QGEN - HR Practice Provider
แบบไหนที่เรียกว่า Talent คนเก่งที่องค์กรเราต้องการหน้าตาเป็นแบบไหน เราตอบคำถามนี้ได้ชัดเจนแล้วหรือยัง
หนึ่งในคำถามที่ผมเองจะถามกับผู้บริหารอยู่บ่อย ๆ เมื่อมีโอกาส ถ้าเราคิดเหมือนกันว่าเราอยากได้ Talent มาขับเคลื่อนองค์กร จะ Corporate จะ SME จะ StartUp ก็อยากได้ Talent และก่อนที่จะถอดใจว่า องค์กรแบบเราจะมี Talent ที่ไหนสนใจ ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า Talent ของเราเป็นแบบไหนกันแน่
แน่นอนว่าถ้า Talent ของเราซ้ำกับตลาด เราก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าทั้ง Attract และ Retain เราต้องใช้ Budget ไม่น้อยเลยในการแข่งขัน แต่ก็นั่นล่ะครับ เอาให้ชัวร์ก่อนว่า Talent ที่เราอยากได้ซ้ำกับในตลาดหรือไม่ซ้ำกันแน่
คิดให้ดี บางทีเราอาจจะเจอมุมมองใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
คำถามแรกที่ผมอยากจะให้ลองตอบดู เผื่อจะเป็นตัวช่วยให้เรากำหนดกลยุทธ์บริหารคนให้ชัดเจนขึ้น
Talent สำหรับองค์กรในแบบของเรา เป็นสิ่งที่คนคนนั้นต้องมีติดตัวมาตั้งแต่แรกแบบเต็มร้อยเลย หรือว่ามีให้เห็นแต่ซัก 20 % ที่เหลือพัฒนาได้
พอได้แนวทางที่จะไปทำอะไรต่อจากคำถามนี้มั้ยครับ
ถ้าองค์กรของเราเชื่อว่า Talent คือ Natural ต้องมีมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่มาพัฒนาเอาระหว่างที่เป็นพนักงาน นั่นหมายความว่า องค์กรควรจะต้องไปให้ความสำคัญกับ Talent Acquisition มากกว่า Talent Development การตอบคำถามเหล่านี้ให้ชัดเจน อย่างน้อยก็ช่วยทำให้เราเห็นว่ากลยุทธ์และการบริหารจัดการคนที่องค์กรทำอยู่ตอนนี้ สมเหตุสมผล และสอดคล้องกันอยู่หรือเปล่า
Talent Acquisition / Talent Development / Talent Management / Talent Pool เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการ Talent ซึ่งทั้งหมดนี้ ผู้บริหาร Leader และ HR น่าจะพอคุ้นเคยกันอยู่บ้าง หรืออาจจะไม่คุ้นเคยที่มันเรียกชื่อว่าแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงผมค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าลองไปหาข้อมูลดู หลายองค์กรอาจจะได้ลองดำเนินการไปแล้ว โดยที่อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีชื่อเรียก
อย่ายึดติดกับชื่อเรียก สนใจที่ Process และผลลัพธ์จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าองค์กรใหญ่ที่มีพร้อมเท่านั้นถึงจะสร้างความได้เปรียบในกลยุทธ์บริหารคนได้
สิ่งที่ผมอยากจะชวนคุยกันก็คือ เครื่องมือ Talent ต่าง ๆ ที่ผมกล่าวถึง อาจจะไม่มีประโยชน์เลย หรือเดินหน้าไปแบบผิดเพี้ยน ถ้าหากเราไม่กำหนดนิยาม Talent หรือ คนเก่ง ให้ชัดเจน แล้วถ้าเรานิยามไม่ชัด เราก็จัดกลุ่มไม่ได้ กลุ่มไหน Talent กลุ่มไหน Average
