#รีโพสต์ อยากให้อ่าน
และใช้เวลาในการทำความเข้าใจ
วันนี้ หมออยู่เวรนอกเวลาราชการ
มีเด็กนอน รพ. ด้วยเรื่อง ถ่ายเหลว อาเจียน
เรียงกันหลายเตียง
.
ส่วนใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส
#เราทำให้โลกที่ลูกอาศัยอยู่ปราศจากเชื้อโรคไม่ได้
แต่เราสอนให้ลูกป้องกันตัวเองได้
กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมืออย่างถูกวิธี
ป้องกันโรคติดต่อได้
.
รักษาสุขภาพนะคะ
.
หมอแพม
*** 7 ข้อต้องรู้ เรื่องอาเจียนและถ่ายเหลวในเด็ก ***
โดย หมอแพม
.
เรื่องถ่ายเหลว อาเจียน
ก็เป็นความเจ็บป่วย top hit ในเด็กนะคะ
ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารนั่นเอง
.
ลำไส้ของคนเรา รวมกันทั้งลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก
มีความยาวเป็น 3-4 เท่าของความสูงของเจ้าของลำไส้
ขดรวมกันอยู่ในท้อง
ลำไส้คนเราเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่เราไม่เจ็บปวด
เวลาลำไส้ติดเชื้อ
จะมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงผิดปกติ
เคลื่อนไหวเร็ว ทิศทางจากเดิมบนลงล่าง
ก็จะไม่ปกติ บีบไปมา
เราจึงเกิดอาหารมวนท้อง
ปวดท้องตอนที่ลำไส้บีบตัว ดีขึ้นเมื่อคลาย
แล้วก็ปวดอีก เพราะลำไส้ส่วนนั้นคลาย อีกส่วนก็บีบ
รู้สึกจะอาเจียน เพราะน้ำและอาหารไม่ได้ถูกลำเลียงลงไปข้างล่าง
อย่างที่ควรจะเป็น
.
เวลาเด็กเล็กที่ยังพูดไม่ได้
มีภาวะติดเชื้อทางเดินอาหาร
จะน่าสงสารมาก
เค้าไม่สามารถสื่อสารกับพ่อแม่ได้ว่า
เค้าคลื่นไส้ เค้ามวนท้อง
พ่อแม่ป้อนอาหาร เค้าก็บอกอะไรไม่ได้ว่าไม่พร้อมกิน
ทำได้อย่างเดียวคือหันหน้าหนี ปัดอาหาร ร้องไห้
เพื่อสื่อให้พ่อแม่รู้ว่ายังไม่พร้อมจะรับอาหารตอนนี้
.
เวลาลำไส้บีบตัว
เค้าจะร้องกรี๊ด ไม่ต้องแปลกใจว่าเล่นอยู่ดีๆ ร้องไห้กรี๊ดๆ
แม่ปลอบอย่างไรก็ไม่ดี
จะดีเมื่อลำไส้คลายตัวเท่านั้น
.
ถ่ายเหลว และอาเจียน
มีไข้ต่ำ
.
อาการเหล่านี้ ล้วนน่ากังวลใจอย่างมากสำหรับพ่อแม่
แต่เราจะสามารถช่วยเหลือลูกเบื้องต้นได้นะคะ
ขอเพียงเรามีสติ
และมีความรู้ เราก็จะสามารถช่วยให้ลูกดีขึ้นได้
มาเรียนรู้กันนะคะ
.
หมอแพม
แพทย์หญิงปุษยบรรพ์ สุวรรณคีรี
กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ และเวชบำบัดวิกฤตในเด็ก
ปล.เรื่องการแนะนำหนังสือนิทาน กับแนวคิดของตัวเองในการเลี้ยงลูกเป็น passion นะคะ
แต่วันนี้มาทำ “หน้าที่ของหมอเด็ก”
ที่ต้องมีบทบาทในการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ
ในเรื่องความเจ็บป่วย และการดูแลรักษาเบื้องต้นให้กับแม่บ้าง ^-^
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的最佳解答
รีโพสต์ต่อเนื่อง
ไม่ใช้ยา ใช้อะไรได้บ้างเพื่อบรรเทาหวัดให้ลูก
ปล.น้ำผึ้ง ควรใช้ในเด็กอายุมากกว่า 1 ปี และซื้อน้ำผึ้งที่ได้รับตรา อย.นะคะ
#รักษาหวัดโดยไม่ใช้ยา (อิงหลักฐานทางการแพทย์)
.
