โดยเฉพาะที่บอกว่า คนที่อยากมาช่วย ใครอยากมาก็มาได้ แต่ต้องมาถกหลักการกันก่อน ว่าสิ่งที่นำเสนอมันทำได้หรือไม่ หรือว่าเป็นไอเดียที่จะถ่วงทีมให้ช้าลง ไม่ใช่ว่าคนที่อยากช่วยจะมีประโยชน์ทั้งหมด ซึ่งผู้มีอำนาจเด็ดขาด ต้องเลือกใช้คนให้ถูก ไม่ใช่รับความช่วยเหลือไปเสียทุกอย่าง
3) แน่นอน ใครๆก็รู้ว่าการค้นหาเด็กให้พบคือสิ่งสำคัญ แต่ ผู้ว่าฉลาดมาก ที่ให้ความสำคัญก่อนกับ "คนที่เข้าไปช่วย" อะไรที่เสี่ยงภัย เช่น ดำน้ำในสภาวะเสี่ยงเกินไป หรือ การเสี่ยงว่ายน้ำโดยมีโอกาสเสี่ยงไฟดูดไฟช็อต ผู้ว่าจะไม่ยอมให้หน่วยซีลลงน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว การช่วยหนึ่งคน ไม่ได้แปลว่าต้องเอาชีวิตของอีกคนเข้าไปแลก
4) เราได้เห็นว่า กลยุทธ์อะไรก็ตาม ต้องมีแผนสำรองอยู่เสมอ ในตอนแรกแผนดั้งเดิม คือให้หน่วยซีล เข้าถ้ำไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาทั้ง 13 คนที่ติดถ้ำ แต่สุดท้าย เราก็มีแผนสอง คือตรวจเช็กปล่องด้านบนภูเขา ว่าจะสามารถหย่อนตัว ทะลุถึงถ้ำได้เลยหรือไม่ และแผนสามคือไอเดียการเจาะภูเขา การไปถึงจุดหมาย ไม่จำเป็นต้องมีแผนเดียว แต่การเปิดรับทุกหนทางที่เป็นไปได้ ก็ยิ่งมีโอกาสไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้น
5) เราได้รู้จักหน่วยซีล ว่าคืออะไร บางคนไม่รู้เลยว่าที่ไทยก็มีด้วย ได้รู้ว่า SEAL ย่อจาก (SEa - Air - Land) คือหน่วยรบที่ปฏิบัติงานได้ทั้งในทะเล บนอากาศ และภาคพื้นดิน เป็นหน่วยทหารที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง ผ่านการฝึกหฤโหด และในยามคับขัน ความยอดเยี่ยมของหน่วยซีล ก็สามารถเป็นประโยชน์กับภารกิจได้
6) เราได้รู้จักภูมิศาสตร์ของประเทศไทยมากขึ้น หลายคนรู้จักถ้ำหลวงเป็นครั้งแรก ได้รู้ว่าขุนน้ำนางนอนอยู่ตรงไหน ได้รู้ว่าเชียงรายก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแบบนี้ด้วย ได้รู้จักคำว่า "ถ้ำ" ในความหมายใหม่ บางถ้ำมันยาวเป็นกิโล และคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต
7) เราได้ความรู้เรื่องการเอาชีวิตรอดมากขึ้น ได้รู้จัก "กฎ 333" ว่าในภาวะใดบ้างที่คุณจะมีชีวิตรอดได้ คือ ขาดอากาศหายใจได้ 3 นาที , ขาดน้ำดื่มได้ 3 วัน , ขาดอาหารได้ 3 สัปดาห์ ถ้ามากกว่านี้ก็จะตาย (แต่แน่นอนนี่เป็นแค่กฎคร่าวๆไม่ได้ใช้ได้กับทุกคน) ได้ความรู้ว่า แม้จะไม่มีอาหาร แต่ร่างกายมนุษย์ สามารถดึงพลังงานสำรองที่สะสมในรูปไขมันมาใช้ได้
8) เราได้เห็นความเสียสละของคนในพื้นที่ ยอมให้สูบน้ำเข้าเทือกสวนไร่นา ทั้งๆที่พวกเขาเริ่มทำกสิกรรมกันแล้ว ไม่มีใครอยากทำให้ตัวเองวุ่นวาย และเสียผลประโยชน์ แต่สุดท้าย เมื่อมันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ทุกคนเข้าใจดี ซึ่งนี่คือการเสียสละอย่างแท้จริง
9) เราได้เห็นความสามารถของสื่อมวลชน ในเงื่อนไขที่จำกัด ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง คุณสามารถนำเสนอให้ สื่อของตัวเองมีความน่าสนใจได้ หรือไม่ คุณมีมุมมองที่เฉียบขาดมากกว่าที่อื่นหรือเปล่า และที่สำคัญ คุณจะเคารพกติกาที่เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ หรือจะกล้าแหกกฎเพื่อได้ข่าวที่เหนือกว่าช่องอื่น
10) เราได้เห็น ทักษะการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีประสิทธิภาพ อย่างทวิตเตอร์ของ Mthai การนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็วฉับไว ไม่ต้องสร้างดราม่า ก็สร้างความนิยมได้เช่นเดียวกัน
11) เราได้รู้ว่า สิ่งที่เราหวัง สิ่งที่เราคิด กับสิ่งที่เกิดขึ้นหน้างาน มันไม่เหมือนกันเลย หลายๆอย่างเราคิดได้ แต่ในสถานการณ์จริงมันทำไม่ได้ มีคนบอกว่า ทำไมเราไม่ห้อยอาหารลอยน้ำไปให้ถึงมือเด็ก มีคนอธิบายว่า เพราะในถ้ำน้ำมันไม่ได้ไหลตรงๆเหมือนแม่น้ำ เอาของลอยน้ำ ก็ไปติดโขดหิน เด็กไม่ได้รับแน่นอน หรือ มีบางคนถามว่าทำไมไม่ระเบิดถ้ำ ก็มีคนอธิบายว่า ระเบิดแล้วถ้าหินถล่มลงมาจนปิดทางเข้าออกทั้งหมดล่ะ แบบนี้เด็กตายเลยไหม เราได้เข้าใจว่า สิ่งที่จินตนาการ มันอาจทำไม่ได้ในชีวิตจริง
12) เราได้รู้ว่า ในสังคมนี้ มีคนอยากเอาหน้ามากมาย บางคน รู้ว่าตัวเองไม่มีทักษะอะไรที่จะช่วยได้ (คือจะบอกว่า มาเป็นกำลังใจ อยู่ตรงไหนก็ส่งใจไปได้จริงไหม) แต่ก็อยากเอาตัวไปให้สื่อได้เห็นว่ามาลงพื้นที่แล้ว ในทางตรงกันข้าม มีคนจำนวนมากยอมทำงานหนักเป็นมดงาน เพื่อให้ภารกิจได้เดินหน้าต่อ แต่คนเหล่านี้ ไม่ได้ต้องการป่าวประกาศใดๆ เขาต้องการผลสำเร็จ ไม่ใช่ชื่อเสียงของตัวเอง
13) เราได้เห็นว่าในประเทศไทย ความเชื่อ กับ วิทยาศาสตร์มันสามารถไปด้วยกันได้อย่างประหลาด ในขณะที่ทีมงานกำลังจะเจาะถ้ำ ก็ยังต้องขออนุญาตจากเจ้าป่าเจ้าเขา หรือขณะที่ เราใช้เทคโนโลยีโดรนที่ล้ำยุคในการช่วยค้นหา แต่อีกด้านเราก็เห็นภาพชาวบ้านกราบไหว้ ครูบาบุญชุ่ม ที่เข้าไปทำพิธีเปิดตา มันเป็นส่วนผสมที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นกับประเทศไทยจริงๆ
14) เราได้เห็นว่า ในยามที่ทุกคนกำลังสับสน ย่อมมีคนหาโอกาสฉวยผลประโยชน์เสมอ คนที่อ้างให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง อ้างขอเงินไปช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำ แบบนี้มีเยอะ คนเสพข่าวสารต้องระวังให้ดี อย่าใจดี จนขาดสติ ต้องเช็กให้รอบคอบ เพราะคนชั่วโลกนี้มันมีเยอะ คนแบบนี้ต้องไม่ตายดีแน่
15) เราได้เห็นว่า ทุกความสามารถมีประโยชน์ ช่างไฟฟ้า นักขุดเจาะน้ำบาดาล ช่างต่อท่อ แพทย์ นักปีนเขา ทหาร นักข่าว พ่อครัว ช่างภาพ ล่าม นักวิทยาศาสตร์ ทีมกู้ภัย นักดำน้ำ นักดนตรี นักธรณีวิทยา ฯลฯ ในยามจำเป็น ทุกคนสามารถใช้ทักษะของตัวเอง เพื่อเป้าหมายสูงสุดร่วมกัน มันแสดงให้เห็นว่า ไม่มีอาชีพไหน เหนือกว่าอาชีพไหน ทุกคนสามารถสร้างสรรค์สังคมได้ในทางของตัวเอง
16) เราได้เห็นคนจินตนาการเยอะเหลือเกิน บางคนบอกว่าเด็กไปพัวพันกับคดียาเสพติด บางคนคิดไปขนาดว่า จริงๆเจอตัวเด็กตั้งนานแล้ว แต่ปล่อยออกมาไม่ได้ เพราะกำลังเคลียร์เรื่องยาเสพติดอยู่ มีทฤษฎีสมคบคิดมากมาย แต่สุดท้ายก็เหมือนอย่างที่ผู้ว่าบอกนั่นแหละ "ขอให้งดใช้จินตนาการ" และอย่างที่ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 บอก "ถ้ำหลวงไม่ใช่พื้นที่สีแดง" คือ การคิดเรื่อยเปื่อย มีโทษมากกว่าประโยชน์นะ