แล้วทำไมต้องจัดกลุ่ม เพราะองค์กรมีทรัพยากรทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงินอยู่จำกัด ถ้าจำเป็นต้อง Focus คนเก่งก็จะเป็นกลุ่มคนแรก ๆ ที่องค์กรต้องลงไปทำอะไรซักอย่างในแต่ละสถานการณ์ เช่น ถ้าองค์กรต้องลดขนาด Talent คือกลุ่มคนที่องค์กรจะพยายามอย่างมากให้อยู่กับองค์กรต่อไป
ถามอีกรอบ Talent ในความหมายขององค์กรของเราเป็นอย่างไร เหมือนหรือต่างจากองค์กรอื่น
ถ้ายังนึกไม่ออก หรือยังไม่ได้กำหนดให้ชัดเจน ผมมีหลักการมาเป็นแนวทางให้ 2 หลักการ
หลักการแรกเป็นการให้นิยามของ Dave Ulrich ซึ่งบอกว่า Talent ว่ามีองค์ประกอบของ 3C คือ Competency คือทักษะ ความรู้ความสามารถ ทัศนคติที่องค์กรต้องการ, Commitment คือมีความพยายามที่จะทำให้ได้อย่างที่รับปากไว้ และ Contribution คือทำงานแบบที่สนใจความก้าวหน้าขององค์กรก่อนความก้าวหน้าของตนเอง
อีกหนึ่งหลักการของ QGEN ซึ่งมี 3C เช่นกันคือ มี Character และ Capability ที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กระ และมีนิสัยหรือพฤติกรรมที่แสดงออกมาสอดคล้องกับ Design Culture ขององค์กร
แค่สองหลักการทั้ง Dave Ulrich และ QGEN มีสิ่งที่จะต้องกระทุ้งผู้บริหารอยู่บ่อย ๆ ก็คือ คนเก่งหรือ Talent ยังเป็นคนเดิมอยู่มั้ย นี่คือที่มาว่าทำไมเราควรจะ Review ความหมายของ Talent กันในทุกครั้งที่องค์กรเกิดการเปลี่ยนแปลง
ถ้าความเก่งหรือ Talent ไม่คงที่ นั่นก็หมายความว่าคนที่เคยเป็น Talent อาจจะไม่ใช่ Talent อีกต่อไป แล้วกระบวนการในการบริหารหรือ Talent Management สอดคล้องกับนิยามของคำว่า Talent แค่ไหน รวมไปถึงการประเมินเพื่อชี้ให้ชัดด้วยว่าใครคือ Talent จะทำอย่างไร ลองดูง่าย ๆ จาก 2 แนวทาง เราจะเห็นว่าไม่ได้ใช้ตัววัดที่เป็น Numeric เท่านั้น แต่มีหลักการในเรื่องของพฤติกรรมด้วย
อีกหนึ่งคำถามที่น่าสนใจและคำตอบที่ได้ก็ควรระบุไว้ในเพื่อเป็นเงื่อนไขในการกำหนดกระบวนการบริหาร Talent
จำเป็นมั้ยที่ทุกระดับ หรือทุกตำแหน่งต้องมี Talent ?
ไม่ใช่เรื่องผิดเลยถ้าองค์กรเราจะกำหนดว่า Talent ขององค์กร คือพนักงานในระดับผู้จัดการที่มีได้ผลงานดี โดยวัดจากการที่ได้ A ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า3 ปี หรืออาจจะเป็น พนักงานในระดับ Supervisor ขึ้นไปที่มีคะแนน TOEIC ไม่ต่ำกว่า 800 คะแนน
ไม่มีอะไรผิดสำหรับการนิยาม แต่น่าจะผิดถ้าหากไม่นิยามให้ชัดเจน
ก่อนจะเริ่มพัฒนา หรือรักษา Talent ต้องทำให้ชัดก่อนว่า Talent Definition ของเราคืออะไร
#QGEN
#TalentManagement #PeopleStrategy
#HRTheNextGen
同時也有9部Youtube影片,追蹤數超過173的網紅電扶梯走左邊 Jacky,也在其Youtube影片中提到,✨本集來賓:Sean 是我在 Instagram 紐約的同事 - 我們雖然在 IG 不同 Team 在一些project合作過的經驗 | Projects we collaborated on at IG on different teams - 在Facebook可怕的升遷制度學到的經驗 | ...
