ความหมายของชื่อสายพันธุ์มนุษย์นั้น แปลว่า "มนุษย์ที่ฉลาด" หรือที่รู้จักกันดีว่า โฮโมเซเปียนส์ (Homo sapiens) (homo = มนุษย์ sapiens = ฉลาด)
ระยะเวลา 2564 ปีของมนุษย์ตั้งแต่ที่เริ่มมีการนับพุทธศักราช ได้กำเนิดมนุษย์ที่มีความฉลาด และมีความสามารถมากมาย บ้างก็เป็นนักปราชญ์ บ้างก็เป็นจิตกร บ้างก็เป็นนักธุกิจ ภูมิปัญญามากมายต่างถูกส่งต่อจากอดีต มาถึงยังพวกเราคนในยุคปัจจุบัน
1. ขงจื๊อ นักคิดและนักปรัชญา ( 8 กันยายน 551 – 479 ปีก่อน ค.ศ )
คำสอนของขงจื๊อนั้น ฝังรากอิทธิพลลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาถึง 20 ศตวรรษ หลักปรัชญาของขงจื๊อนั้นเน้นเกี่ยวกับศีลธรรมส่วนตัว และศีลธรรมในการปกครอง ความถูกต้องเหมาะสมของความสัมพันธ์ในสังคม และ ความยุติธรรมและบริสุทธิ์ใจ นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้มีคนให้ความเคารพศรัทธา และยึดถือแนวทางคำสอนกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ได้สอนหลักในการคบคนไว้ ดังนี้ "การคบคน ต้องเลือกคบคนที่มีคุณธรรมสูงกว่าหรือเท่า ๆ กับเรา" หากเราคบหาสมาคมกับคนที่ขาดคุณธรรม จะทำให้จิตใจของเรา ตกต่ำตามไปด้วย ดังนั้น ถ้าอยากมีชีวิตที่ดี มีความสุข ประสบความสำเร็จ จะต้องเลือกคบคนดีมีคุณธรรม
หลักการของจื๊อได้แก่
#ศาสตร์สี่แขนง
รากฐานที่ขงจื๊อวางไว้ ได้แก่ วัฒนธรรม ความประพฤติ ความจงรักภักดี และ ความซื่อสัตย์ โดยวัฒนธรรมเน้นถึงการเคารพบรรพบุรุษและพิธีการโบราณ ยึดถือผู้อาวุโสเป็นหลัก แต่ไม่ยึดติดหรืออายที่จะหาความรู้จากคนที่ต่ำชั้นหรืออายุน้อยกว่า
#แปดหลักการพื้นฐานในการเรียนรู้
ได้แก่ สำรวจตรวจสอบ ขยายพรมแดนความรู้ จริงใจ แก้ไขดัดแปลงตน บ่มเพาะความรู้ ประพฤติตามกฎบ้านเมือง ประเทศต้องได้รับการดูแล นำความสงบสุขมาสู่โลก
#ลำดับการเรียนรู้
ได้แก่ พิธีกรรม ดนตรี ยิงธนู ขี่ม้า ประวัติศาสตร์ และ คณิตศาสตร์
#คุณธรรมทั้งสาม
ได้แก่ ภูมิปัญญา เมตตากรุณา และความกล้าหาญ
#สี่ขั้นตอนหลักการสอน
ตั้งจิตใจไว้บนมรรควิธี ตั้งตนในคุณธรรม อาศัยหลักเมตตาเกื้อกูล สร้างสรรค์ศิลปะใหม่
#สี่ลำดับการสอน
ได้แก่ คุณธรรมและความประพฤติ ภาษาและการพูดจา รัฐบาลและกิจการบ้านเมือง และสุดท้ายคือวรรณคดี
2. ลีโอนาโด ดาวินชี จิตรกร นักปั้น นักพฤกษศาสตร์ ( 15 เมษายน ค.ศ. 1452 - 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519 )
คงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก ลีโอนาโด ดาวินชี เพราะความสามารถอย่างล้นเหลือ จนเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วโลก ชายผู้ที่เป็น จิตรกร นักปั้น นักพฤกษศาสตร์ และบิดาแห่งศิลปะทางด้านกายวิภาคศาสตร์ (Gross Anatomy) สิ่งที่ดาวินชี่ได้ถ่ายทอดไว้ให้แก่ชาวโลกมีมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ปรัชญาในการดำรงชีวิตที่เป็นอมตะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่