17) เราได้เห็นว่า ในช่วง 3-4 วันแรกของเหตุการณ์ทุกคนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ทุกอย่างชุลมุนไปหมด แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เริ่มมีระบบระเบียบมากขึ้น รถราที่ใครจะขึ้นไปบนเขาก็ได้ โดนกันไว้ด้านล่าง เจ้าหน้าที่จัดรถโดยสาร รับส่งคนขึ้นลง ทำให้การจราจรไม่ติดขัด ขณะที่ ทีมงานก็มีการซักซ้อมอย่างดี ถ้าหากพบเด็กแล้วจะทำอย่างไร ทุกอย่างมีแบบแผนเป็นระบบ ไม่มั่วซั่ว อย่าดูถูกความสามารถของเจ้าหน้าที่เลย เขาก็พยายามทำทุกอย่างให้ง่ายที่สุดต่อการจัดการล่ะ
18) เราได้เห็น น้ำใจของชาวต่างชาติ บางคนมาช่วยผ่านทางรัฐบาลส่งมา บางคนเดินทางมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน การที่ท่านแสดงถึงน้ำใจที่มี เราขอคารวะทุกท่าน มา ณ ที่นี้ มันทำให้เห็นอีกด้วยว่า ในยามวิกฤติ ไม่มีกำแพงของเชื้อชาติ
19) เราได้รู้ว่าข่าวสารสมัยนี้ไปเร็วมาก เรื่องเกิดแค่ 1 วัน ทั้งโลกรู้แล้วว่ามีเหตุคนติดถ้ำที่ไทย ซึ่งทำให้คนทั้งโลกจับตาดูอยู่ ทุกๆการกระทำ ทุกๆการตัดสินใจ จะเป็นบทพิสูจน์ให้โลกเห็นเลยว่า ประเทศไทย มีฝีมือแค่ไหน ในการรับมือกับปัญหา
20) หลายคนไปด่าเด็ก ว่าเด็กพวกนี้ไม่ควรได้รับการสรรเสริญอะไรทั้งนั้น เป็นเด็กซน แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน คือทำไมใจร้อนรีบด่าจัง ยังไม่รู้ที่มาที่ไปอะไรเลยไม่ใช่หรอ ยังไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเอาตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์นั้น น้ำขึ้นอย่างไร ต้องเอาตัวรอดแบบไหน ไม่มีใครรู้เหตุการณ์จริงๆเลย ได้แต่คาดเดาไปเรื่อย แล้วการที่ไปต่อว่าเด็กๆแบบนั้น มันยุติธรรมหรือ
21) และสมมติว่า เด็กๆผิดจริง ผมอยากให้คิดแบบนี้ครับ ว่าใน 13 คน (แม้จะมีโค้ชอยู่ก็เถอะ) แต่เด็กๆโดยรวม ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 13-16 ปี พวกเขาก็ยังเด็ก ยังไม่มีประสบการณ์ชีวิต ยังทำอะไรไม่ทันคิด ตอนเราเป็นเด็ก เราไม่เคยทำผิดพลาดกันหรอ? เราก็เคยกันทั้งนั้น ผมเชื่อว่าเด็กพวกนี้ เขาเองไม่อยากให้คนอื่นลำบากหรอก เขาแค่ประเมินสถานการณ์ผิดไป ไม่รู้ว่าน้ำมันจะท่วมถ้ำได้ขนาดนั้น ชนิดที่ร้อยวันพันปี ไม่เคยท่วมแบบนี้ ไปมาหลายครั้งก็ไม่เคยเจอท่วม มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้น มันเป็นแจ๊กพ็อตพอดี คือไม่ต้องชมน่ะใช่ ตักเตือนได้ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปด่าเขาเหมือนกัน
22) สิ่งที่แต่ละองค์กรพยายามมอบให้เด็ก อย่างสโมสรเอสซีจี เมืองทองฯ อยากให้ทีมหมูป่า มาดูบอลที่สโมสร และได้โอกาสฝึกกับทีมเยาวชน หรือ สโมสรเชียงราย เตรียมให้ตั๋วดูบอลฟรีตลอดชีวิต มันไม่ใช่การมอบรางวัลให้คนทำผิด แต่มันเป็นการส่งกำลังใจให้ครอบครัวของเด็กต่างหาก ให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนมีแรงใจสู้ต่อว่า เจ้าจงรอดกลับมาเถอะนะ มีสิ่งดีๆรออยู่มากมาย อย่าเพิ่งมาจบชีวิตตอนนี้เลย
23) ใครอยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตาย คุณเอาตั๋วดูบอล มาแลกกับชีวิตทั้งชีวิต เป็นคุณ คุณเอาหรอ มีคนบอกว่า จากนี้ถ้าเด็กคนไหนอยากได้อะไร ก็คงวิ่งไปติดถ้ำ เพื่อให้คนช่วยออกมา แล้วจะได้มีผู้ใหญ่มาให้ของรางวัลมากมาย คือ ก็อยากเห็นเหมือนกัน ว่าใครจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับของตอบแทนแบบนี้
24) อีกอย่าง ถ้าเด็ก "รอดชีวิต" จริงๆ การที่พวกเขาติดอยู่ในสถานการณ์ลำบากขนาดนี้ แล้วยังประคับประคองสติ จนรอดชีวิตได้ไม่คลุ้มคลั่งไปก่อน มันก็เป็นเรื่องน่าทึ่งนะ น่านั่งพูดคุยกับเขา ว่าในสถานการณ์บีบคั้น เขาคิดอะไร ถึงรอดตายมาได้ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายๆคนได้เลย
25) รวมถึงเรื่องสภาพร่างกายด้วย ว่าในสภาพที่มีอาหารน้อย น้ำน้อย ทุกอย่างจำกัดหมด พวกเขามีอาการอย่างไรบ้าง และทำอย่างไรถึงรอดชีวิตมาได้ เป็นประสบการณ์ใหม่ ที่อนาคตถ้ามีคนโชคร้ายเจอเรื่องแบบนี้อีก จะได้พอมีแนวทางว่าต้องทำอย่างไร
26) ในครั้งนี้ ประเทศไทยแลกอะไรไปหลายอย่าง เงินทอง กำลังกาย ทรัพยากร แม้แต่ธรรมชาติ ป่าเขาอยู่ของมันดีๆ ก็จำเป็นต้องถูกตัดไม้ ระเบิดหิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือทุกคนให้รอดปลอดภัย เราเสียอะไรไปเยอะมากจริงๆ
27) แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็มากมายเช่นกัน กับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นครั้งแรก ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ ได้อุทาหรณ์ ได้เห็นมุมมองจากคนทุกสาขาอาชีพ และได้เห็นคนทั้งประเทศรวมใจกันเป็นหนึ่ง
28) และเด็กๆ ถ้ารอดมาได้ พวกเขาจะได้รับรู้แน่นอนว่า คนทั้งชาติต้องแลกกับอะไรมาบ้าง เพื่อให้เขามีชีวิตต่อไป เขาจะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทอีกเลยต่อจากนี้ และทั้ง 13 คน ก็จะกลายเป็นอนาคตของประเทศชาติเราต่อไปในทางใดทางหนึ่ง
29) ที่สำคัญที่สุดอีกข้อคือ เรื่องนี้จะเป็นข้อเตือนใจให้วัยรุ่น และเยาวชนของชาติคนอื่นๆ ให้คิดอ่านอะไรให้รอบคอบมากขึ้น และต้องตระหนักเลยว่า ต้องมีสติให้มาก เพราะเวลาเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่ใช่แค่ตัวเองที่ลำบาก พ่อแม่ก็เป็นห่วง แถมคนอีกมากมาย ต้องมาลำบากเพื่อตัวเอง
30) แน่นอน ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว แทนที่จะหัวเสีย ไปโมโหว่า "มันไม่ควรเกิดขึ้นแต่แรก" หรือ "ทำไมเด็กไม่อ่านป้ายคำเตือน" ก็ยอมรับความจริงตรงๆไหมว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และ ย้อนคิดดีกว่า ว่าเราจะเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้างจากเหตุการณ์นี้
จริงไหม?
ขอให้ผู้ช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ และผู้ประสบภัยทุกคนปลอดภัย
#ถ้ำหลวง #ทีมหมูป่า #HOPE
The help at tham luang is true. We lost a lot of resources to save 13 lives.
But why? I think everything we lost is not a waste, but we get so much back from this incident.
1) in the midst of problems, we have seen that Thailand has a very high leadership ability to manage and leadership like governor of Chiang Rai. When he quickly planned and manage the problem quickly, it shows that the person who will arrive at this position did not come because Lucky help