「culture definition」的推薦目錄:
- 關於culture definition 在 HR - The Next Gen Facebook 的最佳貼文
- 關於culture definition 在 Mordeth13 Facebook 的最佳貼文
- 關於culture definition 在 Hew Kuan Yau 丘光耀 Facebook 的最佳解答
- 關於culture definition 在 電扶梯走左邊 Jacky Youtube 的精選貼文
- 關於culture definition 在 Mario 孝仔 & Momo Youtube 的最佳解答
- 關於culture definition 在 Wenwen Stokes Youtube 的最佳貼文
- 關於culture definition 在 What Is Culture? | Definition of Culture | - YouTube 的評價
culture definition 在 Mordeth13 Facebook 的最佳貼文
Jenna Cody :
Is Taiwan a real China?
No, and with the exception of a few intervening decades - here’s the part that’ll surprise you - it never has been.
This’ll blow your mind too: that it never has been doesn’t matter.
So let’s start with what doesn’t actually matter.
Until the 1600s, Taiwan was indigenous. Indigenous Taiwanese are not Chinese, they’re Austronesian. Then it was a Dutch colony (note: I do not say “it was Dutch”, I say it was a Dutch colony). Then it was taken over by Ming loyalists at the end of the Ming dynasty (the Ming loyalists were breakaways, not a part of the new Qing court. Any overlap in Ming rule and Ming loyalist conquest of Taiwan was so brief as to be inconsequential).
Only then, in the late 1600s, was it taken over by the Chinese (Qing). But here’s the thing, it was more like a colony of the Qing, treated as - to use Emma Teng’s wording in Taiwan’s Imagined Geography - a barrier or barricade keeping the ‘real’ Qing China safe. In fact, the Qing didn’t even want Taiwan at first, the emperor called it “a ball of mud beyond the pale of civilization”. Prior to that, and to a great extent at that time, there was no concept on the part of China that Taiwan was Chinese, even though Chinese immigrants began moving to Taiwan under Dutch colonial rule (mostly encouraged by the Dutch, to work as laborers). When the Spanish landed in the north of Taiwan, it was the Dutch, not the Chinese, who kicked them out.
Under Qing colonial rule - and yes, I am choosing my words carefully - China only controlled the Western half of Taiwan. They didn’t even have maps for the eastern half. That’s how uninterested in it they were. I can’t say that the Qing controlled “Taiwan”, they only had power over part of it.
Note that the Qing were Manchu, which at the time of their conquest had not been a part of China: China itself essentially became a Manchu imperial holding, and Taiwan did as well, once they were convinced it was not a “ball of mud” but actually worth taking. Taiwan was not treated the same way as the rest of “Qing China”, and was not administered as a province until (I believe) 1887. So that’s around 200 years of Taiwan being a colony of the Qing.
What happened in the late 19th century to change China’s mind? Japan. A Japanese ship was shipwrecked in eastern Taiwan in the 1870s, and the crew was killed by hostile indigenous people in what is known as the Mudan Incident. A Japanese emissary mission went to China to inquire about what could be done, only to be told that China had no control there and if they went to eastern Taiwan, they did so at their own peril. China had not intended to imply that Taiwan wasn’t theirs, but they did. Japan - and other foreign powers, as France also attempted an invasion - were showing an interest in Taiwan, so China decided to cement its claim, started mapping the entire island, and made it a province.
So, I suppose for a decade or so Taiwan was a part of China. A China that no longer exists.