หลักปรัชญาที่สำคัญจากหนังสือเรื่อง How to Think Like Leonardo da Vinci แต่งโดย Michael Gelb มีใจความสำคัญ ดังนี้
"คุณมองแต่คุณไม่เห็น (You look but you don't see)
คุณฟังแต่คุณไม่ได้ยิน (You listen but you don't hear)
คุณสัมผัสแต่คุณไม่รู้สึก (You touch but you don't feel)
คุณพูดแต่ไม่ได้คิดก่อนที่จะพูด (You speak but you don't think)"
มนุษย์มักทำอะไรโดยขาดสติ ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ต่ำลง การมีสติตลอดเวลา ทำให้ความสามารถในการเรียนรู้รวดเร็ว ว่องไว และเฉียบคม สามารถรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไร ที่ไหน อย่างไร และเพื่ออะไร สามารถเลือกเส้นทางชีวิตของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีชีวิตเป็นของตนเอง
3. เดล คาร์เนกี นักเขียนและผู้พัฒนาหลักสูตรการพัฒนาตนเอง (24 พฤศจิกายน 1888 – 1 พฤศจิกายน 1955)
อดีตเด็กรับจ้างตัดหญ้าด้วยค่าแรงชั่วโมงละ 5 เซนต์ สู่นักพูดค่าตัวนาทีละ 1 ดอลลาห์ และนักเขียนผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของหนังสือที่ขายดีที่สุดตลอดกาลอย่าง How to Win Friends and Influence People และ How to Stop Worrying and Start Living
หากคุณอยากที่จะผูกมิตรกับใครสักคน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามลองปฏิบัติตาม กฏทั้ง 6 ข้อนี้
กฎข้อที่ 1 จงเอาใจใส่อย่างแท้จริงต่อผู้อื่น
การผูกมิตรกับผู้อื่นจะได้ผลเรียบร้อยภายในสองเดือนด้วยการเอาใจใส่อย่างแท้จริงต่อเค้าผู้นั้น มันดีกว่าที่จะให้คนอื่นมาพยามใส่ใจเรา เพราะธรรมชาติของมนุษย์ชอบที่จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ เริ่มจากใส่ใจที่จะจำชื่อใครก็ตามที่อยากรู้จักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยของเค้าไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ชอบ สีโปรด หรือแม้แต่ความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวของเค้าคนนั้น
กฎข้อที่ 2 ยิ้ม
รอยยิ้มเป็นสิ่งมีค่าที่เราให้คนอื่นได้ฟรีๆ หมั่นยิ้มทักทายให้ทุกคนที่ท่านอยากผูกมิตรด้วย รอยยิ้มเปรียบเสมือนเป็นประตูแห่งความสัมพันธ์ เมื่อรอยยิ้มปรากฎมาบนรอยหน้าของคนใดคนนึง เรื่องต่อๆ ไปก็จะง่ายเอง
กฎข้อที่ 3 จงจำไว้ว่าชื่อของบุคคลใดก็ตามสำหรับบุคคลนั้นเป็นสำเนียงหวานที่สุดและสำคัญที่สุดในภาษามนุษย์
หมั่นทักทายผู้อื่นด้วยชื่อของเค้า จดจำชื่อของคนที่ท่านปราถนาจะผูกมิตรให้แม่น เอ่ยชื่อของเค้าอย่างชัดถ้อยชัดคำเมื่อท่านต้องการสรรเสริญถึงความดีความชอบใดๆ ที่เค้าทำ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพราะคนเราให้ความสำคัญกับชื่อตัวเองอย่างที่สุด
กฎข้อที่ 4 จงเป็นนักฟังที่ดี