2) we have seen the truth of the governor, especially saying that those who want to help. Whoever wants to come, but we have to discuss the principle whether the presentation can do or is the idea to slow down the team, not that the one. If you want to help, it will be useful. All the authority must choose to use the right person, not receive all help.
3) of course, everyone knows that finding children is important, but the governor is very smart to focus on "people who help" something that is dangerous, such as diving in too risky or swimming with a chance to risk of sucking fire. Lot Gov won't let navy seal get into the water, which is right. Helping one doesn't mean taking another person's life in exchange.
4) we have seen that whatever strategy must always have a backup plan. The Original plan is to let navy seals keep going to go to the cave to the cave. But in the end, we have a second plan is to check the crater on top. Whether it can be able to go through the cave. And plan three is the idea of drilling mountains. Reaching the destination doesn't have to have one plan, but opening every possible way, the faster the chance to reach the goal.
5) we have known navy seal what it is. Some people don't know that Thailand also know that seal squat from (Sea-Air-land) is a force that works both in the sea, on air and ground as a military unit. Strong body condition through brutal training and in trouble, the superb of navy seal can benefit the mission.
6) we have known the geography of Thailand more. Many people know tham luang for the first time. We know where the nobleman is sleeping. Know that Chiang Rai also has interesting attractions like this. Know the word "Cave" in some new meaning. The Cave is a kilo long and crooked like a labyrinth.
7) we know more about survival. Know "Rule 333" what condition you can survive is lack of air for 3 minutes, lack of drinking water for 3 days, lack of food. 3 weeks. If more, I will die (but of course, this is just a sketchy rule. It doesn't work for everyone). I have knowledge that even without food, the human body can pull back up energy accumulated in fat.
8) We have seen the sacrifice of local people who allow to smoke water into the field. Even when they start doing karma, no one wants to mess themselves and lose benefit. But in the end, when it's death, everyone understands. Is truly a sacrifice.
9) we have seen the ability of the press in limited terms. Nothing is ready. Can you present to your media interesting? Do you have more sharp views than other places and most importantly, will you respect the rules that the authorities set? I will dare to break the rules to hear above other channels.
10) we have seen effective social networks skills like mthai twitter. Presenting facts, fast, fast, no need to create drama, it can create popularity as well.
11) we know that what we hope, what we think about what happens in front of the event is different. Many things we can think of. But in real situations, we can't do it. Someone says why we don't hang food to float water. A child's hand, someone explained that because in the cave, the oil doesn't flow straight like a river, put the floating stuff, then the water is stuck in the rock. The kid didn't get it for sure. Someone asked why they didn't explode the cave, someone explained that it exploded if All like this. Do kids die? We understand that what I imagine may not be done in real life.
12) we know that there are many people who want to face in this society. Some people know that they don't have any skills to help. (well, I want to say that I'm rooting for you can send my heart. is it true) but I want to give myself to I see that I have come to the area. On the contrary, there are many people who are willing to work hard as an ant to keep the mission to move on. But these people don't want any announcement. They want success,
13) we have seen that in Thailand, faith and science can go together freak together. While the team is about to penetrate the cave, we still need to ask permission from the forest or while we use great drone technology to help find our other side. I saw a picture of villagers paying respect to teacher ba bunchum who went to do an eye opening ceremony. It was an unbelievable combination, but it really happened
14) we have seen that when everyone is confused, there are always a chance to take advantage of those who claim to transfer money to their account claim to help 13 lives in the cave like this. There are many people who use news. Be careful. Don't be kind. I have to check it carefully because there are many people in this world. There are many people like this will not die.
15) we have seen that every ability is useful, electrician, groundwater driller, pipeline, doctor, hiker, soldier, journalist, photographer, photographer, rescue team, rescue team, musician, musician, geologists, etc. Everyone can use their own skills. For a common goal, it shows that no career surpasses any career. Everyone can create society in their own way.
