"เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ สำหรับรับมือฝุ่น PM2.5"
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ให้สัมภาษณ์สื่อไปหลายสำนัก ที่ถามว่าปีนี้เราจะต้องเจอกับฝุ่น PM2.5 อีกหรือเปล่า จะหมดฤดูฝน เข้าฤูดูหนาวแล้ว
ก็ขอยืนยันว่า ชัวร์ ! เพราะยังไม่เห็นว่ามีมาตรการอะไรที่จริงจังจากภาครัฐ ที่จะช่วยลดการเกิดฝุ่น PM2.5 ลง แถมธรรมชาติก็มาเตือนเราวันก่อนที่นึงแล้ว ว่าแค่อากาศเริ่มนิ่ง ลมเริ่มสงบ (ฝุ่น PM2.5 จะแพ้กระแสลม ไม่ได้แพ้ฝน) ค่าปริมาณฝุ่นก็พุ่งสูงขึ้นทันที แถมปีนี้มีแนวโน้มจากพยากรณ์อากาศว่าอากาศจะหนาวเย็น ยาวนานกว่าปีก่อนด้วย
ดังนั้น ถ้าใครมีทุนทรัพย์ ก็ควรจะเตรียมตัวรับมือฝุ่น PM2.5 ด้วยการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะ หน้ากากกันฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องวัดปริมาณฝุ่น แผ่นกรองฝุ่นในบ้าน (สำหรับปิดหน้าพัดลม หรือหน้าเครื่องแอร์) ไส้กรองแอร์รถยนต์ ฯลฯ
วันนี้ จึงอยากจะเอาสาระเรื่องวิธีการเลือกซื้อ "เครื่องฟอกอากาศ" มาฝากกันด้วยครับ
- เครื่องฟอกอากาศ เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เมื่อก่อนผมก็คิดว่าไม่ค่อยจำเป็น แต่ตอนนี้ผมมีติดห้องต่างๆ ในบ้านและในออฟฟิซ ซึ่งช่วยทำให้ห้องนั้นเป็นเหมือนพื้นที่ปลอดภัย (safe zone) สร้างอากาศที่บริสุทธิ์ ให้ตัวเราและครอบครัวได้เข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่มีฝุ่น PM2.5 สูง ... เครื่องฟอกอากาศ ถ้าเลือกซื้อได้เหมาะสม ยังจะช่วยลดสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ ไม่ว่าจะฝุ่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรือแม้แต่เชื้อโรค และกลิ่นเหม็นกลิ่นอับได้ (ความสามารถเฉพาะรุ่น เฉพาะไส้กรอง)
- แต่เครื่องฟอกอากาศเอง ก็มีอยู่หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบพื้นฐานที่ใช้แผ่นกรองอากาศ (air filter) ที่ทำจากกระดาษหรือเส้นใยสังเคราะห์ มาดักจับฝุ่นและสารต่างๆ รวมไปถึงแบบที่แผ่นกรองสามารถกำจัดกลิ่นได้ ด้วยการใช้ถ่านกัมมันต์ (activated carbon) หรือแบบที่มีการกรองด้วยไฟฟ้าสถิต (electrostatic precipitator) ที่จะปล่อยประจุไฟฟ้าลบ ออกมาจับฝุ่นละอองที่เป็นประจุบวกให้ตกลงสู่พื้น นอกจากนี้ ยังมีแบบที่สร้างแสงยูวีหรือแสงอัลตร้าไวโอเล็ต ออกมาทำลายเชื้อโรค หรือสร้างก๊าซโอโซน มาฆ่าเชื้อโรคและทำลายกลิ่นในห้อง
- โดยส่วนตัว ผมจะเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศรุ่นที่เป็นระบบแผ่นกรองอากาศ เพียงอย่างเดียวก็พอเพียงกับการรับมือกับฝุ่น PM2.5 แล้ว หรืออย่างมากก็เลือกยี่ห้อและรุ่นที่สามารถใส่แผ่นกรองแบบถ่านกัมมันต์แถมไปช่วยลดกลิ่นด้วย ส่วนแบบที่ปล่อยประจุไฟฟ้าลบนั้น ผมไม่ค่อยนิยมใช้เพราะก็จะทำให้ฝุ่นตกอยู่กับพื้น ต้องคอยทำความสะอาดห้องเพิ่มอีก (ถ้าห้องนอน ก็ลงที่นอน ทำความสะอาดลำบาก) หรือพวกแสงยูวีกับพวกก๊าซโอโซนนั้น ผมก็ไม่ค่อยจะส่งเสริม เพราะมันมีผลข้างเคียงเป็นอันตรายได้ ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง
- ทีนี้ การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศนั้น เรื่องสำคัญที่สุดคือ ต้องพิจารณาถึง "ขนาดของห้อง" ของเราก่อน ว่าเครื่องที่จะซื้อนั้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศพอเพียงกับห้องของเราหรือไม่ เช่น ถ้าห้องขนาดใหญ่ ก็จำเป็นต้องซื้อเครื่องตัวใหญ่ เพราะถ้าใช้เครื่องตัวเล็กไป มันก็จะทำงานหนักและไม่สามารถลดฝุ่นลงถึงระดับที่ปลอดภัยได้ (และในทางกลับกัน ถ้าห้องเล็ก แต่ซื้อเครื่องใหญ่ ก็เปลืองเงินเปลืองไฟเปล่าๆ)
- ต่อมาคือ ดูชนิดของแผ่นกรองที่ให้มากับเครื่อง ว่ามีความละเอียดเพียงพอจะกรองฝุ่น PM2.5 หรือไม่ โดยแผ่นกรองระดับที่เหมาะสมที่สุดนั้นเรียกว่า เฮปป้า ฟิลเตอร์ (HEPA filter) จะดักจับฝุ่นละเอียดได้ในปริมาณมาก ในราคาที่ไม่แพงเกินไป (ถ้าเป็นแบบ ULPA ที่ละเอียดกว่า HEPA จะราคาสูงมาก ทั้งที่ไม่จำเป็นขนาดนั้น) ขณะที่บางยี่ห้อ อาจจะเป็นแผ่นกรองที่ความละเอียดต่ำกว่า อย่างระดับ EPA (เช่น รุ่น E10 E11 E12 ซึ่งไม่ดีเท่ากับเฮปป้า H13 H14) เพราะมีราคาถูกกว่า ซึ่งจริงๆ มันก็ใช้ได้นะ แต่ต้องใช้เวลานานกว่าในการกำจัดฝุ่นจากในห้องนั้น เมื่อเทียบกับแผ่นกรองระดับเฮปป้า มีรายละเอียดที่ผมเคยเขียนปีที่แล้วนะครับ (https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/posts/566175177198873)
- จากนั้น ก็ดูเสปกของเครื่อง โดยดู 2 ค่า คือ ค่าแอร์โฟลว์ airflow หรือค่าปริมาณอากาศที่ถูกดูดเข้าไปและปล่อยออกมาจากเครื่อง (ซึ่งถ้ามีค่านี้สูง ก็หมายความว่าเครื่องฟอกอากาศนั้น มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว) และค่า CADR (หรือ Clean Air Delivery Rate) หรือค่าอัตราการให้อากาศที่สะอาดแล้วออกมาในหนึ่งหน่วยเวลา (เช่นกันคือ ยิ่งมีค่า CADR สูง เครื่องฟอกอากาศนั้นก็ยิ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงด้วย)
- อีกเรื่องที่ควรตรวจสอบด้วย คือเครื่องนั้นเสียงดังแค่ไหน ยิ่งถ้าจะติดตั้งในห้องนอน ก็ควรเลือกเครื่องที่มีโหมดกลางคืน ที่ให้เสียงเงียบเป็นพิเศษ หรืออย่างน้อย ระดับเสียงที่เหมาะสมก็ไม่ควรเกิน 30 เดซิเบล (เจอกับตัวเองมาแล้ว ซื้อไปยี่ห้อนึง ราคาถูกมาก แต่เสียงดังแบบรำคาญ เลยต้องไปไว้ที่ออฟฟิส แทนที่จะไว้ที่บ้านได้)
- ส่วนที่เหลือ ก็เป็นเรื่องรองๆ แล้ว เช่น ประหยัดไฟแค่ไหน ราคาแผ่นกรองนั้นสูงมากมั้ย (เพราะเดี๋ยวปีสองปี ก็ต้องเปลี่ยน) มีฟังค์ชั่นอื่นๆ ช่วย เช่น มีตัวตรวจวัดปริมาณฝุ่น ด้วยหรือไม่ พวกลูกเล่นเรื่องตั้งเวลาเปิดปิด เวลารับประกัน ฯลฯ
อันนี้เป็นแนวทางคร่าวๆ ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ส่วนจะใช้ยี่ห้อไหนหรือรุ่นไหน ลองเข้าเว็บซื้อขายสินค้าออนไลน์ไปตรวจสอบเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติของเครื่อง ก่อนตัดสินใจนะครับ ... แนะนำลองใช้เว็บ https://nocnoc.com/ ก็ได้ครับ เป็นแพลตฟอร์มซื้อ-ขายวัสดุและของแต่งบ้านออนไลน์ ที่มีสินค้าครบถ้วนทุกอย่าง โดยเฉพาะเครื่องฟอกอากาศนี่ ก็มีหลากหลายยี่ห้อ รวมทั้งมีแจกโค้ดส่วนลดอยู่เรื่อยๆ ด้วยนะครับ
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過3萬的網紅#ミニマリストライフ,也在其Youtube影片中提到,日本では放射性物質の除去に『ウェットティッシュ』、『水』などの液体を使用しています。 しかし、「乾燥した汚れは乾燥した状態で除去」するのが効率がよく、放射性物質も例外では有りません。 カナダのTiger-Vac社の『放射性物質・バイオハザード対応掃除機』であれば内蔵『HEPA』,『ULPA』フィル...