จงสนับสนุนให้อีกฝ่ายหนึ่งคุยถึงเรื่องของเขา พูดถึงตัวเองให้น้อยฟังคนอื่นพูดให้เยอะ ทุกคนล้วนอยากเป็นคนสำคัญ อยากถูกเอาใจใส่ การรับฟังเป็นเรื่องง่ายๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้ หากคุณทำได้คุณจะเป็นคู่สนทนาคนโปรดของใครหลายๆ คน
กฎข้อที่ 5 สนทนาในเรื่องที่อีกฝ่ายสนใจ
ศึกษาดูว่าคนที่คุณอยากผูกมิตรชอบอะไรเป็นพิเศษ คุณสามารถหยิบมาเป็นประเด็นในการสนทนาได้เสมอ หากคุณทำการบ้านมาดีคุณจะคุยกับเค้าคนนั้นได้อย่างลื่นไหล
กฎข้อที่ 6 จงทำให้ผู้อื่นรู้สึกสำคัญ และจงทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
เราทุกคนต่างมีข้อดีในแบบของตัวเอง ไม่ว่าใครก็ต้องมีเรื่องที่เก่งกว่าคนอื่นสักเรื่องสองเรื่อง ในขณะเดียวกันผู้อื่นก็มีเรื่องที่เราเทียบไม่ได้เลยเช่นกัน หาเรื่องนั้นให้เจอและเอ่ยปากชมเค้าผู้นั้นด้วยความบริสุทธิ์ใจ
4. นโปเลียน ฮิลส์ เนักเขียนแนวพัฒนาตัวเอง ( 26 ตุลาคม 1883 – 8 พฤศจิกายน 1970 )
ปี 1928 นโปเลียน ฮิลล์ ได้เผยแพร่ผลงานของเขา กฎแห่งความสำเร็จ (The Law of Success) ได้แสดงถึง 45 รายชื่อที่เขาศึกษา “ชีวิตส่วนใหญ่ของบุคคลเหล่านี้ในระยะใกล้ ด้วยตัวเอง” เช่นเดียวกับบุคคลที่หนังสือได้อุทิศไว้ แอนดรูว์ คาร์เนกี้, เฮนรี่ ฟอร์ด และ เอ็ดวิน ซี บานส์ (ผู้ร่วมงานของ โทมัส เอดิสัน) คาร์เนกี้ได้ให้จดหมายแนะนำฮิลล์แก่ฟอร์ด ซึ่งเป็นผู้แนะนำให้ฮิลล์รู้จักกับ อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์, เอลเมอร์ อาร์ เกตส์, โทมัส เอดิสัน และ ลูเธอร์ เบอร์แบงก์
"ท่านทำได้ ถ้าท่านคิดว่าท่านทำได้"
การเชื่อมั่นในตนเองไม่ใช่การหลอกตัวเอง แต่เป็นการตั้งหลักในจิตใจว่า เราจะต้องทำสิ่งเหล่านั้นให้จงได้ เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนพอที่จะเป็นไปได้ และท้าทายความสามารถในระดับหนึ่งรวมกับขั้นตอนและกลยุทธต่าง ๆ ที่จะต้องทำและแผนสำรอง เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ "ความเชื่อมั่นว่าเราสามารถทำได้"
"ว่าวจะลอยสูงได้ต้องมีลมมาปะทะ"
ผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ ต้องรับได้ในทุกสถานการณ์ และเมื่อเจอปัญหาต้องนิ่งสงบใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถ
5. แจ็ค เวลช์ ผู้จัดการแห่งศตวรรษที่ 21 ( 19 พฤศจิกายน 2478 - 1 มีนาคม 2563 )
แจ็ค เวลซ์ คือ หนึ่งใน CEO ที่ประสบความสำเร็จจนมีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลก พูดได้ว่า ไม่มีหนังสือที่เกี่ยวกับ CEO เล่มไหนในโลกที่ไม่อ้างถึงแนวคิดและวิธีการบริหารจัดการของ แจ็ค เวลซ์ เขาจึงเป็น“ต้นแบบ”ที่ผู้บริหารระดับสูงในองค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างยึดถือเป็นแบบอย่าง
แจ็ค เวลส์ คืออดีต CEO ของบริษัท General Electric หรือ GE ที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก สุดยอดแนวคิดของ Jack Welch นำมาจากหนังสือเรื่อง Control the Destiny or Someone Else Will คือการรู้จักกำหนดชะตาชีวิตของตนเองก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาบงการชีวิตคุณ
