ยกของขึ้นที่สูงด่วน กรมชลฯ เตือนน้ำ ที่ท่วม อ.บ้านหมี่ จะเข้าท่วมเขต อ.เมืองลพบุรีเย็นนี้ น้ำท่วมสูง 30-50 เซนติเมตร
วันที่ 29 ก.ย. 2564 นายสุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 10 กล่าวว่า ได้รายงานผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีแล้วว่า น้ำที่ท่วม อ.บ้านหมี่ จะไหลมาถึง อ.เมืองในเย็นวันนี้หรืออย่างช้าคือเช้าพรุ่งนี้
ซึ่งทางจังหวัดได้แจ้งเตือนประชาชนให้เก็บของขึ้นที่สูงแล้ว น้ำที่ไหลมาจะบ่าล้นจากลำน้ำเข้าท่วมหลายพื้นที่เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ใน อ.เมืองลพบุรีเป็นที่ลุ่มต่ำ โดยที่จะได้รับผลกระทบมากคือ พื้นที่ติดคลองชัยนาท - ป่าสัก คาดว่าระดับน้ำท่วมสูง 30 - 50 เซนติเมตร ขณะนี้เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอดเวลาและเตรียมเครื่องสูบน้ำเข้าประจำจุดที่กำหนดไว้ หากน้ำมาถึงจะเร่งระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด
ส่วนสถานการณ์น้ำที่อ่างกุดตาเพชรซึ่งมีน้ำป่าหลากลงอย่างรวดเร็วเฉลี่ยวันละ 10 - 15 ล้าน ลบ.ม. จนทำให้น้ำล้นข้ามทางระบายน้ำล้น (Spill Way) ล่าสุดไม่ล้นแล้วจึงคาดว่า น้ำที่ท่วมพื้นที่เกษตรใน อ.ลำสนธิและชัยบาดาลจะแห้งหมดใน 1 สัปดาห์
ขณะนี้ไม่มีน้ำท่วมถนนแล้วกำลังเร่งระบายน้ำ โดยน้ำที่ท่วมบริเวณนี้จะไหลลงแม่น้ำป่าสัก แล้วลงสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ซึ่งอ่างเก็บน้ำของเขื่อนยังมีพื้นที่รับน้ำจึงไม่น่าห่วง
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ไม่พลาดข่าวธุรกิจ การตลาดที่สำคัญ ติดตาม TODAY Bizview https://bit.ly/3picIeS
ติดตามรายการของ workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過2萬的網紅B DAY Official,也在其Youtube影片中提到,โควิดมายาวเลย อดถ่ายmvนอกสถานที่ เป็นเหตุทำให้ได้ฝึกตัดต่อคอนเท้นเอง อยากให้ทำคลิปอะไรฝากคอมเม้นกันเข้ามาด้วยครับผม...
workpointtoday 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳貼文
การถือครองทรัพย์สินของต่างชาติ 100%
ใน https://www.facebook.com/workpointTODAY/ ได้กล่าวถึง ประเด็นใหญ่ในสังคมไทยนาทีนี้ เมื่อมติคณะรัฐมนตรี ระบุว่า พร้อมแก้กฎหมายให้คนต่างชาติถือครองแผ่นดินในประเทศไทยได้ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อดึงดูดเงินจากชาวต่างชาติที่ร่ำรวยเข้าสู่ประเทศ
เรื่องนี้โดนโต้แย้งอย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ เพราะอาจทำให้เกิดปรากฎการณ์คนไทยต้องเช่าแผ่นดินตัวเองอยู่จากคนต่างชาติ เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร workpointTODAY จะอธิบายสถานการณ์ให้เข้าใจง่ายที่สุดใน 12 ข้อ
1) ย้อนกลับไปวันที่ 18 กันยายน 2564 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเอาใจชาวต่างชาติ โดยมีรายละเอียดหลายข้อ เช่น
- ผู้ถือวีซ่าพำนักอาศัยระยะยาว (Long-term Visa) ไม่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้รับทราบอีกต่อไป แม้จะอยู่ในประเทศเกิน 90 วัน