It remained a province until 1895, when it was ceded to Japan after the (first) Sino-Japanese War. Before that could happen, Taiwan declared itself a Republic, although it was essentially a Qing puppet state (though the history here is interesting - correspondence at the time indicates that the leaders of this ‘Republic of Taiwan’ considered themselves Chinese, and the tiger flag hints at this as well. However, the constitution was a very republican document, not something you’d expect to see in Qing-era China.) That lasted for less than a year, when the Japanese took it by force.
This is important for two reasons - the first is that some interpretations of IR theory state that when a colonial holding is released, it should revert to the state it was in before it was taken as a colony. In this case, that would actually be The Republic of Taiwan, not Qing-era China. Secondly, it puts to rest all notions that there was no Taiwan autonomy movement prior to 1947.
In any case, it would be impossible to revert to its previous state, as the government that controlled it - the Qing empire - no longer exists. The current government of China - the PRC - has never controlled it.
After the Japanese colonial era, there is a whole web of treaties and agreements that do not satisfactorily settle the status of Taiwan. None of them actually do so - those which explicitly state that Taiwan is to be given to the Republic of China (such as the Cairo declaration) are non-binding. Those that are binding do not settle the status of Taiwan (neither the treaty of San Francisco nor the Treaty of Taipei definitively say that Taiwan is a part of China, or even which China it is - the Treaty of Taipei sets out what nationality the Taiwanese are to be considered, but that doesn’t determine territorial claims). Treaty-wise, the status of Taiwan is “undetermined”.
Under more modern interpretations, what a state needs to be a state is…lessee…a contiguous territory, a government, a military, a currency…maybe I’m forgetting something, but Taiwan has all of it. For all intents and purposes it is independent already.
In fact, in the time when all of these agreements were made, the Allied powers weren’t as sure as you might have learned about what to do with Taiwan. They weren’t a big fan of Chiang Kai-shek, didn’t want it to go Communist, and discussed an Allied trusteeship (which would have led to independence) or backing local autonomy movements (which did exist). That it became what it did - “the ROC” but not China - was an accident (as Hsiao-ting Lin lays out in Accidental State).
In fact, the KMT knew this, and at the time the foreign minister (George Yeh) stated something to the effect that they were aware they were ‘squatters’ in Taiwan.
Since then, it’s true that the ROC claims to be the rightful government of Taiwan, however, that hardly matters when considering the future of Taiwan simply because they have no choice. To divest themselves of all such claims (and, presumably, change their name) would be considered by the PRC to be a declaration of formal independence. So that they have not done so is not a sign that they wish to retain the claim, merely that they wish to avoid a war.
It’s also true that most Taiwanese are ethnically “Han” (alongside indigenous and Hakka, although Hakka are, according to many, technically Han…but I don’t think that’s relevant here). But biology is not destiny: what ethnicity someone is shouldn’t determine what government they must be ruled by.
Through all of this, the Taiwanese have evolved their own culture, identity and sense of history. They are diverse in a way unique to Taiwan, having been a part of Austronesian and later Hoklo trade routes through Southeast Asia for millenia. Now, one in five (I’ve heard one in four, actually) Taiwanese children has a foreign parent. The Taiwanese language (which is not Mandarin - that’s a KMT transplant language forced on Taiwanese) is gaining popularity as people discover their history. Visiting Taiwan and China, it is clear where the cultural differences are, not least in terms of civic engagement. This morning, a group of legislators were removed after a weekend-long pro-labor hunger strike in front of the presidential palace. They were not arrested and will not be. Right now, a group of pro-labor protesters is lying down on the tracks at Taipei Main Station to protest the new labor law amendments.
This would never be allowed in China, but Taiwanese take it as a fiercely-guarded basic right.
*
Now, as I said, none of this matters.