16) we have seen a lot of imaginary people. Some people say that kids are involved in drug cases. Some people think that they have found the kid for a long time, but they can't let it out because they are clearing drugs. There are many conspiracy theories, but What the governor said, " Let's stop using imagination " and as the deputy commander of Phu Thon Police, part 5 says, " Tham Luang is not red area " is to think random. There is more punishable than
17) we saw that during the first 3-4 days of the incident, everyone still couldn't catch the beginning. Everything was commotion. But after that everything started to have more organized system. The car that anyone could go up on the hill got hit below the staff. Bus shuttle people up and down makes traffic from getting stuck while the team has a good practice. If they meet the kid, what to do? Everything has a pattern. Don't underestimate the ability of the officer. He tries to do everything as easy to manage.
18) we have seen the kindness of some foreigners to help through the government. Some people come by themselves. No matter what you show the kindness that we salute everyone here, it makes you see that in crisis, there is no wall of race.
19) we have known that news nowadays is going fast. It's happened for only 1 days. The whole world knows that there is a reason for people in the cave in Thailand which makes the whole world to watch every action, every decision will prove to the world. How skillful is Thailand to deal with problems
20) many people say that these kids should not be praised. They are naughty kids and hurt others. Why are they are you so impatient? Don't know what dobt. Don't they don't know why they have to put himself down. In that situation, how to survive. No one knows the real incident. But keep guessing. is it fair to blame kids like that?
21) and assuming that kids are wrong, I want you to think that in 13 people (even with coaches) but most kids are between 13-16 years old. They are young and have no life experience yet. I couldn't do anything when we were kids. Didn't we ever make mistakes? We used to each other. I believe these kids don't want other people to be difficult. They just underestimate the wrong situation. I didn't know that the oil could flood that much. The kind of a hundred days and a thousand years. I have never been flooded like this many times The mistake that no one knew would happen is jackpot. It's not to watch. Yes, I can warn, but there is no need to scold him either.
22) what each organization is trying to give to kids like scg muangthong club. Want the wild boar team to watch football at the club and get a chance to train with youth team or Chiang Rai Club. Prepare for free football tickets for the rest of their life. It's not to reward the wrong person, but it is sending encouragement to the family of children. Let all parents have energy. Keep fighting. Come back. There are many good things waiting. Don't end your life now.
23) who wants to risk your life? You take tickets to watch football for your whole life. Do you want it? Someone said that if any kid wants anything, they will run into the cave so that people can help out so that there will be adults. Come to give many rewards. I want to see who will risk their lives with this kind of return.
24) by the way, if kids really "survive" they are stuck in this difficult situation and still hold their mind until they survive. It's amazing. It's amazing to sit and talk to him that in the situation. Squeezed him. What did he think to survive? It should be an inspiration to many others.
25) including physical condition, in a condition with less food, everything is limited. How do they have symptoms and how to survive. It's a new experience in the future. If someone is unlucky, there will be a way to have a way to be a way. How to do it?
26) in this time, Thailand exchanged many things, money, body, resources, resources, even nature, the forest is good things need to be cut, stone exploded to increase the chances of helping everyone safe. We have lost a lot.
27) but there are many things we have learned from this. with the first disaster, experience, knowledge, see the perspective from every career field and see the whole country together as one.
28) and children, if they survive, they will surely know what the whole nation has to exchange for him to live. He will live careless. from now on, and all 13 of them will become the future of our nation. Next in some way
29) the most important thing is that this will be a reminder for teenagers and youth of other nations to think. Read more carefully and you need to realize that you need to be very conscious because when things happen, not just yourself that are difficult, parents are worried. Plus many people have to be tough for themselves.
30) of course no one wants this incident. But when it happens, instead of being angry that " it shouldn't happen in the beginning " or " why don't kids read the warning signs " accept the truth that it happened and Better think about what we can reap from this event
Is it true?
May all helpers, staff and victims be safe.
#ถ้ำหลวง #ทีมหมูป่า #HOPETranslated
「mess with something meaning」的推薦目錄:
- 關於mess with something meaning 在 Atichart Chumnanont Facebook 的最佳解答
- 關於mess with something meaning 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文
- 關於mess with something meaning 在 Roundfinger Facebook 的精選貼文
- 關於mess with something meaning 在 Mess around / Mess up / Mess with - Phrasal Verbs - YouTube 的評價
- 關於mess with something meaning 在 The use of the phrasal verb "mess someone around" in context 的評價
mess with something meaning 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文
สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเมื่อเช้าครับ :)
น้อง-พี่-ที่รัก:
รักกันไม่ได้แปลว่าจะต้องชอบกันทั้งหมด
(เขียนถึงเนื้อหาบางส่วนในภาพยนตร์)
---
1
ครั้งหนึ่งที่ป๊ากับพี่สาว (ซึ่งผมเรียกว่า แจ้) มีปากเสียงกัน ผมพยายามพูดอะไรบางอย่างให้สองฝ่ายคืนดี หายโกรธ ยกเหตุผลต่างๆ นานา สิ่งที่พี่สาวผมบอกกลับมาก็คือ "แกไม่ต้องยุ่งหรอกน่า เค้าอยู่กันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว เดี๋ยวมันจางลงก็กลับมาคุยกันดีๆ เหมือนเดิม แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้" และคำที่ผมจำได้แม่น "ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ คนในบ้านทะเลาะกันมันเป็นเรื่องปกติ"
...
2
เมื่อวานได้ดู "น้อง-พี่-ที่รัก" โดยมิได้คาดหวังว่าหนังจะเน้นความสัมพันธ์ของพี่ชาย-น้องสาวขนาดนี้ แต่ยิ่งนั่งดูไปมากเท่าไรก็ยิ่งคิดถึงตัวเองและพี่สาวมากขึ้นเท่านั้น
ถามว่าหนังสนุกไหม ตอบว่า-มาก มีมุกให้หัวเราะเกลื่อนกลาดไปทั้งเรื่อง มุกส่วนใหญ่น่ารัก โดน และไม่กริบ น่าจะเพราะการแสดงที่แสนจะพลิ้วของซันนี่และญาญ่า โดยเฉพาะซันนี่ที่เล่นแบบลืมไปเลยว่าตัวเองหล่อ จากสเต็ปของฮิวจ์ แกรนท์ เรื่องนี้เขาได้ข้ามไปสู่สเต็ปของจิม แคร์รีย์เป็นที่เรียบร้อย แต่นั่นแหละ-หนังเรื่องนี้มีมากกว่าความสนุก และอยากชวนไปดูกันเยอะๆ ครับ
ที่คิดถึงตัวเองกับพี่สาวเพราะหนังแสดงให้เห็นถึง "ความต่าง" ระหว่างสองคนนี้แบบสุดขั้ว พี่ชายก็ไม่เอาไหนได้แบบสุดๆ ไร้ระเบียบ เละเทะ เรื่อยเจื้อย เอาตัวรอดด้วยความกะล่อนไปวันๆ ตรงข้ามกับน้องสาวที่เป๊ะ เรียนเก่ง การงานดี กีฬาเลิศ ชีวิตสองคนนี้เหมือนฟ้ากับเหว
ผมกับพี่สาวไม่ได้ต่างกันขนาดนี้ แต่ก็มีส่วนคล้าย ผมค่อนไปทางไร้ระเบียบ รักอิสระ ขณะที่พี่สาวเรียนเก่ง มีระเบียบกับชีวิต ซึ่งผมคิดว่าพี่น้องส่วนใหญ่มักจะมี "ความต่าง" ในแบบของตน
...