- ปรับลดอากรขาเข้า กับสินค้าประเภทไวน์ สุรา และยาสูบประเภทซิการ์ลงครึ่งหนึ่ง กล่าวคือชาวต่างชาติที่ขนเหล้า-ไวน์ มาจากต่างประเทศ ไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าในราคาแพง
- ยกเลิกกฎหมายการขอใบอนุญาตการทำงานของกระทรวงแรงงาน ที่ชาวต่างชาติ 1 คน ที่ถือ Long-term Visa ต้องจ้างคนไทย 4 คน เพื่อเป็นการกระจายรายได้ แปลว่า อนาคตชาวต่างชาติก็จะเบาตัวขึ้น ไม่ต้องเสียเงินจ้างคนไทย 4 คนอีกต่อไป
2) เป้าหมายทั้งหมดของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นให้คนต่างชาติ มาอยู่อาศัยที่ไทยมากขึ้น เป็นการสร้างรายได้จากแหล่งใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายคือเพิ่มจำนวนชาวต่างชาติที่อยู่อาศัยในประเทศไทยให้เพิ่มเป็น 1 ล้านคน และประเมินว่าจะเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้นถึง 2.7 แสนล้านบาท
นอกจากนั้น ผลพลอยได้คือ จะทำให้ประเทศไทยมีบุคลากรเก่งๆ จากต่างประเทศ มาอยู่อาศัยในแผ่นดินของเรามากขึ้น
3) ในบรรดานโยบายหลายๆ ข้อ ข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ คำสั่งให้กระทรวงมหาดไทย ศึกษาแนวทางแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการถือครองที่ดินเพื่อเอาใจชาวต่างชาติ
อธิบายคือ ในปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายป้องกันไม่ให้คนต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยได้ ตัวอย่างเช่น ในคอนโดมิเนียม 1 อาคาร จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติ ซื้อห้องได้ทั้งหมดไม่เกิน 49% จากจำนวนห้องทั้งคอนโดฯ เหตุผลเพราะ ถ้าปล่อยให้คนต่างชาติซื้อได้อย่างอิสระ อาจมีนักธุรกิจทุนหนาจากจีน, สหรัฐฯ, ยุโรป หรือตะวันออกกลาง มากว้านซื้อคอนโดมิเนียมทั้งตึกเอาไว้ แล้วปล่อยให้คนไทยเช่าเพื่อทำกำไร
หรือถ้าคิดลึกขึ้นไปกว่านั้น อาจเห็นปรากฏการณ์ที่ทุนจีน ซื้อคอนโดทั้งตึกทิ้งไว้ แล้วนำนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวในไทย แต่มาอาศัยอยู่ในคอนโดฯ ที่ชาวจีนเองเป็นเจ้าของเอง คือแทนที่จะกระจายรายได้ไปสู่ระบบธุรกิจอื่นๆ ของคนไทย เงินทองทั้งหมดอาจจะไหลอยู่ในระบบเศรษฐกิจของคนจีนแทน
นอกจากเรื่องคอนโดมิเนียมแล้ว ประเทศไทยยังมีประมวลกฎหมายที่ดิน ห้ามชาวต่างชาติซื้อบ้านและที่ดิน เพื่อป้องกันประเทศถูกยึดครอง
ลองนึกภาพ ถ้ามีประเทศหนึ่งที่ร่ำรวยมาก ขนเงินมหาศาลมาซื้อหมู่บ้านเปิดใหม่แห่งหนึ่งไว้ทั้งหมดทุกหลัง จากนั้นก็ขายต่อบ้านแต่ละหลังให้คนชาติตัวเอง ก็อาจส่งผลให้หมู่บ้านนั้นใช้ภาษาอื่นและมีวัฒนธรรมอื่น ทั้งๆ ที่อยู่บนแผ่นดินไทย ซึ่งก็เป็นภาพที่ยากจะจินตนาการ
4) อย่างไรก็ตาม ฝั่งรัฐบาลมีความตั้งใจจะปลดล็อกเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา โดยมีข่าวว่าเตรียมแก้กฏหมาย จากอดีตที่ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ได้ 49% ของคอนโดมิเนียม 1 อาคาร แต่จะปรับเปลี่ยนให้ชาวต่างชาติถือครองได้ สูงถึง 70 หรือ 80%
รวมถึง จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านจัดสรร ที่มีราคา 10-15 ล้านบาทขึ้นไปอีกด้วย
