What do I do with my hands?
同時也有3部Youtube影片,追蹤數超過2萬的網紅DBstory 逗比故事,也在其Youtube影片中提到,試駕 Proton x50 馬來西亞最新汽車?! 黑科技超多! Level 2 semi-autonomous driving 馬來西亞Vlog 剪輯師: 黃歆眙 ❤ 看看逗比小郎君的日常 ❤ Like DBstory Facebook Page ➔ https://www.facebook....
「autonomous driving level」的推薦目錄:
- 關於autonomous driving level 在 Engadget Facebook 的最佳解答
- 關於autonomous driving level 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於autonomous driving level 在 Engadget Facebook 的最讚貼文
- 關於autonomous driving level 在 DBstory 逗比故事 Youtube 的最讚貼文
- 關於autonomous driving level 在 CarDebuts Youtube 的最讚貼文
- 關於autonomous driving level 在 CarDebuts Youtube 的精選貼文
autonomous driving level 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
รถบรรทุก ขับด้วยตัวเอง จะเปลี่ยนโลกการขนส่ง ไปตลอดกาล /โดย ลงทุนแมน
นอกจากรถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าแล้ว
พัฒนาการของรถไร้คนขับ ก็เป็นอีกนวัตกรรมที่คนทั่วโลกต่างจับตามอง
ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ขับขี่ได้โดยไม่ต้องจับพวงมาลัยของ Tesla และ Audi
หรือแม้แต่รถมินิแวนไร้คนขับของ Waymo บริษัทในเครือ Alphabet
แต่รู้หรือไม่ว่านอกเหนือจากการเดินทางในชีวิตประจำวันแล้ว ผู้พัฒนานวัตกรรมไร้คนขับก็กำลังขับเคี่ยวกันในอุตสาหกรรมการขนส่งเพื่อพัฒนา “รถบรรทุก” ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
แล้วนวัตกรรมรถบรรทุกไร้คนขับนี้ ส่งผลต่อระบบการขนส่งสินค้าอย่างไร
และกำลังพัฒนาไปถึงระดับไหนแล้ว ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
สินค้าแทบทุกชิ้นที่อยู่รอบตัว ต่างต้องเคยผ่านการขนส่งด้วยรถบรรทุกก่อนมาถึงมือเรา
อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคคิดเป็นสัดส่วนจากรถบรรทุกกว่า 2 ใน 3 นั่นจึงทำให้อุตสาหกรรมรถบรรทุกในประเทศแห่งนี้ มีมูลค่ากว่า 25 ล้านล้านบาท
และด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซ
ที่ปัจจุบัน ต่างหันมาแข่งขันกันในเรื่องความเร็วในการจัดส่ง
โดยเฉพาะบริการ “Same Day Delivery” หรือบริการจัดส่งสินค้าภายในวันเดียว
เหล่าคนขับรถขนส่งสินค้ารวมไปถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ จึงต้องทำงานหนักมากขึ้น
เพราะต้องเพิ่มความเร็วในการขนส่งตามนโยบายของบริษัท รวมถึงต้องทำงานเกินเวลา
นั่นจึงทำให้อาชีพคนขับรถบรรทุก มีจำนวนชั่วโมงการทำงานอยู่ที่ 10 ถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน เลยทีเดียว
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนขับรถส่งสินค้าของ Amazon.com ออกมาประท้วงเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
หรือแม้แต่การนัดกันหยุดงานและออกมาชุมนุมในประเทศเกาหลีใต้ของคนขับรถรับส่งและรถบรรทุกสินค้าหลายบริษัท หนึ่งในนั้นก็คือ Coupang บริษัทอีคอมเมิร์ซเกาหลีใต้ เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
แล้วทำไม บริษัทเหล่านี้ไม่จ้างพนักงานขับรถบรรทุกเพิ่ม ?