「ulpa hepa」的推薦目錄:
ulpa hepa 在 Drama-addict Facebook 的精選貼文
ใช้ในห้องนอน ลด PM 2.5 ลงเหลือ 15 บันไซ บันไซ!!!
#เลือกเครื่องฟอกอากาศ_รับมือภัยฝุ่นพิษ - ทนฝุ่น PM 2.5 ต่อไปไม่ไหวแล้ว ต้องมีเครื่องฟอกอากาศติดตั้งไว้ที่ห้อง แต่จะซื้อเครื่องฟอกอากาศต้องดูอะไรบ้าง
_
อากาศกรุงเทพเลวร้ายขนาดนี้ นอกจากจะต้องสวมหน้ากากกันฝุ่นเวลาไปข้างนอกแล้ว ที่บ้านก็ควรมีเครื่องฟอกอากาศด้วย แต่จะซื้อเครื่องฟอกอากาศก็ต้องเลือกให้ดีๆ จะได้เครื่องที่ตรงกับการใช้งานมากที่สุด
.
ปัญหาใหญ่ที่คนกรุงเทพกำลังเผชิญขณะนี้คือภัยฝุ่น PM 2.5 ที่มีค่าสูงในระดับเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่ได้เป็นแค่ปัญหาชั่วคราว แต่ดูท่าเป็นปัญหาเรื้อรังที่จะต้องเจอไปอีกหลายปี เพราะภาครัฐยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ซึ่งนอกจากพวกเราจะต้องหาทางป้องกันตัวเองไปก่อนด้วยการสวมใส่หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 ทุกครั้ง เวลาออกไปข้างนอก เราก็ต้องทำให้อากาศในบ้านหรือในห้องมีความสะอาดปลอดภัยด้วยเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพ
.
หลายๆคนก็คงกำลังคิดซื้อเครื่องฟอกอากาศอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่แน่ใจว่าจะเลือกยังไงดี aomLIFE ขอนำเสนอวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพ ใช้งานคุ้มค่า และเหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละคน เพื่อให้ทุกคนได้เครื่องฟอกอากาศที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด สิ่งสำคัญที่ควรดูเป็นอันดับแรก มีดังต่อไปนี้
.
[ดูความจำเป็นของบ้านว่าต้องมีเครื่องฟอกอากาศหรือไม่]
ถ้าสภาพอากาศในพื้นที่ที่เราอาศัยไม่ได้มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และไม่ได้มีใครในบ้านที่เป็นโรคภูมิแพ้ เครื่องฟอกอากาศก็ไม่ค่อยมีความจำเป็นเท่าไร จึงอยากให้ทุกคนตรวจสอบค่า PM 2.5 ในพื้นที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ ถ้าหากว่ามีค่า AQI เกิน 100 บ่อยๆ ก็ควรรีบหาเครื่องฟอกอากาศมาใช้
.
[ศึกษาค่า CADR ยิ่งสูงยิ่งดี]
CDAR คืออัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อชั่วโมง พูดง่ายๆคือประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมในอากาศนั่นเอง โดยจะถูกประเมินเป็นตัวเลขที่มีหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือให้การรับรอง ยิ่งตัวเลขสูง แสดงว่ายิ่งมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง
.