ขณะที่เรื่อง "สัญญาเช่า" ในอดีตเคยมีลิมิตสูงสุดคือคนต่างชาติเช่าได้ 30 ปี ก็จะแก้กฎหมายเป็นเช่าได้ 50 ปี และขยายเพิ่มได้อีก 40 ปี แปลว่าคนต่างชาติ ต่อให้ไม่ได้ซื้อบ้านก็สามารถเช่าได้สูงสุดถึง 90 ปี เลยชั่ว 1 อายุคนเสียอีก
5) เมื่อภาครัฐมีความตั้งใจจะแก้กฎหมายเรื่องอสังหาริมทรัพย์ได้เกิดการตอบรับในสองทิศทาง คือทางบวกและทางลบ เริ่มจากทางบวกโดยฝั่งผู้ขาย เช่น บริษัทอสังหาฯ ต่างๆ รวมถึงสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอาคารชุด ก็พูดในทิศทางเดียวกันว่า หากปลดล็อกกฎหมาย 49% ก็จะเพิ่มแรงดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมากขึ้น ตลาดอสังหาฯ ก็จะมีความคึกคัก เป็นการดูดเงินมาจากต่างชาติ ถือเป็นการทดแทนกำลังซื้อจากคนไทยที่เริ่มถดถอยแล้ว
นอกจากนั้น ถ้าคนต่างชาติระดมซื้อคอนโดมิเนียม และบ้านราคาแพง ธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะได้อานิสงส์ทั้งหมดเช่น บริษัทเฟอร์นิเจอร์ บริษัทก่อสร้างตกแต่งภายใน บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ดังนั้นนโยบายปลดล็อกการกระตุ้นให้คนต่างชาติมาซื้ออสังหาฯ ได้เยอะๆ จึงเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมอื่นๆ ไปพร้อมกันด้วย
6) อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมุมบวก แต่กระแสมุมลบนั้นรุนแรงมาก มีความไม่พอใจจากกลุ่มประชาชนทั่วไป ว่าการที่ภาครัฐปล่อยให้คนต่างชาติ ซื้อบ้าน ซื้อคอนโดได้อย่างอิสระ สุดท้ายไทยจะโดนทุนต่างชาติฮุบหรือไม่ แล้วคนไทยจากที่เคยเป็นเจ้าของประเทศ ก็จะต้องเปลี่ยนบทบาทกลายมาเป็น "ผู้เช่า" แทน โดยในโลกออนไลน์ มีการใช้คำเพื่อประณามว่า ถ้ากฎหมายนี้ลุล่วงได้สำเร็จ มันคือ "กฎหมายขายชาติ"
มีการยกกรณีศึกษาที่ต่างประเทศ โดยระบุว่า ในต่างประเทศ มีข้อจำกัดเรื่องการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติอย่างแข็งกร้าวมาก ที่จีน อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อห้องชุดได้เพียงหลังเดียว ไม่ปล่อยให้นักลงทุนต่างประเทศ มากว้านซื้อห้องชุดจำนวนมากเพื่อปล่อยขายเก็งกำไรแต่อย่างใด หรือที่ออสเตรเลียอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านได้ แต่เพื่อทำการอยู่อาศัยเท่านั้น มีข้อบังคับว่าถ้าขายต่อ ต้องขายให้คนท้องถิ่น ไม่อนุญาตให้ขายต่อให้คนชาติอื่นๆ
แต่นโยบายที่รัฐบาลไทยพยายามจะทำ สวนทางกับของชาติอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ชาติอื่นๆ ปกป้องสิทธิของคนในประเทศตัวเอง แต่ภาครัฐพยายามเปิดช่องเอาใจคนต่างชาติ จนอาจเข้ามาหากำไรจากประเทศไทยได้อย่างอิสระ
7) ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยกล่าวว่า "นี่ถือเป็นมติอัปยศ ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสิ้นไร้ความสามารถที่จะแสวงหารายได้เข้าแผ่นดิน แนวคิดและมติดังกล่าวไม่ได้สอบถามเจ้าของประเทศที่แท้จริงเลยว่าเห็นชอบด้วยหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงเรียกร้องขอให้รัฐบาลใช้อำนาจ ม.166 ดำเนินการทำประชามติจากประชาชนเจ้าของประเทศเสียก่อน"