"Live with the present reality as it is, not the kind of reality that used to be in the past or the reality that you want it to be"
"จงอยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบันที่คุณกำลังประสบอยู่ ไม่ใช่ความเป็นจริงที่มันเคยเป็น หรือความเป็นจริงที่คุณอยากให้มันเป็น"
จงอยู่กับปัจจุบัน มนุษย์มักยึดติดกับความสุข ความสำเร็จในอดีต และคิดว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้นดังเดิมตลอดไป แต่เมื่อปัจจุบันไม่เป็นอย่างที่หวังก็เศร้าเสียใจ หรือติดกับความทุกข์ในอดีตจนไม่กล้าที่จะทำสิ่งใดต่อไปในอนาคต ชีวิตก็จมปรักอยู่กับที่ การดำเนินชีวิตเพื่อไปสู่ความสำเร็จ คือการอยู่กับปัจจุบันทิ้งอดีต และทำวันนี้ให้ดีที่สุด
6. สตีฟ จ็อบส์ นักธุรกิจและนักประดิษฐ์ (24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 - 5 ตุลาคม ค.ศ. 2011)
ชายผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งทศวรรษ 21 อัจฉริยะผู้พลิกโลกแห่งวงการไอที แม้ว่าในวันนี้เขาจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาสร้างเอาไว้ได้เปลี่ยนแปลงโลกของไอทีไปตลอดกาล และตลอดระยะเวลาของการมีชีวิตอยู่ สตีฟ จ็อบส์ ก็ได้ทิ้งบทเรียนดีๆไว้มากมาย
8 บทเรียนที่ สตีฟ จ๊อปส์ ได้บอกคนทั้งโลกผ่านการทำงานของเขาทั้งชีวิตได้แก่
1. อย่าไปฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
ไม่ว่าจะเป็นนักวิเคราะห์ หรือพวกกูรูทั้งหลาย ความเห็นของพวกเขาเป็นร้อยก็ช่วยคุณเป็นผู้ประกอบการไม่ได้หรอก มันก้เป็นเพียงแค่ “ความเห็น” เท่านั้น
“ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการตัวจริง หาทางเอาเองสิ อย่ามัวแต่พึ่งคนอื่น”
2. ลูกค้าบอกไม่ได้หรอกว่าเขาต้องการอะไร
สตีฟ จ็อฟส์บอกเสมอว่า “หลายๆครั้ง คนก็บอกไม่ได้ว่าเขาต้องการอะไรจนกว่าคุณเอาสิ่งที่พวกเขาอยากได้ไปให้เขาเห็น” จงหาปัญหาของผู้คนให้เจอแล้วแก้ปัญหาให้เขาก่อนที่คนอื่นจะทำ
3. ดีไซน์เป็นเรื่องจำเป็น
"ในโลกที่คนพูดแต่เรื่องราคา การออกแบบก็เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับหลายๆคนแล้ว ดีไซน์เป็นสินค้าอย่างหนึ่งด้วย"
4. จงทำให้ดีขึ้น 10 เท่า ไม่ใช่ 10 %
นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นถ้าผู้ประกอบการทำสินค้าและบริการให้ดีขึ้น 10 เท่า ไม่ใช่เพียงแค่ 10%
5. ความเป็นเลิศ
ผู้คนตัดสินคุณจากการกระทำ ดังนั้นจงมุ่งเป้าหมายไปที่ผลลัพธ์ จงเป็นมาตราฐานในการวัดคุณภาพ เพราะคนบางคนไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่ต้องการความเป็นเลิศ
6. อย่ากลัวการแข่งขัน