[อย่ามองข้าม Air Flow]
Air Flow หรือกำลังลม ยิ่งมีค่าสูงขึ้น แสดงว่าเครื่องสามารถกรองอากาศและปล่อยอากาศบริสุทธิ์กลับคืนสู่ห้องได้เร็วมากขึ้น และเมื่อมีสิ่งสกปรกเข้าไปสะสมอยู่ในเครื่องจำนวนมาก ยังช่วยทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศในตัวเอง ทำให้เครื่องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้นานขึ้น
.
[เลือกให้เหมาะกับขนาดห้อง]
อย่าลืมวัดขนาดพื้นที่ห้อง ก่อนไปซื้อเครื่องฟอกอากาศ ทางผู้ขายจะได้แนะนำเครื่องที่เหมาะกับขนาดห้องได้ถูกต้อง เพราะหากห้องเรามีขนาดใหญ่เกินไป เครื่องฟอกอากาศก็จะกรองอากาศได้ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ หรือถ้าห้องเรามีขนาดเล็ก ก็ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ จะช่วยประหยัดเงินได้เยอะ
.
[ตรวจคุณสมบัติของไส้กรองฝุ่น]
ไส้กรองฝุ่นนับว่าเป็นหัวใจของเครื่องฟอกอากาศ เพราะทำหน้าที่กักเก็บฝุ่นและสิ่งสกปรก ไส้กรองฝุ่นก็มีหลากหลายชนิด ซึ่งนอกจากจะดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้แล้ว ไส้กรองฝุ่นบางรุ่นยังดักจับแบคทีเรีย เชื้อโรค และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย ประสิทธิภาพก็แยกออกเป็นสามระดับคือ HEPA TruHEPA และ ULPA ซึ่งเราก็เลือกประสิทธิภาพได้ตามความต้องการ
.
[ดูกำลังลมและเสียงการทำงานว่าดังไปหรือไม่]
เครื่องฟอกอากาศที่มีกำลังลมสูง มักจะมีเสียงการทำงานที่ดังตามไปด้วย ซึ่งเราต้องดูให้ดีๆว่าเสียงดังเกินไปหรือไม่ เพราะหากใช้ในห้องนอน แล้วเสียงเครื่องดังเกินไปก็จะทำให้เรานอนไม่หลับ
.
[อากาศเมืองไทย ไม่ควรใช้เครื่องฟอกอากาศแบบไอน้ำ]
สำหรับเมืองไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศแบบไอน้ำ เพราะจะยิ่งเพิ่มความชื้นในอากาศแล้วทำให้รู้สึกตัวเหนียวเหนอะหนะมากขึ้น
.
นอกจากสิ่งสำคัญที่บอกไปแล้วซึ่งเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องฟอกอากาศโดยตรง ก็มีเรื่องอื่นๆที่ควรดูเพิ่มเติม เช่น เมนูการใช้งานต้องไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เพราะเครื่องฟอกอากาศบางรุ่น ก็มีปุ่มเยอะมาก จนดูไม่ออกว่าปุ่มไหนใช้ทำอะไร เลือกรุ่นที่มีปุ่มน้อยๆ กดใช้งานง่ายๆจะดีที่สุด
.
นอกจากนี้ ก็ดูรูปร่างหน้าตาของเครื่องฟอกอากาศว่าสวยถูกใจเราหรือไม่ โดยจะมีอยู่สองรูปทรงให้เลือกเป็นหลัก คือทรงสี่เหลี่ยมและทรงกระบอก ลองเลือกดูว่าแบบไหนที่เราชอบและเข้ากับห้องที่เราจะนำไปวาง
.
เรื่องราคาของเครื่องฟอกอากาศก็มีความสำคัญ เพราะเครื่องฟอกอากาศก็มีให้เลือกตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น และควรตรวจสอบราคาการเปลี่ยนอะไหล่และบำรุงรักษาด้วย ซึ่งหากเราไม่ได้มีงบมาก ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ดังๆ ซึ่งมีราคาสูงกว่า แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ควรซื้อรุ่นที่มีราคาถูกเกินไป เพราะอาจได้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ
.