เหตุผลสำคัญที่บริษัทไม่นิยมจ้างพนักงานขับรถมาเพิ่ม ไม่ใช่เพียงเพราะต้นทุนค่าจ้างที่จะสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานอยู่ด้วย
อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกามีการประเมินไว้ว่า คนขับรถบรรทุกขาดแคลนมากกว่า 60,000 ตำแหน่ง และจะขาดแคลนมากขึ้นกว่านี้อีกเป็นเท่าตัว ในอีก 5 ปีข้างหน้า
นั่นก็เพราะว่าผู้ประกอบอาชีพขับรถบรรทุก มีอายุเฉลี่ยที่ค่อนข้างสูงและกำลังทยอยเกษียณอายุกันแต่กลับไม่มีคนวัยหนุ่มสาวเข้ามาทดแทน เพราะความนิยมในอาชีพเหล่านี้น้อยลงไปทุกที
นวัตกรรมขับเคลื่อนอัตโนมัติ จึงจะมีบทบาทสำคัญ ในการเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมรถบรรทุก
เพราะระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง จึงสามารถขนส่งได้
แม้ในช่วงนอกเวลางานของคนขับรถซึ่งจะเข้ามาช่วยร่นระยะเวลาการขนส่งสินค้าทั้งระบบให้รวดเร็วขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สตาร์ตอัปรถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติสัญชาติอเมริกันที่ชื่อ TuSimple ได้ทดลองขนส่งแตงโมโดยเดินทางผ่าน 3 เมือง เป็นระยะทาง 1,530 กิโลเมตร ผลปรากฏว่าใช้เวลาน้อยกว่ารถบรรทุกแบบดั้งเดิมที่มีคนขับถึง 42% หรือจาก 24 ชั่วโมง เหลือเพียง 14 ชั่วโมง
นอกจากเวลาที่ใช้น้อยลงแล้ว พลังงานและแรงงานก็ถูกใช้น้อยลงด้วยเช่นกัน
ซึ่งมีแนวโน้มจะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งลดลงในระยะยาว ซึ่งถ้าพัฒนาไปถึงขั้นที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์ ก็จะลดต้นทุนได้ถึง 50% แม้ว่าบริษัทจะต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาที่สูงในช่วงแรกก็ตาม
และเมื่อรถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบใช้ไฟฟ้า
นวัตกรรมดังกล่าวจึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นไปด้วย
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถบรรทุกจะมีความท้าทายที่มากกว่ารถยนต์
ทั้งในเรื่องของน้ำหนักตัวรถที่มากกว่าและตัวรถที่มีขนาดใหญ่กว่า รวมถึงการพัฒนาระบบเซนเซอร์และระบบคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตอันใกล้ ก็ต้องทำให้ตอบสนองได้เร็วกว่า และประมวลผลไปได้ล่วงหน้ากว่ารถยนต์เป็นเท่าตัว
เมื่อดูความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีไร้คนขับของรถบรรทุก
จากระบบการแบ่งระดับของเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติที่กำหนดโดย SAE International
ที่เริ่มจากระดับ 0 คือเป็นยานยนต์คนขับ 100%
ไปจนถึงระดับ 5 ที่เป็นยานยนต์ไร้คนขับ 100%
ในปัจจุบันรถบรรทุกไร้คนขับส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า
โดยระดับ 3 ที่ว่านี้ มีชื่อเรียกว่า “Conditional Automation” ซึ่งรถจะขับเคลื่อนได้เองเลย
แต่ยังมีคนขับนั่งไปด้วยเผื่อต้องควบคุมพวงมาลัยในกรณีฉุกเฉิน
ในกรณีของรถบรรทุก จะใช้ระบบเพิ่มเติมที่เรียกว่า “Platoon” ซึ่งคือการที่ให้รถบรรทุกวิ่งตามกันเป็นขบวน โดยแต่ละคันจะเชื่อมต่อด้วยระบบแบบไร้สายเพื่อให้รถคันหลังตอบสนองตามคันที่นำขบวน
สำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 3 ของรถบรรทุกในช่วงแรกจะเป็น Platoon แบบมีคนขับ
คือรถบรรทุกทุกคันในขบวนยังมีคนขับนั่งไปด้วย และจะใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบ Platoon นี้บนทางหลวงเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ถนนโล่งและเป็นระยะทางยาว พอเข้าสู่ถนนปกติที่พลุกพล่าน ก็จะสลับมาให้คนขับรถแทน
ในระยะต่อมา ก็จะถูกพัฒนาไปเป็นระบบ Platoon แบบไร้คนขับ
โดยจะมีคนนั่งหลังพวงมาลัยเฉพาะในรถที่นำขบวนเท่านั้น
ส่วนรถคันอื่นจะขับเคลื่อนเองแบบไร้คนขับ
แต่ยังคงใช้ระบบนี้เฉพาะบนทางหลวงเหมือนเดิม ซึ่งช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้เฉลี่ย 10%