3
มีคำพูดว่า "เพื่อนคือญาติที่เราเลือกได้เอง" กลับกันคือ "พี่น้องคือเพื่อนที่เราไม่ได้เลือก และเลือกไม่ได้" เกิดมาก็มีไอ้คนคนนี้อยู่ร่วมบ้านกับเราแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยังไงเราก็ต้องใช้ชีวิตกับมันไปอีกหลายปี เผลอๆ ก็อาจจะทั้งชีวิต
เปลี่ยนคนก็ไม่ได้ เลิกคบหากันก็ไม่ได้
เชื่อเหลือเกินว่าบ่อยครั้งที่พี่หรือน้องจะคิดในใจว่า "ถ้ากูเปลี่ยนพี่น้องเป็นคนนั้นคนนี้ได้คงดี" แต่ประเด็นคือ-มึงเปลี่ยนไม่ได้ไงล่ะ
"พี่-น้อง" จึงเป็นความสัมพันธ์ประหลาด ไม่ได้เลือกคบกัน แต่ต้องทนกันไป ไม่ได้ชอบกันแต่ต้องอยู่กันไปแบบทู่ซี้ แล้วไอ้ความอยู่ด้วยกันนานนี่เองแหละที่สร้าง "ความผูกพัน" ขึ้นมา กระทั่งกลายเป็นความสัมพันธ์รสปะแล้ม คือ "ไม่ได้ชอบมึง แต่รักมึงนะ"
...
4
ในครอบครัวที่พี่หรือน้องคนใดคนหนึ่งมีบุคลิกที่ชัดเจน สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง อีกคนจะกลายเป็นด้านตรงข้ามกับคนนั้นไปเลย
พี่-น้องคือกระจกกลับด้านของกันและกัน (ส่วนหนึ่งเป็นเช่นนั้น)
ความที่อยู่ด้วยกันมานาน พี่น้องเป็นความสัมพันธ์ที่ "เปรียบเทียบ" กันโดยไม่ตั้งใจ แม้ปฏิเสธแต่ก็อดไม่ได้หรอกที่จะเปรียบเทียบ บางทีการเปรียบเทียบนี้อยู่ลึกจนเราไม่รู้ตัว แต่มันมีอิทธิพลต่อ "ความเป็นเรา" มหาศาล
หากพี่เป็นเด็กเรียน ตอนแรกน้องจะพยายามฮึดสู้ แต่ถ้าทำได้ไม่ดี น้องจะเฉไปเอาดีทางอื่นทันที เช่น กลายเป็นคนบ้ากีฬา บ้าศิลปะ เล่นเกม หรืออะไรสักอย่างที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนในใบเกรด
หากพี่เจ้าระเบียบมากๆ น้องจะดื้อด้าน แหกกฎ หากน้องขยัน พี่อาจทำตัวกลับกันคือนั่งๆ นอนๆ สบายๆ หากน้องไปทางบุคลิกดี สำรวมเรียบร้อย พี่อาจหนีไปทางตลกโปกฮา และอื่นๆ อีกมากมาย ลองมองพี่น้องรอบตัวก็จะเห็น "กระจกกลับด้าน" เช่นนี้จำนวนไม่น้อย
เราต่างมีอิทธิพลต่อกันและกัน
พูดอีกอย่างคือ "เราต่างสร้างตัวตนของอีกคนขึ้นมา"
ซึ่งบ่อยครั้งไม่ได้สร้างให้อีกคนเหมือนเรา แต่กลับสร้างให้อีกคนแตกต่างจากเรา เพราะเขาต้องการ "หนี" ไปอีกทาง ไม่ให้ซ้ำทางพี่ ไม่ให้ทับทางน้อง
พี่-น้องจึงเป็นโจทย์แรกๆ ของชีวิตที่เราต้องเจอ โจทย์ที่ว่าเราจะ "เอาดี" แบบไหนบนเส้นทางตัวเอง หากสู้กับอีกคนหนึ่งบนทางเส้นนั้นไม่ได้ ยังเหลือทางไหนให้ไปอีก แล้วการหาทางออกเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่านี่เองที่หล่อหลอม "ตัวตน" ของเราขึ้นมาให้เป็นแบบที่เราเป็นตอนโตขึ้น
และการกลับด้านเช่นนี้เองที่ค่อยๆ สร้างความเป็น "คู่ตรงข้าม" ขึ้นมาในตัวเราสองคน ค่อยๆ ถ่างเราห่างจากกัน ค่อยๆ ทำให้เรามีโลกคนละใบ และเป็นไปได้ว่า--ค่อยๆ ทำให้เราเข้าใจกันและกันน้อยลงเรื่อยๆ
...
5
มองไปที่พี่ เราจึงเห็นว่าเขาอยู่บนโลกอีกใบหนึ่ง เราเป็นมนุษย์คนละดาวที่ถูกเสก (หรือสาบ) ให้มาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
โจทย์ที่สองที่คนมีพี่น้องค่อยๆ เรียนรู้ตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่นไปจนถึงเป็นผู้ใหญ่ก็คือ แล้วเราจะอยู่ร่วมกับ "มนุษย์คนละดาว" อย่างไรให้มีความสุข การจะได้มาซึ่งคำตอบของโจทย์นี้ บางคนใช้เวลาทั้งชีวิต
ราวกับว่าเรามีพี่มีน้องที่ต่างกันก็เพื่อให้เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนที่แตกต่าง (มากน้อยก็ว่ากันไป) หนีไปไหนไม่ได้ ตัวอาจแยกจากกันบางเวลา แต่หัวใจมันผูกกันไปแล้ว
ไม่ชอบมัน แต่รักมัน
นี่คือแบบฝึกหัดความสัมพันธ์ในแบบที่ "คู่รัก" มอบให้ไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์แบบคู่รักนั้นพร้อมจะ "บอกเลิก" กันได้เมื่อถึงจุดที่ทนไม่ไหว แต่พี่น้องจะไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ไปถึงจุดนั้น เพราะเราต่างรู้กันว่าเราไม่มีวันเลิกเป็นพี่เป็นน้องกัน หรือหากต้องเลิกเป็นจริงๆ มันคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต เป็นแผลเป็นที่เหลือบไปเห็นทีไรก็เจ็บแปลบขึ้นมาทุกครั้ง
เราจึงประคับประคอง "ความต่าง" ด้วยทุกวิถีทางที่คิดออก
...
6
เช่นนี้แล้ว การเป็นพี่น้องจึงไม่ใช่ความสนุกสวยงามแบบภาพฝัน ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ดีเหลือเกินที่ไม่ตอกย้ำภาพฝันนั้น หากมันคือการ "ทำงาน" แบบหนึ่ง เป็นการทำงานทางด้านจิตใจที่จะยอมรับและยอมรักคนที่แตกต่างจากเราได้ด้วยหัวใจ มิใช่ด้วยการตัดสินพิพากษาเขาด้วยมาตรฐานส่วนตัว
เราจะรักพี่หรือน้องเราได้ก็ต่อเมื่อเราไป "ยืนในรองเท้าของเขา" สวมรองเท้าเขา มองชีวิตจากมุมของเขา เงื่อนไขของเขา ประสบการณ์ที่หล่อหลอมมาของเขา แล้วจึงจะเข้าใจว่าทำไมเขาเป็นแบบนั้น ทำไมเขาคิดเช่นนั้น แล้วเราอาจต้องประหลาดใจด้วยซ้ำว่า ที่เขาเป็นแบบนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะเราเป็นแบบนี้
ความเข้าใจจะเกิดขึ้นเมื่อหมั่นสลับรองเท้ากันใส่ หมั่นแลกจุดยืนของกันและกัน แล้วเราจะไม่ตัดสินการกระทำของพี่หรือน้องด้วยจุดยืนของเราฝ่ายเดียว (เหมือนที่ "พี่ชัช" ในเรื่องตัดสินการช่วยเหลือของน้องสาวด้วยมุมมองของตัวเองในวันแต่งงาน)
พี่น้องเปิดโอกาสให้เรา "แลกรองเท้า" กันบ่อยกว่าความสัมพันธ์แบบอื่น ที่พร้อมจะให้อภัยน้อยกว่า
หลายครั้งผมคิดว่า ของขวัญมีค่าที่สุดที่พี่น้องจะมอบให้แก่กันไม่ใช่ข้าวของเลอเลิศอันใดเลย หากคือการให้อภัยกันด้วยหัวใจที่ไม่ติดค้าง อ้าแขนออกแล้วบอกว่า "ฉันโอเคกับความเป็นแก" แม้ในใจเราอาจอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เราคิดว่าน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่นั่นอาจเป็นเพียงการตัดสินจากมาตรฐานส่วนตัวก็เป็นได้ การโอบกอดในสิ่งที่เขาเป็นนั้นอาจมีค่ามากกว่าการพยายามหยิบยื่นสิ่งที่ (เราคิดว่า) ดีให้แก่เขาด้วยซ้ำไป
...