ผมไม่คิดว่า Apple เป็นเจ้าของผม ผมคิดว่าผมเป็นเจ้านายตัวเอง และการที่ผมจะไม่สามารถทำอาชีพที่ถนัดได้อีกในชีวิตนี้ผมเห็นว่าเป็นเรื่องประหลาดพิลึก เราไม่ได้นำเทคโนโลยีหรือความคิดที่เป็นของ Apple โดยเฉพาะใดๆไปจากที่นั่น ไม่มีอะไรที่ระบุว่า Apple ไม่สามารถแข่งขันกับเราถ้าพวกเขาคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นความที่วิเศษ มันยากนะที่จะคิดว่าบริษัทที่มีมูลค่า 2,000 ล้าน และพนักงานกว่า 4,300 คน จะไม่สามารถแข่งขันกับคนนุ่งกางเกงยีนส์แค่หกคน ( หลังจากที่ สตีฟ จ็อบส์ โดนไล่ออก เขาและอดีตพนักงาน Apple ทั้งหกคนต่อมาได้ก่อตั้งบริษัท NEXT )
7. ปฏิเสธเพื่อเป้าหมาย
คนมักคิดว่าการมุ่งเป้า หมายถึง การตอบรับสิ่งที่คุณต้องมุ่งไปหา แต่นั่นไม่ใช่ความหมายของมันเลย มันหมายถึงการ "ปฏิเสธ" ความติดดีๆ อื่นๆ นับร้อยต่างหาก คุณต้องเลือกอย่างระมัดระวัง จรีงๆแล้วผมภูมิใจที่ไม่ได้ทำพอๆกับสิ่งที่ได้ทำ นวัตกรรมนั้นคือ "การปฏิเสธ" อะไรเป็นพันๆอย่าง
8. คิดอย่างผู้เริ่มต้น
ความหนักอึ้งของการประสบความสำเร็จถูกแทนที่ด้วยความเบาหวิวของการเป็นผู้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในทุกอย่าง มันทำให้ผมมีอิสระที่จะเข้าสู่ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
used แปลว่า 在 Farang Dong English Facebook 的最讚貼文
“Lose My Touch = ฝีมือตก”
(อ่านว่า “ลูซ มาย ทัช”)
เช่น • “I practice everyday so that I won’t lose my touch.” (ฉันฝึกทุกวัน ฝีมือจะได้ไม่ตก)
• “If you don’t do it everyday, you might lose your touch.” (ถ้าคุณไม่ทำมันทุกวัน ฝีมือคุณอาจจะตกนะ)
• “I think he’s lost his touch.” (ฉันคิดว่าเค้าฝีมือตกไปแล้วล่ะ)
ปล.1) Lost เป็น v.2 & v.3 ของ Lose อ่านว่า “ลอสท์”
ปล.2) อย่าลืมเปลี่ยน “my” เป็น “your/his/her/their/its” ตามคนที่เราพูดถึงนะจ๊ะ
ปล. 3) “Lose touch” (แบบติดกันไม่มีอะไรมาคั่น)** แปลว่า ขาดการติดต่อ เช่น “We were best friends but now we’ve lost touch” (เราเคยซี้กันมาก แต่ตอนนี้ขาดการติดต่อกันไปแล้ว)
❤️❤️❤️
′′ Lose My Touch Touch Failed Skills ′′
(Read ′′ Luce My Touch ′′)
Such as • ′′ I practice everyday so that I won't lose my touch." (I practice every day so I don't fall)
• ′′ If you don't do it everyday, you might lose your touch." (If you don't do it everyday, you might fall)
• ′′ I think he's lost his touch." (I think he's lost his touch)
Ps. 1) Lost is v. 2 & v. 3 of Lose reads ′′ Lower
Ps. 2) Don't forget to change ′′ my ′′ to ′′ your / his / her / their / its ′′ according to the person we are talking about.
Ps. 3) ′′ Lose touch ′′ (consecutively, nothing separated) ** means lack of contact such as ′′ We were best friends but now we've lost touch ′′ (We used to be lost touch ′′) (We used to have sex with each other now. Gone)
❤️❤️❤️Translated
used แปลว่า 在 wongnai.com Facebook 的最佳解答
💥ลดสูงสุด 34 % จาก 3,000 เหลือ 2,000 บาท
.