8 ) นอกจากเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นประเด็นร้อนแล้ว คำว่า "ขายชาติ" ก็ถูกหยิบมาพูดถึงอีกครั้งเช่นกัน โดยวาทกรรม "ขายชาติ" ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเท่านั้น แต่ในอดีตมีนายกรัฐมนตรีสองคน ที่โดนกล่าวหาด้วยคำนี้มาแล้ว นั่นคือ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
9) อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร โดนประณามว่าเป็นคนขายชาติ หลังจากที่เขาประกาศนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เช่น ปตท. (PTT) และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) เป็นต้น โดยบริษัทเหล่านี้จากเดิมรัฐจะถือหุ้นทั้งหมด 100% แต่ทักษิณได้แปรรูปเป็น รัฐถือได้ 51% คนภายนอกทั้งไทยและต่างชาติ ถือได้รวมกัน 49% โดยทักษิณอธิบายว่า "ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการเป็นเจ้าของกิจการของรัฐ"
อย่างไรก็ตาม สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์ คอลัมนิสต์จากผู้จัดการออนไลน์เขียนว่า "วลี 'ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการของรัฐ' คือความคิดของการปล้นสมบัติชาติโดยอ้างประชาชน เป็นตัวอย่างวาทกรรมที่ปกปิดซ่อนเร้นความในใจ พูดดี พูดน่าเชื่อถือ ฟังแล้วน่าหลงใหล แท้จริงแล้วต้องการจะฮุบทรัพยากรของรัฐ คิดจะฮุบรัฐวิสาหกิจของประเทศ...เป็นการยากที่จะทำให้ประเทศไทยรอดจากเงื้อมมือทักษิณ แม้เขาจะไม่อยู่ในประเทศไทยก็ตาม คนที่ปล้นชาติหรือขายชาติ เรียกว่าโจร หรือมหาโจร"
10) ขณะที่กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอีกคน โดนกล่าวหาว่าขายชาติเช่นกัน แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกันออกไป โดยในวันที่ 29 เมษายน 2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปกล่าวปาฐกถาที่ประเทศมองโกเลีย โดยประเด็นหลักเธอกล่าวว่าประเทศไทยต้องล้าหลังชาติอื่นไปหลายปี เพราะมีการรัฐประหารในยุคสนธิ บุญยรัตกลิน
อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า "การรัฐประหารทำให้ไทยถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ หลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย โครงการที่พี่ชายดิฉันริเริ่มตามที่ประชาชนต้องการถูกยกเลิก ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพของเขาถูกปล้นไปคนไทยได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้เสรีภาพคืนมา แต่ในเดือน พ.ค. 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คน ในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนเปอร์ แม้แต่ทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่"
เมื่ออดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ พูดปาฐกถาแบบนั้น ทำให้โดนโจมตีว่า เอาเรื่องแย่ๆ ของประเทศไปบอกต่างประเทศ นายสุรชัย ศิริไกร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า "ไม่มีผู้นำประเทศไหนเอาเรื่องภายในไปบอกให้คนอื่นรับรู้โดยที่เขาไม่ได้ถาม ยกตัวอย่าง เช่น บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ครั้งเดินทางมาเยือนประเทศไทย ก็ไม่เคยนำปัญหาภายในสหรัฐมาบอกให้ประเทศไทยรับทราบ"