What matters is self-determination. If you believe in democracy, you believe that every state (and Taiwan does fit the definition of a state) that wants to be democratic - that already is democratic and wishes to remain that way - has the right to self-determination. In fact, every nation does. You cannot be pro-democracy and also believe that it is acceptable to deprive people of this right, especially if they already have it.
Taiwan is already a democracy. That means it has the right to determine its own future. Period.
Even under the ROC, Taiwan was not allowed to determine its future. The KMT just arrived from China and claimed it. The Taiwanese were never asked if they consented. What do we call it when a foreign government arrives in land they had not previously governed and declares itself the legitimate governing power of that land without the consent of the local people? We call that colonialism.
Under this definition, the ROC can also be said to be a colonial power in Taiwan. They forced Mandarin - previously not a language native to Taiwan - onto the people, taught Chinese history, geography and culture, and insisted that the Taiwanese learn they were Chinese - not Taiwanese (and certainly not Japanese). This was forced on them. It was not chosen. Some, for awhile, swallowed it. Many didn’t. The independence movement only grew, and truly blossomed after democratization - something the Taiwanese fought for and won, not something handed to them by the KMT.
So what matters is what the Taiwanese want, not what the ROC is forced to claim. I cannot stress this enough - if you do not believe Taiwan has the right to this, you do not believe in democracy.
And poll after poll shows it: Taiwanese identify more as Taiwanese than Chinese (those who identify as both primarily identify as Taiwanese, just as I identify as American and Armenian, but primarily as American. Armenian is merely my ethnicity). They overwhelmingly support not unifying with China. The vast majority who support the status quo support one that leads to eventual de jure independence, not unification. The status quo is not - and cannot be - an endgame (if only because China has declared so, but also because it is untenable). Less than 10% want unification. Only a small number (a very small minority) would countenance unification in the future…even if China were to democratize.
The issue isn’t the incompatibility of the systems - it’s that the Taiwanese fundamentally do not see themselves as Chinese.
A change in China’s system won’t change that. It’s not an ethnic nationalism - there is no ethnic argument for Taiwan (or any nation - didn’t we learn in the 20th century what ethnicity-based nation-building leads to? Nothing good). It’s not a jingoistic or xenophobic nationalism - Taiwanese know that to be dangerous. It’s a nationalism based on shared identity, culture, history and civics. The healthiest kind of nationalism there is. Taiwan exists because the Taiwanese identify with it. Period.
There are debates about how long the status quo should go on, and what we should risk to insist on formal recognition. However, the question of whether or not to be Taiwan, not China…
…well, that’s already settled.
The Taiwanese have spoken and they are not Chinese.
Whatever y’all think about that doesn’t matter. That’s what they want, and if you believe in self-determination you will respect it.
If you don’t, good luck with your authoritarian nonsense, but Taiwan wants nothing to do with it.
culture definition 在 Hew Kuan Yau 丘光耀 Facebook 的最佳解答
立法提升博物馆的公共服务职能
Cadangan Dibuat Oleh YB Yeoh Untuk Penggubalan Rang Undang-Undang Enakmen Lembaga Muzium Negeri Pulau Pinang
George Town- YB Yeoh Soon Hin, EXCO Pelancongan dan Ekonomi Kreatif telah bercadang menggubalkan Rang Undang-Undang (RUU) bagi Enakamen Lembaga Muzium Negeri Pulau Pinang bagi memperuntukkan kuasa-kuasa baru kepada Lembaga Muzium Negeri Pulau Pinang untuk menyelia dan memantau operasi muzium-muzium swasta dan persendirian di Pulau Pinang.
Beliau berkata permohonan pandangan cadangan tersebut telah dibuat pada tahun lepas kepada Jabatan Peguam Negara Malaysia tentang pengubalan suatu RUU yang baharu bagi menggantikan Enakmen Lembaga Muzium Negeri Pulau Pinang 1972 yang sedia ada.