ซื้อเวาเชอร์ไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ Ma-Ke` Inu
.
“ถ้าลูกค้าซื้อเวาเชอร์ไป ยังไงก็คุ้มเพราะร้านเราลดเยอะพอสมควร” คุณเคน - กัมปนาท หล้าปาวงศ์ หนึ่งในหุ้นส่วนร้าน “Ma-Ke` Inu” หรือ “ร้านหมาขี้แพ้” ที่เชื่อว่า “เราจะไม่แพ้อีกต่อไป” พูดถึงการนำเอาเวาเชอร์มาเพิ่มเงินสดในร้าน
.
เวาเชอร์ของ Ma-Ke` Inu มีให้เลือกถึง 5 ราคา เวาเชอร์ ราคา 300 บาท ใช้ได้ถึง 350 บาท / เวาเชอร์ ราคา 500 บาท ใช้ได้ถึง 600 บาท / เวาเชอร์ ราคา 700 บาท ใช้ได้ถึง 900 บาท / เวาเชอร์ ราคา 1,000 บาท ใช้ได้ถึง 1,400 บาท และเวาเชอร์ ราคา 2,000 บาท ใช้ได้ถึง 3,000 บาท
.
“ตอนเริ่มร้านเราเป็นพี่ ๆ น้อง ๆ กันอยู่แล้ว พวกเราเคยแพ้กันมาก่อน “Ma-Ke` Inu” แปลว่า หมาขี้แพ้ครับ ก็ตามในรูปเลย ที่มีหมาหงอยแล้วเชฟคอยปลอบ เราอยากสื่อให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะแพ้มาจากไหน อาหารของเราพร้อมปลอบคุณเสมอ เหมือนที่เชฟลูปหัวหมาหงอยตัวนั้น เรา 8 คน ชอบความเป็นญี่ปุ่นกันอยู่แล้ว ก็เลยมาลงตัวกันจนออกมาเป็นร้านนี้ แต่ละคนก็ทำหน้าที่ที่ถนัดกันไป”
.
Ma-Ke` Inu ออกแบบร้านให้บรรยากาศสบาย ๆ เหมือนเพื่อนมาเที่ยวบ้านมากินดื่ม ของตกแต่งในร้านมีความย้อนวัย ส่วนอาหารก็เป็นอาหารญี่ปุ่นแบบ Homemade
.
“อาหารของร้านเรามีหลากหลายโดยที่คนคุ้นเคยกันมากที่สุดน่าจะเป็นจำพวกด้งและเนื้อที่คนนิยม เราไม่ได้เปิดร้านกันเล่น ๆ เราจริงจังกับทุกส่วน เหมือนคำที่เรายึดมั่นตั้งแต่เปิดร้านว่า “อาจจะแพ้แต่ไม่ตลอดไป” คือมันไม่ใช่แค่เรา แต่หมายถึงทุกคนที่เข้ามาในร้านด้วย”
.
การเข้าร่วมเวาเชอร์สุดคุ้ม “สู้ไปด้วยกัน #CovidReliefGiftVoucher” ที่ลดสูงสุดถึง 1,000 บาท
.
“ตอนนี้ร้านเราก็ลดราคาอาหารมาระดับหนึ่งแล้ว เพราะรู้ดีว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่การจับจ่ายเป็นเรื่องยาก พอเราเข้าร่วมเวาเชอร์นี้แล้ว ถ้าลูกค้าซื้อเวาเชอร์ไป ยังไงก็คุ้มเพราะร้านเราลดเยอะพอสมควร หนึ่งเวาเชอร์จะมากี่คนก็ได้ แล้วร้านเราก็สามารถเดินต่อไปง่ายขึ้นเพราะมีทุนมาหมุนในช่วงแบบนี้” คุณเคนให้เหตุผลของการเข้าร่วมในเวาเชอร์ของ Wongnai
.