7
ผมชอบที่หนังไม่ได้จบที่การเปลี่ยนแปลง "ตัวตน" ของพี่หรือน้อง ทั้งสองยังเป็นแบบที่ตัวเองเป็น คนเราไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ
พี่น้องในเรื่องไม่ได้เปลี่ยน "ตัวตน" หากเข้าใจมากขึ้นว่าเราควรเป็นพี่น้องกันด้วยความรู้สึกแบบไหน
เปลี่ยนจากการแบกรับน้ำหนักของการเปรียบเทียบ จับจ้องแต่ความต่าง ก่นด่าในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น ให้กลายเป็นความปรารถนาดีต่อกัน
ใช่, ปรารถนาดีต่อกัน--เราอาจมีกันและกันเพื่อเรียนรู้สิ่งนี้
เราสามารถปรารถนาดีต่อกันได้โดยไม่ต้องถูกใจอีกฝ่ายไปเสียทุกเรื่อง และถ้าเราปรารถนาดีต่อเขา อยากเห็นเขามีความสุข เราอาจต้องยอมบางอย่าง เราอาจไม่จำเป็นต้องพยายามเปลี่ยนแปลงเขา เราเพียงดำเนินชีวิตข้างกันด้วยหัวใจที่เปี่ยมความคาดหวังให้อีกคนหนึ่งมีความสุขที่สุด
นี่คือบทเรียนเรื่อง "ความปรารถนาดีอย่างถูกวิธี" ที่พี่น้องสอนเรา
สิ่งที่พี่ชัชพูดกับหลาน (ลูกชายของน้องสาว) ในตอนท้ายเรื่องว่า "เป็นพี่แล้วนะ รักน้องให้มากๆ นะ" นั้นมีความหมายลึกซึ้งเมื่อตัวเขาเองได้ผ่านรอยปริแยกแห่งความสัมพันธ์ของพี่น้องมาแล้ว
"รักน้อง" นั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ "รักยังไง" ต่างหากที่เราต้องใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะเรียนรู้
...
8
หลังจากนั้นไม่กี่วัน พี่สาวก็ซื้อกับข้าวอร่อยๆ มาฝากป๊า แล้วทั้งครอบครัวก็นั่งล้อมวงกินข้าวพูดคุยกันตามปกติ
บ้านเรากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่จะว่าไปก็น่าถามถึงความหมายของคำว่า "ปกติ" มันอาจเป็นแบบที่พี่สาวหรือแจ้ของผมบอกไว้ก็เป็นได้ว่า การทะเลาะกันก็เป็นเรื่องปกติอย่างหนึ่งของคนในบ้าน
เราอาจทะเลาะกันเพื่อเรียนรู้วิธีที่จะอยู่ด้วยกัน ให้เราค่อยๆ สอบผ่านวิชา "ความปรารถนาดีอย่างถูกวิธี" ไปทีละขั้น เหมือนกันกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่สาว ทุกวันนี้เราก็ยังเป็นมนุษย์คนละดาวซึ่งถูกเสก/สาบให้มาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ไม่ได้ลงรอยไปเสียทั้งหมด แต่ยืนยันได้ว่าเรารักกันเสมอ
นี่คือสิ่งที่พี่สาวคนละดาวสอนผมโดยที่เธอไม่ได้พูด แต่ความสัมพันธ์บนความต่างอันยาวนานบอกใบ้ความลับของชีวิตบางอย่างกับผมว่า "การที่เราจะรักใครสักคน เราไม่จำเป็นต้องชอบทั้งหมดที่เขาเป็น"
ซึ่งความลับนี้อาจไม่ได้ใช้ได้เฉพาะกับ "พี่-น้อง" เท่านั้น
...
9
ผมกับพี่เคยมีช่วงเวลาที่เราห่างจากกันและหยุดพูดคุยกันไป แต่แล้ววันหนึ่งเราก็กลับมาคุยกันอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ของพี่น้องบางคู่ไม่หวานหอมหรอกครับ ใครที่มีความสัมพันธ์ราบเรียบกับพี่น้องก็นับว่าโชคดี แต่ผมเองก็คิดว่าตัวเองโชคดีอีกแบบหนึ่ง
ผมได้รู้จักความรักที่มีรสขม และผมก็เชื่อว่าพี่สาวของผมก็ได้ลิ้มรสนั้นจากความรักระหว่างเราเช่นกัน
ถ้าต่างกันขนาดนี้แล้วเรายังรักกันได้ ถึงวันหนึ่งบทเรียนนี้น่าจะแผ่ขยายพื้นที่หัวใจให้เรารักคนที่แตกต่างที่ต้องพบเจอในชีวิตได้อีกมากมายนัก
นี่อาจเป็นเหตุผลที่เราถูกเสกให้อยู่ในบ้านหลังเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก
ผมรู้ดีว่าพี่รักผม และผมก็รักพี่ เราไม่ได้ชอบทั้งหมดที่อีกคนเป็น แต่เราค่อยๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับในสิ่งที่เราไม่ชอบนั้น
ผมอยากชวนพี่ไปดูหนังเรื่องนี้ แต่ก็รู้ดีว่ามันคงจะดูแปลกๆ ยังไงก็เถอะ ผมเชื่อว่าถ้าพี่ได้ดูเค้าจะคิดถึงผม ฉากที่พี่น้องกอดกันตอนท้ายเรื่องคงแทนความรู้สึกระหว่างเราได้ดี
ระยะห่างระหว่างเรานั้นห่างกันมาก ขณะเดียวกันก็ใกล้ชิดกันมาก
จะมีความสัมพันธ์แบบไหนสอนเราได้เช่นนี้อีก
อย่าเชื่อว่าความรักจะมีแต่รสหวาน และอย่าเชื่อว่าความรักที่ไม่หวานนั้นไม่สวยงาม
มันสวยงามอีกแบบหนึ่ง
ก็เหมือนพี่หรือน้องของเรานั่นแหละ-เขาสวยงามในแบบเขา
และสิ่งที่เราควรทำที่สุดคือโอบกอดความสวยงามนั้น
#น้องพี่ที่รัก
#BrotherOfTheYear
Sister-Brother-Baby:
Love each other doesn't mean we have to like each other all.
(write to some content in the film)
---
1
One time dad and sister (which I call jae) got into an argument. I tried to say something to two sides. Good night. I'm angry. All the reason. What my sister said back is " you don't have to mess with me. They live together. For decades, it will fade. We will come back to talk well as usual. Just not now " and the words I remember " no need to make a big deal. People in the house fight is normal "
...
