หากลองสังเกตดูให้ดีจะพบว่า งานทุกงานและอาชีพทุกอาชีพที่มีเงินเดือนสูงคือ อาชีพที่เครื่องจักรทำงานแทนไม่ได้
.
ในทางตรงกันข้ามยิ่งอาชีพไหนถูกแทนด้วยเครื่องจักรได้ง่าย อาชีพนั้นยิ่งมีอัตราการว่าจ้างที่ต่ำลง
.
ยกตัวอย่างเช่น
.
พนักงานขายตั๋วรถไฟ ก็ใช้ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติขายเเทนได้ ค่าจ้างจึงต่ำมาก
.
พนักงานทำความสะอาด ใช้เครื่องจักรทำงานแทนได้สบายมาก
.
ยาม ใช้กล้องแทนได้ จึงมีค่าจ้างต่ำ เพราะกล้องนั้นไม่เหนื่อย ไม่ใจลอย ไม่เเอบหลับ ไม่ลางาน
.
เเต่ซีอีโอของบริษัทต่างๆ แพทย์ นักกีฬา โค้ช หรือศิลปิน ที่ต้องใช้สมอง ความคิด และการตัดสินใจสูงมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นของมนุษย์ ที่เครื่องจักรไม่มีทางทดแทนได้ จึงมีเงินเดือนที่สูงกว่าใคร
.
ยิ่งสามารถ "คิดเก่ง" ได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้เงินเยอะมากเท่านั้น เพราะเครื่องจักรนั้น “คิดเเละจินตนาการไม่เป็น"
.
แม้แต่ในอาชีพเดียวกัน คนที่ทำงานเหมือนเครื่องจักรก็จะได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าคนที่ทำงานเหมือนมนุษย์เสมอ
.
เช่น นักเขียน ที่ใช้ภาษาเขียนธรรมดา เขียนข่าวเหตุการณ์รายวันทั่วไป ไม่มีชีวิตชีวา ไม่สามารถเขียนให้เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้อ่านได้ ผู้อ่านก็จะนิยมน้อย ไม่มีใครอยากบอกต่อ และไม่มีใครอยากจดจำ
.
เพราะมันก็ไม่ต่างจากเครื่องจักรที่ไม่มีความรู้สึก
.
แต่นักเขียนที่เขียนจากหัวใจ ทุ่มเททำด้วยความรักและความเอาใจใส่กับงานเขียนอย่างสุดซึ่ง ใช้ทักษะการเขียนให้ผู้อ่านรู้สึกสนุกสนาน ได้รับทั้งความรู้ และแรงบันดาลใจ ก็จะได้รับความนิยมชมชอบจากผู้อ่าน
.
ถ้าเปิดคอร์สสอนวิชาการเขียน ก็จะมีแต่คนมารุมสมัคร เขียนหนังสือออกมาก็มีเเต่คนรุมซื้อ
.
เเละทุกคนก็พร้อมยินดีจะให้เงินสนับสนุนนักเขียนผู้นี้ เนื่องจากสามารถเขียนแบบที่ "เครื่องจักรทดแทนไม่ได้"
.
ทุกสายงานและอาชีพก็ใช้ทฤษฎีเดียวกันนี้เป็นตัวชี้วัดได้หมด
.
ตั้งแต่ดาราไปจนถึงเซลส์ขายสินค้า ยิ่งเราทำงานได้เหมือน "มนุษย์" ค่าตอบแทนเราจะยิ่งสูง แต่ยิ่งเราทำงานเหมือน "เครื่องจักร" ค่าตอบแทนเราจะยิ่งต่ำ
.
ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นเเบบชัดๆเลย ก็คือ ทำไมผู้ที่ทำอาชีพขายบริการทางเพศถึงได้ค่าตอบเเทนสูง นั่นก็เพราะว่าเครื่องจักรไม่สามารถทำเเทนได้ (เเต่ผมไม่เเนะนำนะครับ)
.
หรือทำไมนักฟุตบอลอาชีพถึงมีค่าเหนื่อยที่มากมายมหาศาล ก็เพราะเครื่องจักรไม่สามารถมาเตะบอลเเทนมนุษย์ได้ เเละถึงเเม้ว่าในอนาคตเครื่องจักรจะพัฒนาจนสามารถทำเเทนได้ ก็คงไม่มีใครอยากดูเครื่องจักรเตะบอลชิงถ้วยบอลโลกกันหรอกใช่ไหมล่ะครับ
.
ดังนั้น ลองหมั่นถามตัวเองดูว่า สิ่งที่เราทำอยู่มีเครื่องจักรมาทำแทนได้ง่ายแค่ไหน
.
เพราะยิ่งเครื่องจักรมาทำงานแทนเราได้ง่ายเท่าไหร่ งานนั้นก็ยิ่งมีคุณค่าต่อผู้คนน้อยเท่านั้น
.
และเมื่องานนั้นมีคุณค่าต่อผู้คนน้อย ผู้คนก็พร้อมจะจ่ายเงินให้คุณน้อยเช่นกัน
.
.
หาแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ ได้ที่ หนังสือ สมองเศรษฐี
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
เเต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
ไม่ลางาน 在 ลางานเหมือนไม่ลา! “ชัชชาติ” วิดีโอ กลับมาสั่งแก้ปัญหา คนกรุงฯ แม้ ... 的推薦與評價
ลางาน เหมือน ไม่ ลา! “ชัชชาติ” วิดีโอคอลกลับมาสั่งงานแก้ปัญหาคนกรุงฯ หลังลากิจ 4 วัน ไปงานรับปริญญาลูกชาย “แสนปิติ สิทธิพันธุ์” ที่สหรัฐฯ ... ... <看更多>