หากใครอ่านโพสต์
“6 ข้อ...ที่หมอเด็กอยากบอก เมื่อเด็กเล็กเป็นหวัด”
ก็น่าจะมีความเข้าใจระดับหนึ่งนะคะ
หวัดเป็นโรคที่เจอบ่อยที่สุด
เด็กเป็นหวัดเฉลี่ย 6-8 ครั้ง/ปี
(โดยเฉพาะเด็กที่เพิ่งไป nursery หรือ อนุบาลใหม่ๆ เป็นเดือนละ 2 ครั้ง ก็เจอบ่อย)
โรคหวัดภาษาทางการ คือ Rhinitis
ซึ่งรากศัพท์ Rhino แปลว่าจมูก -itis แปลว่าอักเสบ
รวมกัน แปลว่า การอักเสบที่เกิดบริเวณจมูก (เริ่มที่จมูก)
ซึ่ง สาเหตุ #เกิดจากการติดเชื้อไวรัส
เมื่อเยื่อบุจมูกอักเสบ
ก็จะตอบสนองด้วยการบวม และมีการคัดหลั่งน้ำมูกเพิ่ม
เราก็จะมี #อาการคัดจมูก และ #มีน้ำมูก
เชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค
เม็ดเลือดขาว จะหลั่งสารต่างๆในกระบวนการกำจัดเชื้อโรค
ทำให้เรา #มีไข้ #รู้สึกไม่สบายตัว
(ในเด็กก็จะแสดงอาการ งอแง หรือบางคนก็หลับมาก ไม่เล่น ไม่ร่าเริง)
.
ทีนี้ถามว่า ยารักษาเฉพาะ
แบบว่าไปฆ่าเชื้อโรคในร่างกายเลยมีมั้ย?
ตอบว่า #ไม่มี
การรักษาก็จะเป็นแบบประคับประคอง
supportive treatment หัวใจของการรักษาแบบนี้คือ
#ทำได้แค่ให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นเท่านั้น
.
ยาที่เราเรียกว่า ยารักษาตามอาการ เช่น
มีไข้ ก็ให้ยาลดไข้
คัดจมูก ก็ให้ยาลดบวมของเยื่อบุจมูก
มีน้ำมูก ก็ให้ยาลดน้ำมูก
มีอาการไอ ก็ให้ยาแก้ไอกลุ่มยาละลายเสมหะ
.
ซึ่งเป็นยาที่ใช้มาอย่างช้านานแล้วใช่มั้ยคะ
แต่จากการรวบรวมผลการศึกษาหลายๆการศึกษา
และนำมาสรุปผล (meta-analysis)
กลับพบว่า ยาลดอาการคัดจมูก ยาลดน้ำมูก ยาละลายเสมหะ นอกจากจะไม่ช่วยลดอาการหวัดของเด็ก/ไม่ช่วยให้หวัดหายเร็วขึ้น #ยายังมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นอีกด้วย
อย่างที่เคยเขียนในโพสต์ก่อน ว่ายาลดน้ำมูก ทำให้น้ำมูกเหนียวข้นขึ้น ในเด็กเล็ก
ไอไม่เก่ง ขากเสมหะไม่ได้
มีรายงานว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เชื้อกระจายลงไปที่ทางเดินหายใจส่วนล่างมากขึ้น
และยาลดอาการคัดจมูก กับยาละลายเสมหะ
ก็ไม่มีผลยืนยันที่บอกว่าทำให้เด็กดีขึ้น
(คือกินกับไม่กินก็เหมือนๆกัน)
แปลว่า ไม่ต้องให้ เพราะให้ก็จะเกิดผลข้างเคียงของยาได้แถมยังไม่เกิดประโยชน์อีก
.