2
Yesterday, I watched "Brother-Brother-darling" without expecting the movie to focus on brother-sister relationship like this. But the more I sit and watch, the more I think about myself and my sister.
If you ask if the movie is fun. I say - there are jokes to laugh at. Most of them are cute and not grip. It should be because of sunny and yaya, especially sunny playing forgetful. Let's say he's handsome from this hugh grant step. He has already crossed to Jim Carrie's steps, but that's it - this movie is more than fun and I want to invite you to watch a lot.
I miss myself and my sister because the movie shows the difference " between these two extreme. My brother can't want to go anywhere. No mess. Keep going to survive with the day. The perfect sister. Good at studying, good job. Great Sports. These two lives are like sky and abyss.
Me and my sister are not this different, but there is a similar part of me. I am quite unorganized, free love while my sister is good at studying, organized with life, which I think most brothers always have "different" in their own way
...
3
There is a word that "friends are relatives that we can choose they are" brothers are friends that we didn't choose and can't choose I was born, there is this person in our house with us. No matter what, we have to live with it. Many more years, maybe my whole life.
I can't change people. I can't stop being in relationship.
I believe that I often think in my heart, "if I could change this person, it would be good" but the point is - you can't change.
" Brother-sister " is a strange relationship. We don't choose to be together, but we have to endure each other. We don't like each other, but we have to live together for a long time that created " Bond " until it becomes a relationship. And it's " I don't like you but I love you
...
4
In a family where one brother or brother has a super clear personality. The other will become the opposite side of that person.
Brother-sister is a mirror back to each other's side (part of them)
Being together for a long time. Brothers is a relationship that " Compare " unintentionally. Even in denial, we can't help but compare. Sometimes this comparison is so deep that we don't realize, but it influences " US "
If you were a student, at first, you would try to fight. But if you didn't do well, you would go to get good things right away, such as becoming crazy, Sports, crazy, art, game or something that is not about studying in grade card.
If your brother is very organized, you will be stubborn and break the rules. If you are diligent, you may act back. Sit and sleep comfortably. If you go to a good personality, you may run away from the funny way. Funny way, and more. Let's see brothers around. I will see a few "mirrors" like this.
We all influence each other.
Another saying is " we all create one another's identity
I often don't create another person like us, but it makes another person different from us because he wants to "run away" the other way, not to repeat the way. I won't let you over the way.
Brother-sister is the first problem of our life that we have to find. What kind of "we will" do on our path. If we can't fight with another person on the road, there is still any way to go. Finding a solution like this over and over again. The handsome one who we are " to be the way we were when we were growing up.
And this kind of turning back that slowly creates the "opposite couple" in the two of us slowly spread us apart. Slowly makes us a different world and it's possible that -- slowly makes us understand each other less.
...
5
Look at my brother, I see that he is on another planet. We are human beings who are made (or) to be in the same house.
The second problem that people have siblings slowly learn from teenagers to mature. How can we live with "different stars" to be happy to get the answer to this problem. Some people spend their whole life.
As if we have different brothers, so that we can learn to live with different people (no matter how much we say). We can't go anywhere. We may be separated for some time, but our hearts are tied.
Don't like it but love it
This is the kind of relationship training that " couples " can't give because couples are ready to " break up " when it comes to the point where they can't stand it, but brothers won't let the relationship reach that point because we both know that we will never stop being brother. Sister or if you have to stop being, it would be the saddest thing in life. It's a scar that I see it, it hurts every time.
So we support "the difference" in every way we can figure out.
...
6
Like this, being a sibling is not a fun, beautiful dream. This movie is so good not to remind that dream. If it is to "work" a mental work to accept and love someone who is different from us with the heart. Not by judgement, judge him by personal standards.
We can only love my brother or brother when we go to "Stand in his shoes" wearing shoes. He looks at life from his angle. His condition. His handsome experience, then you will understand why he is like that. Why he thinks so. We may even be surprised that he is because we are.
Understanding will happen when switching shoes to exchange each other's stand and we will not judge the actions of brother or brother by one side. (like "brother chor cuddle hours" in judging sister's help with their own perspective in Wedding day)
Brothers open the opportunity for us to "exchange shoes" more often than other relationships that are less ready to forgive.
Many times, I think that the most valuable gift that brothers will give to each other, not a great thing. If it is to forgive each other with a heart that doesn't owe each other with open arms and say "I'm okay with you" even in our hearts, we may want him to change. In a way we think it's better than we are, but that may be just judging by personal standards. Embracing who he is is more valuable than trying to give him what (we think) is good.
...
7
I like that the movie doesn't end at changing "who" of both of you or sisters. It's still the way they are. People don't change easily.
Brothers and sisters don't change "who they are" if you understand what kind of feelings we should be brothers.
Change from carrying the weight of comparison, but the difference, cursing what the other is to be best wishes for each other.
Yes, wish for each other -- we may have each other to learn this
We can wish to be good to each other without liking the other. and if we wish to be good for him happy, we may have to give up something. We may not have to try to change him. We just live beside each other with a heart. Expectation for one another to be the happiest
This is the lesson about "best wishes" that brothers teach us.
What brother chor cuddle said to the grandchild (sister's son) at the end, "I am a brother now. I love you very much" is a deep meaning when he has passed the cremation of brothers relationship.
" love you " is for sure, but " how to love " is what we take a long time to learn.
...
8
After a few days, my sister bought some delicious rice for dad. Then the whole family sat around the band, eating and talking as usual.
Our house is back to normal again, but it's nice to ask about the meaning of " normal it may be the way my sister or jae said. Fighting is normal for people in the house.
We may fight to learn how to be together. Let us gradually pass the "best wishes" class. Same step by step with the relationship between me and my sister. Nowadays we are still human beings who are made / scalmed / scalmed in the same house. Not all the marks, but I can confirm that we always love each other.
This is what a different star sister taught me without saying, but a long relationship. Hints some secrets of life to me, "to love someone, we don't have to like all that they are"
This secret may not only be used with "Brother-sister"
...
9
My brother and I used to have a time when we were apart and stopped talking to each other. But then one day we came back to talk again.
Some brothers relationship is not sweet and fragrant. Anyone who has a smooth relationship with brothers is lucky. But I think I am lucky.
I have known bitter love, and I believe my sister also tasted it from our love.
If it's this different, we can still love each other until one day. This lesson should spread our heart space to love many different people who have to meet in life.
Maybe this is why we were conjured in the same house since we were young.
I know that you love me, and I love you. I don't like all that the other person is, but we slowly learn to accept what we don't like.
I want to invite you to watch this movie, but I know that it will look strange. I believe that if you watch it, they will miss me. The scene where brothers hug each other at the end, the story will replace our feelings.
The distance between us is so far apart, meanwhile, very close.
What kind of relationship can teach us like this?
Don't believe that love is only sweet and don't believe that love is not sweet.
It's beautiful in another way.
Just like our brother or brother - he is beautiful in his way.
And all we should do is embrace that beauty
#น้องพี่ที่รัก
#BrotherOfTheYearTranslated
mess with something meaning 在 Roundfinger Facebook 的精選貼文
น้อง-พี่-ที่รัก:
รักกันไม่ได้แปลว่าจะต้องชอบกันทั้งหมด
(เขียนถึงเนื้อหาบางส่วนในภาพยนตร์)
---
1...
Continue ReadingSister-Brother-Baby:
Love each other doesn't mean we have to like each other all.
(write to some content in the film)
---
1
One time dad and sister (which I call jae) got into an argument. I tried to say something to two sides. Good night. I'm angry. All the reason. What my sister said back is " you don't have to mess with me. They live together. For decades, it will fade. We will come back to talk well as usual. Just not now " and the words I remember " no need to make a big deal. People in the house fight is normal "
...