Beliau turut menambah sekiranya RUU tersebut diluluskan, RUU ini tidak akan terkesan kepada muzium-muzium persendirian yang sedia ada di Pulau Pinang.
“Dalam Persidangan Mesyuarat Pertama Penggal Keempat Dewan Undangan Negeri Pulau Pinang yang Ketiga Belas pada tahun 2016, semasa saya selaku ADUN telah membangkitkan isu kebanyakan muzium swasta tidak mencapai tahap bedasarkan kepada definasi yang diberikan oleh pihak ICOM atau Jabatan Muzium Negara.”
“Pada masa itu, saya juga bercadang pihak Kerajaan Negeri Pulau Pinang:
(i) harus memastikan kualiti muzium dan menetapkan garis panduan dan etika penubuhan muzium bagi memastikan muzium sebagai sebuah institusi pendidikan umum tidak formal, menyebarkan maklumat mengenai sejarah, kebudayaan dan alam semula jadi;
(ii) aktiviti yang dikendalikan oleh muzium-muzium mesti merupakan salah satu usaha yang diharapkan dapat membantu negara membina dan memperkukuhkan jati diri masyarakat di samping menjadi daya tarikan pelancong.”
Beliau berkata selaku EXCO Pelancongan, Seni, Budaya dan Warisan dan beliau juga merupakan Pengerusi Lembaga Muzium Negeri Pulau Pinang sejak 2018 (di mana sekarang dengan nama baharu kepada Pelancogan dan Ekonomi Kreatif) telah bermulakan kerja untuk menggubalkan Pembaharuan Rang Undang- Undang Enakamen Lembaga Muzium Negeri Pulau Pinang ini.
Yeoh berkata bahawa Rang Undang- Undang Enakamen Lembaga Muzium Negeri Pulau Pinang yang baru akan dibentangkan dalam Persidangan Mesyuarat Dewan Undangan Negeri Pulau Pinang yang akan datang ini nanti.
===============================
杨顺兴建议修改槟博物馆法案
(槟城讯)槟州旅游与创意经济委员会主席杨顺兴行政议员建议修改槟州博物馆机构法案,以赋予槟州博物馆机构权限,对私人或独立博物馆进行监督与监控工作。
他说,有关当局去年已致函总检察署,询问以新法案取代现有的1972年槟州博物馆机构法案。
他补充,新法案通过后,不会对当下已存在的私人或独立博物馆造成任何影响。
“实际上早在2016年槟州议会上,我以州议员身份在议会辩论时,已提及槟州大部分私人博物馆,没达到国际博物馆协会(ICOM)及国家博物馆的定义与标准。”
“当时我也建议槟州政府:
(一)必须设定条规及成立条件,以确保州内博物馆的素质。槟州政府必须确保所有博物馆,扮演非正式教育单位的角色、传达历史、自然、文化相关的资讯;
(二)所有博物馆所举办的活动,能够帮助国家建设及巩固社会身份认同,同时成为吸引游客的旅游景点。”
杨顺兴指出,自2018年始担任槟州旅游、艺术、文化与遗产委员会(现称槟州旅游与创意经济)行政议员,兼槟州博物馆委员会主席后,他便展开行动,修改槟州博物馆机构法案。
他说,新的槟州博物馆机构法案将在来临的槟州立法议会上提呈。
Proposal Made By YB Yeoh For Pengubalan Law Bill Enactment of Penang State Museum Board
George Town-YB Yeoh Soon Hin, Tourism EXCO and Creative Economy has planned to undermine Bill (Bill) for the Encounter of the Penang State Museum Board to allocate new powers to the Penang State Museum Board to overlook and monitor the operations of museumsiums private and private in Penang.
He said that the suggestion application was made last year to the Lawyer Negara Malaysia's Department on the remedy of a new Bill to replace the Enactment of the existing Penang 1972 State Museum Board.
He also added if the bill was approved, the bill would not be impressed with the existing private museums in Penang.