แต่ในผู้ใหญ่ ยาลดคัดจมูก ยาลดน้ำมูก และยาแก้ไอ
กินยาแล้วเราก็ดีขึ้น ไม่ต้องทรมานกับน้ำมูกที่ไหลเวลาทำงาน ยาลดคัดจมูกก็ทำให้หายใจโล่งขึ้น
ดังนั้น การศึกษาในผู้ใหญ่ ยาพวกนี้ ก็จะได้ผลดีในแง่เรื่องคุณภาพชีวิต
.
👉 ข้อสรุปก็คือ ในเด็กอายุมากกว่า 6 ปี ก็คล้ายกับผู้ใหญ่
คือ การให้ยาช่วยลดอาการต่างๆ ดูเหมือนว่าจะได้ประโยชน์ในแง่คุณภาพชีวิตตอนที่เจ็บป่วย ดีขึ้น ให้ยาได้ด้วยความสบายใจ
👉 ในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี
จะเป็นเด็กที่พบผลข้างเคียงจากยามากที่สุด
ในอเมริกามีข้อห้ามใช้ยาเพื่อรักษาหวัด
(Over-the-counter cold medications)
ในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ตั้งแต่ปี 2008
ในเด็กกลุ่มนี้ ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าเป็นหวัดแล้วไปพบหมอเด็กจะได้มาแค่ #ยาลดไข้กับน้ำเกลือหยดจมูก
(แต่ก็ไม่ได้มีข้อห้ามใช้เป็นทางการนะคะ แพทย์บางคนยังจ่ายยาลดน้ำมูกก็ไม่ถือเป็นความผิด
เอาเป็นว่าใช้ได้ #แต่ต้องระมัดระวังมากในเด็กอายุน้อย)
ส่วนในเด็กอายุ 2-5 ปี การให้ยา
ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
ซึ่งส่วนตัวหมอเองก็จ่ายยาเหมือนกันค่ะ ตามความจำเป็น จะให้คำแนะนำแม่เป็นหลัก
.
อ่านไปอ่านมา....คุณแม่เริ่มกังวลใจใช่มั้ยคะ
ถ้ายาไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้น แถมยังอาจจะมีผลข้างเคียง แล้วจะทำอย่างไรดี?
เรื่องนี้ ไม่ใช่เป็นความกังวลเฉพาะบ้านเมืองเรานะคะ
ที่อเมริกาเอง ก็พบผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาลดอาการหวัดในเด็กมาก เค้าก็เลยเริ่มมีการศึกษา ว่าจะมีวิธีการรักษาที่ไม่ใช่ยาหรือไม่?
American Academy of Pediatrics (AAP)
มีบทความที่เขียนให้ความรู้เรื่อง
วิธีการบรรเทาอาการหวัดในเด็ก โดยไม่ใช้ยา โดยความรู้พวกนี้ก็อ้างอิงมาจากงานวิจัยทางการแพทย์
หมอจะสรุปให้ดังนี้นะคะ
======================
❤❤ น้ำผึ้ง ( AAP เรียกสูตรนี้ว่า Sweet dreams)
น้ำผึ้ง มีการศึกษามากมาย แต่ที่ผลการศึกษาไปในทางบวก ก็คือการลดภาวะไอตอนกลางคืน
โดยแนะนำให้ใช้ในเด็กอายุมากกว่า 1 ปี
เพราะกลัวเรื่อง toxin ที่อาจปนเปื้อนในน้ำผึ้ง
(ซื้อน้ำผึ้งที่มี อย. นะคะ)
โดยขนาดที่แนะนำคือ กินครั้งละ ½-1 ช้อนชา บ่อยแค่ไหนไม่ได้แนะนำชัดเจน แต่หมอใช้น้ำผึ้งกับลูกสาวตั้งแต่เล็กๆ หมอเอา 1 ช้อนชา มาผสมน้ำอุ่นสัก 10 ซีซี แล้วให้กินวันละ 3-4 ครั้ง บางบ้านเอาไปผสมมะนาวก็ได้ค่ะ หรือใครจะให้กินเปล่าๆเลยก็ได้ค่ะ
=====================
❤❤ น้ำเกลือสำหรับหยด/spray/ล้างจมูก
สำหรับตัวเอง สำหรับเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี หมอจะให้น้ำเกลือไป #หยดจมูก เสมอค่ะ