2
Yesterday, I watched "Brother-Brother-darling" without expecting the movie to focus on brother-sister relationship like this. But the more I sit and watch, the more I think about myself and my sister.
If you ask if the movie is fun. I say - there are jokes to laugh at. Most of them are cute and not grip. It should be because of sunny and yaya, especially sunny playing forgetful. Let's say he's handsome from this hugh grant step. He has already crossed to Jim Carrie's steps, but that's it - this movie is more than fun and I want to invite you to watch a lot.
I miss myself and my sister because the movie shows the difference " between these two extreme. My brother can't want to go anywhere. No mess. Keep going to survive with the day. The perfect sister. Good at studying, good job. Great Sports. These two lives are like sky and abyss.
Me and my sister are not this different, but there is a similar part of me. I am quite unorganized, free love while my sister is good at studying, organized with life, which I think most brothers always have "different" in their own way
...
3
There is a word that "friends are relatives that we can choose they are" brothers are friends that we didn't choose and can't choose I was born, there is this person in our house with us. No matter what, we have to live with it. Many more years, maybe my whole life.
I can't change people. I can't stop being in relationship.
I believe that I often think in my heart, "if I could change this person, it would be good" but the point is - you can't change.
" Brother-sister " is a strange relationship. We don't choose to be together, but we have to endure each other. We don't like each other, but we have to live together for a long time that created " Bond " until it becomes a relationship. And it's " I don't like you but I love you
...
4
In a family where one brother or brother has a super clear personality. The other will become the opposite side of that person.
Brother-sister is a mirror back to each other's side (part of them)
Being together for a long time. Brothers is a relationship that " Compare " unintentionally. Even in denial, we can't help but compare. Sometimes this comparison is so deep that we don't realize, but it influences " US "
If you were a student, at first, you would try to fight. But if you didn't do well, you would go to get good things right away, such as becoming crazy, Sports, crazy, art, game or something that is not about studying in grade card.
If your brother is very organized, you will be stubborn and break the rules. If you are diligent, you may act back. Sit and sleep comfortably. If you go to a good personality, you may run away from the funny way. Funny way, and more. Let's see brothers around. I will see a few "mirrors" like this.
We all influence each other.
Another saying is " we all create one another's identity
I often don't create another person like us, but it makes another person different from us because he wants to "run away" the other way, not to repeat the way. I won't let you over the way.
Brother-sister is the first problem of our life that we have to find. What kind of "we will" do on our path. If we can't fight with another person on the road, there is still any way to go. Finding a solution like this over and over again. The handsome one who we are " to be the way we were when we were growing up.
And this kind of turning back that slowly creates the "opposite couple" in the two of us slowly spread us apart. Slowly makes us a different world and it's possible that -- slowly makes us understand each other less.
...
5
Look at my brother, I see that he is on another planet. We are human beings who are made (or) to be in the same house.
The second problem that people have siblings slowly learn from teenagers to mature. How can we live with "different stars" to be happy to get the answer to this problem. Some people spend their whole life.
As if we have different brothers, so that we can learn to live with different people (no matter how much we say). We can't go anywhere. We may be separated for some time, but our hearts are tied.
Don't like it but love it
This is the kind of relationship training that " couples " can't give because couples are ready to " break up " when it comes to the point where they can't stand it, but brothers won't let the relationship reach that point because we both know that we will never stop being brother. Sister or if you have to stop being, it would be the saddest thing in life. It's a scar that I see it, it hurts every time.
So we support "the difference" in every way we can figure out.
...
6
Like this, being a sibling is not a fun, beautiful dream. This movie is so good not to remind that dream. If it is to "work" a mental work to accept and love someone who is different from us with the heart. Not by judgement, judge him by personal standards.
We can only love my brother or brother when we go to "Stand in his shoes" wearing shoes. He looks at life from his angle. His condition. His handsome experience, then you will understand why he is like that. Why he thinks so. We may even be surprised that he is because we are.
Understanding will happen when switching shoes to exchange each other's stand and we will not judge the actions of brother or brother by one side. (like "brother chor cuddle hours" in judging sister's help with their own perspective in Wedding day)
Brothers open the opportunity for us to "exchange shoes" more often than other relationships that are less ready to forgive.
Many times, I think that the most valuable gift that brothers will give to each other, not a great thing. If it is to forgive each other with a heart that doesn't owe each other with open arms and say "I'm okay with you" even in our hearts, we may want him to change. In a way we think it's better than we are, but that may be just judging by personal standards. Embracing who he is is more valuable than trying to give him what (we think) is good.
...
7
I like that the movie doesn't end at changing "who" of both of you or sisters. It's still the way they are. People don't change easily.
Brothers and sisters don't change "who they are" if you understand what kind of feelings we should be brothers.
Change from carrying the weight of comparison, but the difference, cursing what the other is to be best wishes for each other.
Yes, wish for each other -- we may have each other to learn this
We can wish to be good to each other without liking the other. and if we wish to be good for him happy, we may have to give up something. We may not have to try to change him. We just live beside each other with a heart. Expectation for one another to be the happiest
This is the lesson about "best wishes" that brothers teach us.
What brother chor cuddle said to the grandchild (sister's son) at the end, "I am a brother now. I love you very much" is a deep meaning when he has passed the cremation of brothers relationship.
" love you " is for sure, but " how to love " is what we take a long time to learn.
...
8
After a few days, my sister bought some delicious rice for dad. Then the whole family sat around the band, eating and talking as usual.
Our house is back to normal again, but it's nice to ask about the meaning of " normal it may be the way my sister or jae said. Fighting is normal for people in the house.
We may fight to learn how to be together. Let us gradually pass the "best wishes" class. Same step by step with the relationship between me and my sister. Nowadays we are still human beings who are made / scalmed / scalmed in the same house. Not all the marks, but I can confirm that we always love each other.
This is what a different star sister taught me without saying, but a long relationship. Hints some secrets of life to me, "to love someone, we don't have to like all that they are"
This secret may not only be used with "Brother-sister"
...
9
My brother and I used to have a time when we were apart and stopped talking to each other. But then one day we came back to talk again.
Some brothers relationship is not sweet and fragrant. Anyone who has a smooth relationship with brothers is lucky. But I think I am lucky.
I have known bitter love, and I believe my sister also tasted it from our love.
If it's this different, we can still love each other until one day. This lesson should spread our heart space to love many different people who have to meet in life.
Maybe this is why we were conjured in the same house since we were young.
I know that you love me, and I love you. I don't like all that the other person is, but we slowly learn to accept what we don't like.
I want to invite you to watch this movie, but I know that it will look strange. I believe that if you watch it, they will miss me. The scene where brothers hug each other at the end, the story will replace our feelings.
The distance between us is so far apart, meanwhile, very close.
What kind of relationship can teach us like this?
Don't believe that love is only sweet and don't believe that love is not sweet.
It's beautiful in another way.
Just like our brother or brother - he is beautiful in his way.
And all we should do is embrace that beauty
#น้องพี่ที่รัก
#BrotherOfTheYearTranslated
mess with something meaning 在 The use of the phrasal verb "mess someone around" in context 的推薦與評價
"Mess around (with sb)" has a set meaning too. If a married man or woman messes around with someone, they have a sexual relationship with ... ... <看更多>
mess with something meaning 在 Mess around / Mess up / Mess with - Phrasal Verbs - YouTube 的推薦與評價
In this video you can study English phrasal verbs mess around, mess up, and mess with. Improve your English vocabulary with Kris Amerikos. ... <看更多>