เวาเชอร์สุดคุ้มของ Ma-Ke` Inu มี 5 ราคา
✨ เวาเชอร์ ราคา 300 บาท ใช้ได้ถึง 350 บาท
✨ เวาเชอร์ ราคา 500 บาท ใช้ได้ถึง 600 บาท
✨ เวาเชอร์ ราคา 700 บาท ใช้ได้ถึง 900 บาท
✨ เวาเชอร์ ราคา 1,000 บาท ใช้ได้ถึง 1,400 บาท
✨ และเวาเชอร์ ราคา 2,000 บาท ใช้ได้ถึง 3,000 บาท
.
สนใจสามารถซื้อได้ เลยเวาเชอร์ 1 ใบ ใช้แทนเงินสด จะพาเพื่อนไปกินกี่คนก็ได้ แถมลดสูงสุดถึง 1,000 บาท
.
🍴 : Ma-Ke` Inu
📍 : ถนน ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร (ลาดพร้าว ซ.4 ตรงข้าม Ladprao Hills)
✨ : ดูพิกัด และ รีวิวเพิ่มเติม 👉🏻https://www.wongnai.com/restaurants/304660YC
💥 : ซื้อเวาเชอร์เลย 👉🏻https://www.wongnai.com/restaurants/304660YC-ma-ke-inu/deals
.
ถ่ายภาพและสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2563
Discount up to 34 % from 3,000 to 2,000 baht.
.
Buying Japanese food at ma-KE ' inu
.
" if a customer bought a voucher, it's worth it because our shop has a lot of discount Mr. Ken-kor cuddle mapawong, one of the partners " Ma-KE ' inu " or " loser dog shop " I believe that "we won't lose anymore" talks about bringing more vasher cash in the store.
.
Ma-KE ' Inu's vasher. Available up to 5 Price is 300 baht. It can be used up to 350 baht / voucher. Price 500 baht. It can be used up to 600 Baht / voucher. Price 700 baht. It can be used up to 900 baht / voucher. Price is 1,000 baht. It can be used up to 1,400 baht. Price is 2,000 baht. Baht baht
.
"when we started the shop, we were brothers and sisters. We lost before ma-KE ' inu" means the loser dog. In the picture that there is a dog and chef keeps console us. I want to see that no matter what. Where will you lose? Our food is always ready to console you. Just like the 8 of us love Japanese. So we come to be this restaurant. Each person is a good job. Let's go "
.
Ma-KE ' inu designed a comfortable atmosphere like friends. Come to eat and drink decorations in the shop. There is a retro. Food is homemade Japanese food.
.
" there are many food in our restaurant. The most familiar people should be the popular people and meat. We don't open the shop. We are serious about every part like the word we hold on since we opened the shop. " may lose but not forever " well, it's not. Just us, but I mean everyone who comes in the store too "
.
Joining a valuable voucher "Let's fight together #covidreliefgiftvoucher" at up to 1,000 baht.
.
" now our restaurant has reduced a certain level of food because we know that it's difficult time to pay is difficult. When we join this voucher. If customers buy a voucher, it's worth it's worth it because our shop has a lot of discount. One washer can come as many people. Our shop can go on easier because we have money to spin during this period " Mr. Ken gave us a reason to join in wongnai's voucher.
.
Worth the value of ma-KE ' inu. There are 5 Price.
✨ Washer Price 300 baht. It can be used up to 350 baht.
✨ Washer Price 500 baht. It can be used up to 600 baht.
✨ Washer Price 700 baht. It can be used up to 900 baht.
✨ Washer Price 1,000 baht. It can be used up to 1,400 baht.
✨ and the price is 2,000 baht. It can be used up to 3,000 baht.
.
If you are interested, you can buy it now. 1 Bags. Use it instead of cash. You can take as many friends to eat. Get up to 1,000 baht discount.
.
🍴 : Ma-Ke` Inu
📍: Ladprao Road, Bangkok (Ladprao Soi. 4 opposite ladprao hills)
✨: see more coordinates and reviews 👉🏻 https://www.wongnai.com/restaurants/304660YC
💥: Buy a voucher now 👉🏻 https://www.wongnai.com/restaurants/304660YC-ma-ke-inu/deals
.
Photo shoot and interview on may 7, 2563Translated