′′ In the First Meeting Conference of the 2016th of Penang State Legislative Hall in 2016, while I as ADUN has raised the issue of most private museums not reaching the definition of the definition given by the ICOM or the National Museum."
′′ At that time, I also planned the Penang State Government:
(i) must ensure the quality of the museum and set guidelines and ethics of the museum to ensure the museum as a formal public education institution, spreading information about history, culture and nature;
(ii) Activities controlled by museums must be one of the efforts that are expected to help the country build and strengthen the community's identity in addition to tourist attractions."
He said as Tourism EXCO, Arts, Culture and Heritage and he was also the Chairman of the Penang State Museum board since 2018 (where now with a new name to Tourism and Creative Economy) has started working to complete the Reform of the Encounter of the Board of the Encounter This Penang State Museum.
Yeoh said that the new Penang State Museum Board Enactment Bill will be presented at the upcoming Penang State Invitation Hall Meeting.
===============================
Yang Shun-hing proposes amendments to the Yang Museum Act
(Hangzhou Tourism and Creative Economic Commission, Mr YEUNG Shun-hing, Chairman of the Hangzhou Tourism and Creative Economics Commission, proposed to amend the Hangzhou Museum Institution Act to give Hangzhou Museum institutions the authority to superv
He said that the authorities had written to the Attorney General's Office last year asking about the replacement of the existing Hangzhou Museum Institution Act 1972 with a new bill.
He added that after the passage of the new bill, there would be no effect on the private or independent museums that exist at the moment.
′′ In fact, as early as 2016 in the Hangzhou Assembly, when I debated in the Parliament as a state member, I mentioned most of the private museums in Hangzhou, which did not meet the definition and standards of the International Association of Museums (ICOM)
′′ At that time, I also suggested the Hangzhou government:
(a) Regulations and conditions must be established to ensure the quality of museums in the state. The Hangzhou government must ensure that all museums play the role of informal education units and convey information related to history, nature and culture;
() The activities organized by all museums can help build and strengthen social identity and become tourist attractions for tourists."
Mr Yeung pointed out that since 2018, he was an executive member of the Hangzhou Tourism, Arts, Culture and Heritage Committee (now known as Hangzhou Tourism and Creative Economy) and chairman of the Hangzhou Museum Committee, he had State Museum Institution Act.
He said the new Hangzhou Museum Institution Act will be presented in the coming Hangzhou Legislative Assembly.Translated
culture definition 在 電扶梯走左邊 Jacky Youtube 的精選貼文
✨本集來賓:Sean 是我在 Instagram 紐約的同事
- 我們雖然在 IG 不同 Team 在一些project合作過的經驗 | Projects we collaborated on at IG on different teams
- 在Facebook可怕的升遷制度學到的經驗 | Lessons learned from Facebook's tough promotion
- 如何在大公司內離開舒適圈 | Leaving your comfort zone at a big company
- 哪一本書讓Sean學到如何對自己的快樂負責走出低潮療癒自我 | The book that helped Sean take responsibility of happiness & self healing
- 忙碌的幻覺 | The mirage of busyness
- 一個健康的感情該有的依賴獨立觀念 | What a healthy relationship looks like in terms of dependency
- 還有Sean 做很多有趣的自我實驗 | Interesting social experiments Sean did
📚 Books mentioned:
- The Happiness Project
- Essentialism
- Extreme Ownership
- 7 Habits of Highly Effective People
- Working Out Loud
我們每集都會辦抽書活動,記得 follow 我們 🤩
IG: https://www.instagram.com/leftsideescalator.jacky/
FB: https://www.facebook.com/LeftSideEscalator.Jacky/
***
(00:02:20) 紐約疫情爆發的恐怖經驗 | Covid19 disaster in New York
(00:04:55) 台灣長大,美國念書的文化衝擊,如何融入 | Growing up in Taiwan, moving to the US, culture shock and assimilating
(00:07:27) 回來當兵?!| Military Service?