(อ่านโพสต์ ล้างจมูกในเด็กเพิ่มเติมนะคะ อธิบายไว้แล้ว ว่า หยด กับ ล้าง ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน)
โดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 1 ปี ที่ยังกินนมเป็นอาหารหลัก เพราะการที่จมูกบวมและน้ำมูกอยู่ในโพรงจมูก
จะทำให้เด็กเล็กหายใจลำบากมาก
การกลืน คือต้องหายใจไปพร้อมๆกับจังหวะการหยุดหายใจ เด็กจะเหนื่อยมาก ช่วงดูดนม
เพราะฉะนั้น ก่อนกินนมคุณแม่ควรหยดจมูกด้วยน้ำเกลือให้ลูกก่อน และอีกเวลาที่จะแนะนำคือก่อนนอน
(จะทำบ่อยกว่านี้ก็ได้ #แต่เวลาที่ต้องทำเลยคือก่อนกินนมกับก่อนนอน)
ส่วนเรื่องการสวนล้างจมูก (nasal irrigation)
ควรทำมั้ยในเด็กเป็นหวัด?
ตัดสินให้ไม่ได้ แต่ให้ข้อมูลนะคะ
เพราะแต่ละบ้านก็มีความรู้สึกต่อการสวนล้างจมูกไม่เหมือนกัน
การสวนล้างจมูกนั้น ได้ผลดี ที่พิสูจน์แล้ว
คือ 1. คนไข้ที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง
2.คนไข้ภูมิแพ้จมูก (allergic rhinitis) ที่มีอาการทางจมูกมากเท่านั้น และให้ร่วมกับการรักษาอื่น
การล้างจมูกในหวัด ไม่มีผลทำให้อาการดีขึ้นชัดเจน
และไม่มีการศึกษาที่ยืนยันว่า
ถ้าเป็นหวัด ล้างจมูกแล้วจะทำให้เชื้อกระจาย
เกิดโรคหูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบนะคะ
เอาเป็นว่า #เอาที่เราสะดวกเลยค่ะ
เพราะมันมีรายละเอียดเรื่อง
👉 ความร่วมมือของลูก
👉 เทคนิคการล้าง
ถ้าเด็กบ้านไหน กลัวมาก ดิ้นมาก
แนะนำว่า ไม่ต้องล้างตอนเป็นหวัดหรอกค่ะ
ยิ่งดิ้นมาก อุปกรณ์ไปกระทบเยื่อบุจมูก ทำให้บวมขึ้น
แทนที่จะดี กลับกลายเป็นผลร้าย
หรือ เด็กกลัวมาก ถ้าเป็นหมอ หมอจะรักษาหัวใจของลูกมากกว่าค่ะ
เพราะก็ไม่ได้ดีชัดเจน #ทำไมต้องทำร้ายจิตใจลูกด้วย
ที่สำคัญ ไม่ต้องล้างจมูก หวัดก็หายได้เองอยู่แล้ว
ถ้าลูกสั่งน้ำมูกเป็น ก็สั่งเองเอาน้ำมูกออกมาได้มากกว่าค่ะ แล้วค่อยเอาน้ำเกลือ spray ตาม
(ผลการศึกษาบอกว่าเด็กส่วนใหญ่ สนิทใจที่จะใช้น้ำเกลือแบบ spray มากที่สุด)
=====================
❤❤ Vapor rubs (พวกน้ำมันหอมระเหย) ซึ่งก็ใช้แพร่หลายในบ้านเราเหมือนกันนะคะ
ซึ่งจากงานวิจัย พบว่า จะช่วยให้เด็กหายใจโล่งขึ้นนะคะ AAP แนะนำให้ใช้ในเด็กอายุมากกว่า 2 ปี
โดย #ทาบางบางที่หน้าอก ไม่แนะนำให้ทาใต้จมูก หรือบริเวณใบหน้า หรือทาหนาเกินไป
เพราะทำให้เด็กรู้สึกร้อนบริเวณที่ทา และเคยเจอเคสที่เยื่อบุจมูกบวมไม่หายซักที อาการเหมือนภูมิแพ้จมูก รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ท้ายที่สุดได้ข้อมูลว่า ทา vapor rub ที่จมูกให้ลูกทุกคืน (เป็นความเชื่อว่าทำให้ลูกหายใจสบาย) พอหยุดทา เด็กก็อาการดีขึ้น ดังนั้น อะไรที่มากไปย่อมไม่ดี ทำตามที่ฉลากยาแนะนำ ดีที่สุดค่ะ
.