ระบบ Platoon แบบมีคนขับ เริ่มทดลองสำเร็จเมื่อปี 2016
จากโครงการ European Truck Platooning Challenge
โดยมีบริษัทชั้นนำอย่าง Daimler, Volvo และ Scania ที่เป็นบริษัทในเครือ Volkswagen ซึ่งสามารถทำสถิติขบวนรถบรรทุกที่วิ่งได้ระยะทางไกลสุดในโครงการนี้ ด้วยระยะทาง 2,000 กิโลเมตร จากประเทศสวีเดน ผ่านเดนมาร์ก เยอรมนี ไปถึงปลายทางที่เนเธอร์แลนด์
ก่อนที่ปีต่อมา Scania และ Toyota เริ่มทดลองระบบ Platoon แบบไร้คนขับได้สำเร็จในประเทศสิงคโปร์
และปัจจุบัน บริษัทส่วนใหญ่กำลังพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถบรรทุก
ให้เข้าสู่ระดับ 4 ซึ่งใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีระบบเชื่อมต่อกันเป็นขบวนแล้ว
และไม่ต้องมีคนขับรถเลยในช่วงที่เป็นทางหลวง รวมถึงในบางเส้นทางที่มีการบันทึกข้อมูลไปแล้ว
แต่คนขับรถจะมีบทบาทในช่วงเส้นทางที่ซับซ้อนมาก และยังต้องมีคนขนของขึ้นลงรถตามจุดต้นทางและปลายทางอยู่
McKinsey คาดการณ์ว่ารถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติในระดับ 4 หรือ “High Automation” จะสามารถพัฒนาได้อย่างสมบูรณ์อย่างน้อยภายในปี 2025 ถึง 2027
หลังจากนั้นจึงจะเริ่มเข้าสู่ระดับสูงสุดที่ระดับ 5 หรือ “Full Automation”
ที่ยานยนต์จะขับเคลื่อนได้เองแบบไร้คนขับโดยสมบูรณ์
และบริษัทที่เป็นผู้นำในตลาดรถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติในปัจจุบัน
อ้างอิงจากการวิเคราะห์ของ Bloomberg ก็คือ TuSimple, Aurora และ Waymo
TuSimple เป็นสตาร์ตอัปนวัตกรรมไร้คนขับที่โฟกัสรถบรรทุกอย่างเดียวมาตั้งแต่แรก และมีการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในรถบรรทุกที่ก้าวหน้าที่สุดในขณะนี้ โดย TuSimple ตั้งเป้าว่าจะวางระบบขนส่งด้วยรถบรรทุกไร้คนขับได้ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาในอีก 3 ปีข้างหน้า
ส่วน Aurora และ Waymo เริ่มต้นมาจากการพัฒนารถยนต์และรถให้บริการรับส่งคน ก่อนที่จะเข้ามาสู่ตลาดรถบรรทุก ซึ่งผู้ก่อตั้ง Aurora ก็คืออดีตทีมบริหารจาก Waymo และ Tesla นั่นเอง
ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่หลายบริษัทตัดสินใจเลือกพัฒนารถบรรทุกควบคู่ไปด้วย
ก็เป็นเพราะว่า ด้วยความที่รถบรรทุกใช้ขนส่งสิ่งของที่ไม่มีชีวิต
และการมุ่งเน้นในการพัฒนารถบรรทุก ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ไร้คนขับอย่างสมบูรณ์ อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมรถบรรทุก ก่อนยานยนต์อื่น ๆ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.mckinsey.com/industries/travel-logistics-and-infrastructure/our-insights/distraction-or-disruption-autonomous-trucks-gain-ground-in-us-logistics
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-05-01/waymo-tusimple-aurora-inside-the-race-to-build-self-driving-trucks
-https://www.vox.com/recode/2020/7/1/21308539/self-driving-autonomous-trucks-ups-freight-network
-https://www.weforum.org/agenda/2020/03/self-driving-trucks-will-change-the-world-more-than-you-might-think/
-https://techsauce.co/tech-and-biz/6-level-autonomous-car
-https://www.theverge.com/2016/4/7/11383392/self-driving-truck-platooning-europe
-https://www.engadget.com/2017-01-25-singapore-full-scale-autonomous-truck-platooning-trial.html
-https://www.cnbc.com/2021/05/19/tusimple-self-driving-trucks-saved-10-hours-on-24-hour-run.html
autonomous driving level 在 Engadget Facebook 的最讚貼文
It's developing ID.Buzz vans with Level 4 autonomous driving capabilities.
autonomous driving level 在 DBstory 逗比故事 Youtube 的最讚貼文
試駕 Proton x50 馬來西亞最新汽車?! 黑科技超多!