(00:07:40) 進Facebook的經驗,Instagram的工作經驗 | Experience joining Facebook and working at Instagram
(00:12:47) 如何在大公司跳出舒適圈,挑戰新領域 | Leaving your comfort zone at a big company, trying a new area
(00:17:25) Instagram工作的有趣經歷 | Interesting working experience at Instagram
(00:20:02) 職涯的意義 | Sean's career meaning
(00:23:48) 大家不喜歡「改變」這件事 | People resist change
(00:27:35) Kobe的啟發跟過世 | Kobe's inspiration & legacy
(00:32:22) 5am 早起運動,借助團體的力量達成更好的自律 | 5 am workouts, the power of communities
(00:34:12) 時間管理的好習慣 | Time management habits
(00:37:15) 最有影響的書幫他走出低潮療癒自我 | Most influential book to get through dark time & self heal
(00:39:41) 健康感情如何不失去自我 | How to not lose yourself in a healthy relationship
(00:44:26) 從 Facebook 升遷的壓力學到的慘痛經驗,解決問題代替責怪 | Lesson learned from Facebook's tough promotion pressure, ownership over blame game
(00:49:56) 如何改進 反省自己 | How to self reflect & improve
(00:52:40) 成功的定義 | Definition of success
(00:54:39) 快樂的定義 | Definition of happiness
(00:55:56) 如何改變世界 | How to change the world
(00:57:43) 一年吃素挑戰 | Vegetarian challenge for a year
(1:03:01) 總結 | Conclusion
culture definition 在 Mario 孝仔 & Momo Youtube 的最佳解答
我們常說香港是個國際城市,
其實很多人口中的「國際化」都只向歐美文化傾斜,
對於列強以外的文化似乎不太感興趣。
在港居住的非洲裔大約有三千人,
是比南亞族裔更少數的一群。
非洲文化從不是主流媒體的寵兒,
對他們的認識更是一知半解。
這次我們在香港,來一趟非洲之旅。
As we’ve always said, Hong Kong is an international city.
However, the definition of “Internationalization” was mainly focusing on western culture, and does not seems much interested in the rest of the world.
The population of African in Hong Kong is around 3,000, which is way less than the number of other South-Asian ethnic minorities. African culture don’t often to be seen on the mainstream media.
So today, it's our turn to experience something that we didn't know about.
---------------------------------------------------------
//FOLLOW US//
►Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCIvpVyXrw_lLbZoGR_0RRuQ
►Facebook
https://www.facebook.com/mariohau1995
►Instagram
Mario ☞ https://www.instagram.com/mariohau_/
Momo☞ https://www.instagram.com/momokwok/
---------------------------------------------------------
//SHOP INFO//
Sister Precious (African/Black American/Afro Braids in Hong kong)
Shop 18, 1/F, Mirador Mansion, 54-58 Nathan Road, Tsim Sha Tsui
Phone: 51815771
https://sister-precious-africanblack-americanafro-braids-in.business.site/
Paul’S Kitchen
Shop 21, 1/F, Chungking Mansion, 36-44 Nathan Road, Tsim Sha Tsui
Phone: 39562178
culture definition 在 Wenwen Stokes Youtube 的最佳貼文
Hey guys, a bit of a different video this time :) Hope you guys found something interesting!
Definition of Third Culture Kid (TCK) (Wikipedia definition):
Third culture kids (TCK) are persons raised in a culture other than their parents' or the culture of the country named on their passport (where they are legally considered native) for a significant part of their early development years.[1] They are exposed to a greater variety of cultural influences.[2] The term can refer to both adults and children, as the term "kid" points more to an individual's formative or developmental years, but for clarification, sometimes the term adult third culture kid (ATCK) is used.
culture definition 在 What Is Culture? | Definition of Culture | - YouTube 的推薦與評價
... <看更多>