ตามด้วยชัย ราชวัตร นักเขียนการ์ตูนคนดังจากไทยรัฐ ทวีตข้อความว่า "กะหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ" นั่นทำให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดนกล่าวหาว่าเป็น "คนขายชาติ" แต่จะเป็นความหมายที่ต่างกันกับกรณีของทักษิณ ชินวัตร
11) บรรยากาศในโลกออนไลน์ตอนนี้ จึงเชื่อมโยงว่า ในยุคทักษิณโดนกล่าวหาว่าขายชาติ เพราะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ส่วนยุคยิ่งลักษณ์โดนกล่าวหาว่าขายชาติเพราะปาฐกถาที่มองโกเลีย แต่ในวันนี้ที่รัฐบาลกำลังออกกฎหมายขายที่ดินให้คนต่างชาติ ซึ่งน่าจะตรงคอนเซ็ปต์คำว่า "ขายชาติ" มากกว่า เมื่อเกิดเหตุแบบนี้กลุ่มคนที่เคยด่าทักษิณและยิ่งลักษณ์ในอดีต ควรออกมาแสดงจุดยืนหรือไม่เพื่อปกป้องประเทศ
โฟกัส จิระกุล นักแสดงสาวคนดัง ในโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า "ใครกันแน่ที่...ขายชาติ" ขณะที่ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้โพสต์ว่า "ไม่แน่นะ ต่อไปนี้ อาจมีเขตปกครองพิเศษ สำหรับต่างชาติ ห้ามคนไทยเข้าก็ได้"
12) สำหรับกระบวนการในตอนนี้ ยังต้องติดตามกันต่อไป ว่าภาครัฐจะผลักดันนโยบายนี้ไปถึงแค่ไหน แต่แน่นอนว่า คงต้องผ่านการโต้เถียงอย่างดุเดือด เพราะในมุมหนึ่ง มันก็เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและหาเงินเข้าประเทศที่น่าสนใจ แต่หากแลกมากับการให้คนต่างชาติมาถือครองแผ่นดินไทย และอาจเป็นจุดเริ่มต้นสู่การยึดครองประเทศ ก็ไม่สามารถตอบได้ ว่าจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าหรือไม่
อนึ่งในความเห็นผมสามารถทำได้หรือไม่ ถ้ากฎหมายผ่านทำได้ และไม่ได้เป็นการขายชาติ เพราะอย่างไรอำนาจอธิปไตยทางดินแดนก็ยังเป็นของประเทศไทย เพียงแต่การถือครองทรัพย์สินเป็นของต่างชาติ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในอังกฤษ ที่ให้คนต่างชาติถือครองทรัพย์สินได้ คิงพาวเวอร์ คนไทยถือครองทรัพย์สินเลสเตอร์ ที่ประเทศอังกฤษ เป็นต้น
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
workpointtoday 在 The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก Facebook 的最佳貼文
ผมไปออกรายการ workpointTODAY มาเมื่อวาน (ราวนาทีที่ 29)
ก่อนหน้านี้ผมเคยให้สัมภาษณ์กับ The Momentum มาแล้ว โดยเล่าถึงเบื้องหลังการกลับคืนสู่อำนาจของตาลีบัน, ความเป็นไปได้ของสงครามก่อการร้ายรอบใหม่ รวมถึงกระแสตอบรับจากนานาชาติ และท่าทีของจีน ที่เพิ่งมีการเจรจากับตาลีบัน ก่อนกรุงคาบูลจะแตกได้ไม่นาน สามารถดูได้ทางลิงก์นี้นะครับ https://www.facebook.com/themomentumco/posts/2769611663330520
workpointtoday 在 B DAY Official Youtube 的最佳解答
โควิดมายาวเลย อดถ่ายmvนอกสถานที่ เป็นเหตุทำให้ได้ฝึกตัดต่อคอนเท้นเอง อยากให้ทำคลิปอะไรฝากคอมเม้นกันเข้ามาด้วยครับผม