Level 2 semi-autonomous driving
馬來西亞Vlog
剪輯師: 黃歆眙
❤ 看看逗比小郎君的日常 ❤
Like DBstory Facebook Page ➔ https://www.facebook.com/dbstoryy/ Follow DBstory Instagram ➔ https://bit.ly/2nuZGiG
?更多热门影片?
?美食发掘?: http://bit.ly/2Qp7mhV
?街头挑战?: http://bit.ly/2QnZj58
autonomous driving level 在 CarDebuts Youtube 的最讚貼文
Nissan today unveiled the Z Proto, signaling the company's intent to launch a new generation of the legendary Z sports car. Shown at a virtual event beamed around the world from the Nissan Pavilion in Yokohama, the prototype car features a new design inside and out, as well as a V-6 twin turbocharged engine with a manual transmission.
First hinted at in a video named "Nissan A-Z" in May, the Nissan Z Proto pays full respect to 50 years of Z heritage. At the same time, it's a thoroughly modern sports car.
"The Z, as a pure sports car, represents the spirit of Nissan," said Nissan CEO Makoto Uchida. "It's a key model in our Nissan NEXT transformation plan, and it's proof of our ability to do what others don't dare to do, from A to Z. As a Z fan myself, I'm excited to announce that the next Z is coming."
A global community of fans young and old attended today's virtual unveiling. Members of the Z Club in Japan, ZCON participants in Nashville, Tennessee, and enthusiasts in various other markets tuned in for the event.
Exterior: past meets future
Penned and developed by the design team in Japan, the Z Proto boasts a fresh, attractive exterior design with a silhouette that communicates respect for the original model. It sports a bright yellow pearlescent paint – a tribute to a popular paint scheme on both the first generation Z (S30) and the 300ZX (Z32) – and a black roof.
Combining a retro theme with one that also projected futurism was challenging, said Alfonso Albaisa, head of design at Nissan.
The shape of the hood and the canted, teardrop-shaped LED headlights are both unmistakable reminders of the original Z. The rectangular grille's dimensions are similar to the current model with the addition of oval grille fins to offer an updated modern look. The form continues to exude both sportiness and elegance.
The link to the original Z is most striking when viewing the Z Proto from the side. The roofline flows from the nose to the squared-off rear to create a distinctive first-generation Z profile whose rear edge was slightly lower than the front fender height giving the Z its unique posture. The signature transition from the rear quarter glass to the low-slung position of the rear tail adds to the effect.
The rear takes inspiration from the 300ZX (Z32) taillights, reinterpreted for the modern world. Set within a rectangular black section that runs across the rear and wraps around the outer edges, the LED taillights convey a sharp glow.
Lightweight carbon fiber treatments on the side skirts, front lower lip and rear valance ensure nimble performance. 19-inch alloy wheels and dual exhausts complete the Z Proto's striking road presence.
Interior: modern tech with a vintage touch
Designed to fit driver and passenger like a glove, the Z Proto's cabin seamlessly blends modern technology with vintage Z touches.
The interior design team sought advice from professional motorsports legends to give the Z Proto an ideal sports car cabin, both for road and track. This can be seen in the Z's instrumentation. All vital information is found in the 12.3-inch digital meter display and arranged to help the driver grasp it at a glance, such as the redline shift point at the twelve o-clock position.
The new, deep dish steering wheel offers the driver quick access controls without losing its vintage aesthetic.
Yellow accents are found throughout the cabin, including stitching on the instrument panel. The seats feature special yellow accenting and a layered gradation stripe in the center of the seats to create depth.
Sports car joy: an exhilarating, dynamic performer
The original Z was built to bring the joy and excitement of sports car ownership to as many people as possible.
Each new generation had a more powerful engine, although the Z is about more than power increases.
"Z is a balance of power and agility," Tamura continued. "It is a vehicle that creates a connection with the driver not just on the physical level, but emotionally, and responds to the driver's impulses."
Make no mistake though, the Z Proto packs a powerful punch. Under the elongated hood is an enhanced V-6 twin-turbocharged engine mated to a six-speed manual gearbox. As a prototype, work is now underway on synchronizing the power with the grace and control that has defined the Z for the past 50 years.