หวัด เป็นโรคที่เราดูแลลูกได้เองที่บ้าน อาการเด็กจะดูดีตอนกลางวัน แต่กลางคืนจะแย่ลง เป็นกันทุกบ้านนะคะ
ธรรมชาติของโรค วันแรกที่อาการเริ่ม อาการไม่มาก แต่วันที่อาการหนักจะเป็นวันที่ 2-4
หากผ่านช่วง peak ไปได้แล้ว หลังจากนั้น จะดีขึ้นตามลำดับ
ถ้าไม่เป็นไปตามนี้ คือ แย่ลงทุกวันทุกวัน มีอาการอื่นเพิ่มทุกวัน แนะนำพาไปพบแพทย์
หรือ ถ้าคุณแม่คิดว่าลูกมีอาการที่น่ากังวล ก็ควรพาไปพบแพทย์นะคะ
.
หมอแพม
ที่มาของข้อมูล
บทความของ AAP
http://www.aappublications.org/content/32/12/32.5
งานวิจัยเกี่ยวกับการล้างจมูก
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/20238351
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/…/PMC43954…/pdf/nihms483545.pdf
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/…/a…/PMC3904042/pdf/zrie119.pdf
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/22727153
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส 在 Drama-addict Facebook 的最佳貼文
หูดหงอนไก่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV
ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หูดนี้เกิดได้ในหลายๆอวัยวะ
บนกระปู๋ก็ขึ้นได้ บนจิ๋มก็ขึ้นได้ ที่สำคัญ ในง่ามตูดและรูตูดก็ขึ้นได้ ไม่ใช่แค่นั้น ในปาก ในคอ ก็ขึ้นได้นะเออว์ ใครที่มีหูดหรือตุ่มหน้าตาแปลกๆขึ้นตามอวัยวะที่ว่ามา ไม่ต้องถ่ายภาพแล้วส่งมาให้กรูดูล่ะ แม่งเบื่อเต็มทนละ กับหลังไมค์ที่ส่งภาพง่ามตูดมาให้กรูดูแล้วถามว่านี่หูดหงอนไก่รึเปล่า ถ้ามีอาการแบบนั้น รีบไปหาหมอให้ไว มันรักษาได้นะเธอว์ แต่ถ้าปล่อยไว้เนิ่นนาน ไม่ยอมไปรักษาปล่อยให้หูดขึ้นเต็มไปหมด ระวังเหอะ จะกลายเป็นมะเร็ง และไอ้ไวรัสตัวนี้ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งได้สารพัดมาก ตั้งแต่มะเร็งตูด มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องตลอด มะเร็งคอ มะเร็งกระปู๋ บลาๆๆๆๆ
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส 在 อาการทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อโควิด : รู้สู้โรค - YouTube 的推薦與評價
อาการทางผิวหนังที่ เกิดจากการติดเชื้อโควิด -19 พบว่ามีหลายลักษณะ เช่น ผื่นลมพิษ ผื่นแดง ตุ่มน้ำพอง หรือมีแผลแตกบริเวณผิวหนัง ... ... <看更多>