การซื้อเครื่องฟอกอากาศอาจจะต้องยอมลงทุนจ่ายแพงนิดหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพซึ่งมีประโยชน์ต่อทุกคนในบ้าน
-
#aomLIFE #LIVESMART #LIFEINFO #INFOGRAPHIC #PM2.5 #AirPollution #POLLUTION #AirPurifier #Purifier #BangkokAir #Bangkok #ฝุ่นPM2.5 #อากาศกรุงเทพ #คนกรุงเทพ #ฝุ่นพิษ #ฝุ่นละออง #เครื่องกรองอากาศ
ulpa hepa 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最讚貼文
ตอนนี้ ทั้งที่บ้าน และ ที่ทำงาน ผมติดเครื่องฟอกอากาศไว้หมดแล้ว เป็น safe zone เอาไว้สิงอยู่ หลบภัยฝุ่น PM2.5
ที่ใช้อยู่ก็มี 3 ยี่ห้อ (มี ชาร์ป เสี่ยวหมี และก็ ฮาติริ) ราคาก็ไม่กี่พัน แต่ก็ช่วยให้อากาศในห้อง หายใจได้โล่งสบายขึ้นเยอะ
ช่วงนี้ ราคายังไม่สูงมาก ยังหาซื้อได้ง่าย ถ้าใครพอจะมีตังค์ซื้อมาติดที่บ้าน ผมว่าคุ้มค่าในการลงทุนนะ .. เปิดช่วงนี้ แล้วพอหมดหน้าฝุ่น ก็ไม่ต้องเปิดก็ได้
ลองมาดูเทคนิคในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศกันนะครับ
1. ควรตรวจสอบค่า PM 2.5 ในพื้นที่อาศัยอยู่เสียก่อน ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ ถ้าใช้ จึงค่อยหาซื้อเครื่องฟอกอากาศ
.
2. ดูค่า CDAR ประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่นในอากาศนั่นเอง ยิ่งตัวเลขสูง แสดงว่ายิ่งมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง
.
3 . ดูค่า Air Flow หรือกำลังลม ยิ่งมีค่าสูงขึ้น แสดงว่าเครื่องสามารถกรองอากาศบริสุทธิ์กลับคืนสู่ห้องได้เร็วมากขึ้น
.
4. เลือกให้เหมาะกับขนาดห้อง ถ้าห้องมีขนาดใหญ่ เครื่องฟอกอากาศตัวเล็กก็จะกรองอากาศได้ไม่มีประสิทธิภาพพอ หรือถ้าห้องมีขนาดเล็ก ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องใหญ่
.
5. เลือกไส้กรองฝุ่น ว่าจะเอาแค่ดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้ หรือจะให้ดักจับแบคทีเรีย เชื้อโรค และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย (HEPA TruHEPA และ ULPA)
.
6. ดูเสียงดังเกินไปหรือไม่ เพราะหากใช้ในห้องนอน จะทำให้นอนไม่หลับ
ulpa hepa 在 #ミニマリストライフ Youtube 的精選貼文
日本では放射性物質の除去に『ウェットティッシュ』、『水』などの液体を使用しています。 しかし、「乾燥した汚れは乾燥した状態で除去」するのが効率がよく、放射性物質も例外では有りません。
カナダのTiger-Vac社の『放射性物質・バイオハザード対応掃除機』であれば内蔵『HEPA』,『ULPA』フィルタで放射性物質を吸い込むことができます。 アメリカ海軍の原子力潜水艦で採用実績があると言われています。
水やウェットティッシュによる放射性物質の除去は多くの危険性があります。
・ウェットティッシュが汚染される
・媒体として使用した水が汚染される
と他にも汚染を広げてしまいます。 また、人の手でウェットティッシュや雑巾を使うのは危険が高いです。 そのため、掃除機でできるだけ放射性物質を吸い込んでおけば水を使うより安全です。 本クリーナーで汚染されるものはフィルタのみです。
乾燥した汚れは乾燥したまま処理するのが理想です。 この掃除機は理想に近づけると考えます。
日本総代理店:株式会社フォンシュレーダージャパン ロティナ・ジャパン 部門
http://rotinajapan.com/
カナダ Tiger-Vac(タイターバック)
http://www.tiger-vac.com/
ulpa hepa 在 更上去還有一個等級稱為ULPA濾網(Ultra-Low Penetration... 的推薦與評價
而除了HEPA濾網之外,更上去還有一個等級稱為ULPA濾網(Ultra-Low Penetration Air超低穿透空氣過濾網),主要是能【能夠把超過99.995%,0.1微米(=PM0.1)的懸浮微粒 ... ... <看更多>