"With the launch this summer of the groundbreaking Ariya EV, we've started a new era of electrification and autonomous driving technology," said Uchida. "With the Z, we're bringing drivers the excitement of a pure sports car. For more than 50 years we have been creating the legend of Z together. I'm glad you're with us for the next exciting chapter. The new Z is on its way."
Z Proto specifications
Engine V-6 twin turbo
Transmission 6-speed manual
Length 4,382 mm
Width 1,850 mm
Height 1,310 mm
Wheel and tire size Front: 255/40R19
autonomous driving level 在 CarDebuts Youtube 的精選貼文
เผยโฉม The new 2020 Mercedes-Benz CLA (เบนซ์ ซีแอลเอ) โฉมใหม่ล่าสุด ก่อนเปิดตัวในงาน CES 2019
Daimler at Consumer Electronics Show 2019
• World première of the new Mercedes-Benz CLA
• Two US premières: Mercedes-Benz EQC and Vision URBANETIC
• Daimler Trucks at CES with significant news about the strategy for
automated driving
• Follow the Daimler Trucks press conference live at daimler.com/live/
• Experience the Mercedes-Benz Cars press conference and talks live at
Mercedes me media: media.mercedes-benz.com/ces2019
Stuttgart/Las Vegas. Daimler's trade fair exhibition at the Consumer Electronics Show in Las
Vegas (CES; 8 to 11 January 2019) will be focusing fully on the outlook on the future of
mobility. Highlights include the world première of the new Mercedes-Benz CLA, US premières
of the battery-electric Mercedes-Benz EQC (combined power consumption:
22.2 kWh/100 km; combined CO2 emissions: 0 g/km, provisional figures)1 as well as the
revolutionary Vision URBANETIC mobility concept plus essential news about the Daimler
Trucks' strategy for automated trucks. After the Mercedes-Benz press conference, Sajjad
Khan, Member of the Divisional Board of Mercedes-Benz Cars, CASE and Vice President
Digital Vehicle & Mobility, will be giving an insight into the current developments within the
context of the Daimler-wide CASE digitalisation strategy – Connected, Autonomous,
Shared & Service and Electric Drive. In the afternoon, Wilfried Porth, Member of the Board of
Management of Daimler AG and Human Resources and Director of Labour Relations at
Daimler AG's Mercedes-Benz Vans, will be explaining the future of mobility using Vision
URBANETIC as an example.
On the day before (Monday, 7 January), Daimler Trucks will be providing an overview of the
most recent company and technology developments at the Keep Memory Alive Center
(KMAC) and will be announcing the company's next steps within the context of automated
driving. Media representatives will subsequently be given the opportunity to experience the
most recent products from the North American truck and bus/coach portfolio at the Las Vegas Motor Speedway.
The new Mercedes-Benz CLA will be showcased to the global public for the very first time, featuring its evolved MBUX (Mercedes-Benz User Experience) infotainment system, a technological innovation that premièred at CES in 2018. New functions have already been added a mere 12 months later. As a result, the new Mercedes-Benz CLA Coupé is not only the most emotional vehicle of its class, it is also a highly intelligent automotive specimen: the new CLA offers a number of clever solutions, from the MBUX Interior Assistant that identifies operation requests on the basis of movements to lend the vehicle interior a certain level of intelligence, to augmented reality for navigation and the ability to understand indirect voice commands as well as ENERGIZING COACH featuring individual fitness recommendations.
autonomous driving level 在 What are the 5 levels of autonomous driving? - Blickfeld 的相關結果
Level 0 Autonomous Driving – manual driving · Level 1 Autonomous Driving – driver assistance · Level 2 Autonomous Driving – partial automation. ... <看更多>
autonomous driving level 在 Levels of Autonomous Driving, Explained - J.D. Power 的相關結果
Levels of Autonomous Driving, Explained · Level 0 – No Driving Automation · Level 1 Driving Automation – Driver Assistance · Level 2 Driving ... ... <看更多>
autonomous driving level 在 The 6 Levels of Vehicle Autonomy Explained - Synopsys 的相關結果
Level 0 (No Driving Automation) · Level 1 (Driver Assistance) · Level 2 (Partial Driving Automation) · Level 3 (Conditional Driving Automation) · Level 4 (High ... ... <看更多>